ความสุขเล็กๆ

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

บางที “ความสุข” ในชีวิตก็เป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไม่มีใครนึกถึง

อย่างเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ถ้ามีใครถามว่าผมมี “ความสุข” กับเรื่องอะไรมากที่สุด

คำตอบของผมคงทำให้ทุกคนแปลกใจ

“ความสุข” ของผม คือ การขาย “ทุเรียนหล่น” 2 กล่องครับ

ไม่ได้เป็นเรื่อง “เงิน”

เพราะ 2 กล่องเป็นเงินแค่พันกว่าบาท

แต่เป็นเรื่อง “ความรู้สึก” บางอย่างในใจ

 

ช่วงนี้เพจ “หนุ่มเมืองจันท์” ของผมได้แปลงกายเป็นบูธขายทุเรียนและมังคุดอย่างเต็มรูปแบบ

เพราะทุเรียน-มังคุด ที่สวนเริ่มสุกแล้ว

ปีที่แล้วผมเริ่มขายออนไลน์อย่างเป็นทางการ เนื่องจาก “จอย” น้องสาวบ่นว่าขายล้งตามระบบปกติได้ราคาต่ำมาก

เพราะสวนของผมเป็นสวนเกษตรอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมี

ผลผลิตจึงไม่สวยงามเหมือนสวนที่ใช้สารเคมี

ร่องรอยบนเปลือกเยอะมาก

ไม่ตรงตามมาตรฐานของ “ล้ง”

แต่พอผมนำมาขายออนไลน์ผ่านเพจ เขียนเล่าที่มาของสวนสันติเกษตรอินทรีย์

คนที่ชอบผลไม้ออร์แกนิก จะรู้สึกว่าลวดลายบนเปลือกทุเรียน-มังคุด มี “คุณค่า”

เป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นว่าปลอดสารเคมีอย่างแท้จริง

ปีที่แล้วขายค่อนข้างดี ปีนี้ก็เลยเอาจริงเอาจังขึ้นกว่าเดิม

มีพัฒนาการหลายเรื่องครับ

นอกจากการสร้างโรงเรือนใหม่เพื่อเป็นสถานที่แพ็กผลไม้

“กล่อง” เราก็สั่งพิมพ์ใหม่

ปีที่แล้วเราใช้กล่องผลไม้ของ KERRY

แต่ปีนี้เป็นกล่องของสวนสันติเกษตรอินทรีย์

ประทับตรา Organic Thailand ด้วย

Organic Thailand เป็นสัญลักษณ์รับรองจากกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าสวนนี้ใช้กระบวนการด้านเกษตรอินทรีย์จริงๆ

“จอย” ใช้เวลาหลายปีกว่าจะยื่นขอสำเร็จ

เพราะต้องปล่อยดินให้ปลอดสารเคมี 100% ไม่ต่ำกว่า 2 ปี

ปลูกต้นไม้เป็นแนวกันชนกับสวนที่ใช้สารเคมี

มีเจ้าหน้าที่มาตรวจหลายครั้งมาก กว่าจะเรียบร้อย

บนกล่องผมเขียนข้อความสั้นๆ เล่าถึงที่มาของสวน

…”ผลไม้จาก ‘สวนสันติเกษตรอินทรีย์’ เกิดจาก ‘ความรัก’

‘ความรัก’ ในวิถีชาวสวนของ ‘ป๋า’

และลูกๆ ได้ขยาย ‘ความรัก’ ให้กว้างใหญ่ขึ้น

ยอมไม่ใช้สารเคมีเลย แม้จะได้ผลผลิตน้อยลง

เราเปลี่ยนสวนให้เป็นสวน organic 100%

เพราะเรารักคุณ และโลกใบนี้”

“จดหมายรัก” ในกล่องก็เขียนใหม่ ใส่ซองขนาดใหญ่ให้อลังการงานสร้างยิ่งกว่าเดิม

ทุกอย่างพร้อมหมด

ยกเว้นเรื่องเดียว

คือ “ทุเรียน-มังคุด” ไม่พร้อม

 

ปีนี้ ผลผลิต “ทุเรียน” และ “มังคุด” น้อยมากเลยครับ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

น่าจะลดลงไม่ต่ำกว่า 30%

แต่รสชาติอร่อยกว่าเดิม เพราะอัดปุ๋ยอินทรีย์เต็มที่ ดูแลเป็นอย่างดี

ผมเริ่มเปิดขายแบบ “วู่วามเซลส์” เพราะของมีน้อย

“วู่วามเซลส์” คือ อยู่ดีๆ ก็ขายเลย

ผลตอบรับยังดีเหมือนเดิมครับ

20 กล่องหมดภายใน 1 นาที

เริ่มขายทั้งทุเรียนและมังคุด

ทยอยขายไปเรื่อยๆ

แต่พอถึงช่วงที่ตัดทุเรียนล็อตที่ 2 ตรงกับช่วงสงกรานต์ ซึ่งน่าจะมีปัญหาเรื่องการจัดส่ง

คนสวนก็เสนอว่าให้แขวนทุเรียนไว้ก่อน

รอตัดหลังสงกรานต์

คำว่า “แขวน” ของชาวสวนคือ ปล่อยทุเรียนไว้บนต้นก่อน ยังไม่ตัด ให้สุกบนต้นไปเรื่อยๆ

แต่ยังไม่ทันพ้นสงกรานต์เลย ทุเรียนพวงมณีที่ถึงคิวตัดก็เริ่มร่วง

เป็นสัญญาณบอกว่าฉันทนไม่ไหวแล้ว ตัดฉันเถอะ

ที่สำคัญ ไม่ได้ร่วงแค่ 1-2 ลูก

แต่ร่วงเป็นสิบลูก

ผมเลยบอกน้องว่าตัดเถอะ เสียดาย

ยิ่งทุเรียนปีนี้มีน้อยด้วย

พอตัดเสร็จ น้องก็บรรจุลงกล่อง ชั่งน้ำหนัก และแจ้งยอดมาทางผมว่ามีกี่กล่อง

ผมจะให้ “เอไอแพน” ผู้ช่วยผมนำเข้าระบบ

และเปิดการขาย

ก็เหมือนเดิม 1 นาทีหมด

แต่ผมเห็น “ทุเรียนหล่น” ในเข่งแล้วเสียดาย

เพราะสำหรับชาวสวนแล้ว “ทุเรียนหล่น” คือ ทุเรียนที่สุกจัด

อร่อยมาก

…ทำยังไงดี

ตัดสินใจเขียนข้อความในเพจ

เล่าเรื่องความทุกข์ใจของผม

“ตั้งแต่เด็กๆ ผมคุ้นเคยกับการกินทุเรียนสุกจัด เนื้อนิ่มๆ

ที่บ้านจะกินกับ “ข้าวเหนียวมูล”

ชาวสวนที่เมืองจันท์ส่วนใหญ่จะกินทุเรียนแบบนี้ เพราะรสชาติเข้มข้น หวานจัด

ชาวสวนภาคใต้ก็เหมือนกัน

รสชาติมันๆ เค็มๆ ของ “ข้าวเหนียวมูล” ตัดกับความหวานของทุเรียน

กลายเป็นรสละมุนที่เลอค่ามาก

บางทีผมถึงขั้นเอาเนื้อทุเรียนมาขยำกับข้าวเหนียว

เพื่อให้รสชาติเนื้อทุเรียนกับข้าวเหนียวผสมผสานเป็นเนื้อเดียวกัน

อร่อยมาก

มีใครเคยลองไหมครับ

“ทุเรียนหล่น” สำหรับบ้านผมจึงเป็นทุเรียนที่ล้ำค่า เพราะสุกคาต้น

ยิ่งหล่นยิ่งอร่อย

ถือเป็นธรรมชาติจัดสรร 555

เหมือนกับผลไม้ทุกอย่างที่สุกคาต้น

“มังคุด” ที่ดำเข้มๆ จะอร่อยกว่ามังคุดที่เก็บตอนเขียวกึ่งม่วงแล้วมารอให้สุกอีก 4-5 วัน

“เงาะ” ที่สุกคาต้นจะอร่อยกว่าเงาะที่ขายทั่วไป

เนื้อจะหวานฉ่ำมาก

ตอนที่มากรุงเทพฯ ใหม่ๆ ผมจึงแปลกใจที่คนกรุงกิน “หมอนทอง” แบบกรอบๆ

เพราะรสชาติไม่เข้มข้นเหมือนเคยกินสมัยเด็กๆ

กว่าจะปรับตัวปรับใจต้องใช้เวลาหลายปี

ตอนนี้ผมเลยกลายเป็นคน 2 ใจ

กินได้ทั้งทุเรียนแบบกรอบนอกนุ่มใน และแบบนิ่มๆ

มาแบบไหนกินได้หมด

รสนิยมด้านการกินจึงเป็นเรื่องเฉพาะตัวครับ

ความอร่อยของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน

เหมือน “มังคุดจิ๋ว” ที่ไร้ค่าสำหรับคนชอบกินมังคุดลูกใหญ่ๆ

แต่ก็มีคนชอบ “มังคุดจิ๋ว” เพราะกินคำเดียวทั้งลูก ไม่ต้องคายเม็ด

วันนี้ที่สวนกำลังตัดทุเรียนล็อตใหญ่ครับ ส่วนใหญ่เป็น “พวงมณี”

จะเปิดขายตอน 19.00 น.

ตอนเช้าน้องบอกว่ามี “พวงมณีหล่น” เพราะสุกจัดหลายลูก

จะขายล้งก็เสียดาย

ผมบอกน้องว่าจะลองเขียนในเพจเผื่อมีคนชอบ “ทุเรียนหล่น”

มีใครสนใจบ้างไหมครับ

ถ้าสนใจแจ้งในคอมเมนต์เลย จะจัดส่งให้ตอนบ่าย 3 วันนี้”

 

แป๊บเดียวครับ หมดเกลี้ยง

มีความสุขมาก

ไม่ใช่เพราะขายทุเรียนได้

แต่เหมือนมีคนตอบรับ “ความเชื่อ” ของผมว่าต้องมีบางคนที่ชอบกินทุเรียนสุกจัดเนื้อนิ่มๆ เหมือนกัน

ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชอบทุเรียนกรอบนอก นุ่มใน

ที่สำคัญเป็นการย้ำเตือนถึงสัจธรรมของชื่อหนังสือเล่มหนึ่ง

“โลกนี้ไม่มีใครที่ไร้ค่า”

ครับ ไม่มีทุเรียนลูกใดที่ไร้ค่า •

 

 

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ | หนุ่มเมืองจันท์

www.facebook.com/boycitychanFC