ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 - 27 เมษายน 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ |
ผู้เขียน | หนุ่มเมืองจันท์ |
เผยแพร่ |
บางที “ความสุข” ในชีวิตก็เป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไม่มีใครนึกถึง
อย่างเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ถ้ามีใครถามว่าผมมี “ความสุข” กับเรื่องอะไรมากที่สุด
คำตอบของผมคงทำให้ทุกคนแปลกใจ
“ความสุข” ของผม คือ การขาย “ทุเรียนหล่น” 2 กล่องครับ
ไม่ได้เป็นเรื่อง “เงิน”
เพราะ 2 กล่องเป็นเงินแค่พันกว่าบาท
แต่เป็นเรื่อง “ความรู้สึก” บางอย่างในใจ
ช่วงนี้เพจ “หนุ่มเมืองจันท์” ของผมได้แปลงกายเป็นบูธขายทุเรียนและมังคุดอย่างเต็มรูปแบบ
เพราะทุเรียน-มังคุด ที่สวนเริ่มสุกแล้ว
ปีที่แล้วผมเริ่มขายออนไลน์อย่างเป็นทางการ เนื่องจาก “จอย” น้องสาวบ่นว่าขายล้งตามระบบปกติได้ราคาต่ำมาก
เพราะสวนของผมเป็นสวนเกษตรอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมี
ผลผลิตจึงไม่สวยงามเหมือนสวนที่ใช้สารเคมี
ร่องรอยบนเปลือกเยอะมาก
ไม่ตรงตามมาตรฐานของ “ล้ง”
แต่พอผมนำมาขายออนไลน์ผ่านเพจ เขียนเล่าที่มาของสวนสันติเกษตรอินทรีย์
คนที่ชอบผลไม้ออร์แกนิก จะรู้สึกว่าลวดลายบนเปลือกทุเรียน-มังคุด มี “คุณค่า”
เป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นว่าปลอดสารเคมีอย่างแท้จริง
ปีที่แล้วขายค่อนข้างดี ปีนี้ก็เลยเอาจริงเอาจังขึ้นกว่าเดิม
มีพัฒนาการหลายเรื่องครับ
นอกจากการสร้างโรงเรือนใหม่เพื่อเป็นสถานที่แพ็กผลไม้
“กล่อง” เราก็สั่งพิมพ์ใหม่
ปีที่แล้วเราใช้กล่องผลไม้ของ KERRY
แต่ปีนี้เป็นกล่องของสวนสันติเกษตรอินทรีย์
ประทับตรา Organic Thailand ด้วย
Organic Thailand เป็นสัญลักษณ์รับรองจากกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าสวนนี้ใช้กระบวนการด้านเกษตรอินทรีย์จริงๆ
“จอย” ใช้เวลาหลายปีกว่าจะยื่นขอสำเร็จ
เพราะต้องปล่อยดินให้ปลอดสารเคมี 100% ไม่ต่ำกว่า 2 ปี
ปลูกต้นไม้เป็นแนวกันชนกับสวนที่ใช้สารเคมี
มีเจ้าหน้าที่มาตรวจหลายครั้งมาก กว่าจะเรียบร้อย
บนกล่องผมเขียนข้อความสั้นๆ เล่าถึงที่มาของสวน
…”ผลไม้จาก ‘สวนสันติเกษตรอินทรีย์’ เกิดจาก ‘ความรัก’
‘ความรัก’ ในวิถีชาวสวนของ ‘ป๋า’
และลูกๆ ได้ขยาย ‘ความรัก’ ให้กว้างใหญ่ขึ้น
ยอมไม่ใช้สารเคมีเลย แม้จะได้ผลผลิตน้อยลง
เราเปลี่ยนสวนให้เป็นสวน organic 100%
เพราะเรารักคุณ และโลกใบนี้”
“จดหมายรัก” ในกล่องก็เขียนใหม่ ใส่ซองขนาดใหญ่ให้อลังการงานสร้างยิ่งกว่าเดิม
ทุกอย่างพร้อมหมด
ยกเว้นเรื่องเดียว
คือ “ทุเรียน-มังคุด” ไม่พร้อม
ปีนี้ ผลผลิต “ทุเรียน” และ “มังคุด” น้อยมากเลยครับ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
น่าจะลดลงไม่ต่ำกว่า 30%
แต่รสชาติอร่อยกว่าเดิม เพราะอัดปุ๋ยอินทรีย์เต็มที่ ดูแลเป็นอย่างดี
ผมเริ่มเปิดขายแบบ “วู่วามเซลส์” เพราะของมีน้อย
“วู่วามเซลส์” คือ อยู่ดีๆ ก็ขายเลย
ผลตอบรับยังดีเหมือนเดิมครับ
20 กล่องหมดภายใน 1 นาที
เริ่มขายทั้งทุเรียนและมังคุด
ทยอยขายไปเรื่อยๆ
แต่พอถึงช่วงที่ตัดทุเรียนล็อตที่ 2 ตรงกับช่วงสงกรานต์ ซึ่งน่าจะมีปัญหาเรื่องการจัดส่ง
คนสวนก็เสนอว่าให้แขวนทุเรียนไว้ก่อน
รอตัดหลังสงกรานต์
คำว่า “แขวน” ของชาวสวนคือ ปล่อยทุเรียนไว้บนต้นก่อน ยังไม่ตัด ให้สุกบนต้นไปเรื่อยๆ
แต่ยังไม่ทันพ้นสงกรานต์เลย ทุเรียนพวงมณีที่ถึงคิวตัดก็เริ่มร่วง
เป็นสัญญาณบอกว่าฉันทนไม่ไหวแล้ว ตัดฉันเถอะ
ที่สำคัญ ไม่ได้ร่วงแค่ 1-2 ลูก
แต่ร่วงเป็นสิบลูก
ผมเลยบอกน้องว่าตัดเถอะ เสียดาย
ยิ่งทุเรียนปีนี้มีน้อยด้วย
พอตัดเสร็จ น้องก็บรรจุลงกล่อง ชั่งน้ำหนัก และแจ้งยอดมาทางผมว่ามีกี่กล่อง
ผมจะให้ “เอไอแพน” ผู้ช่วยผมนำเข้าระบบ
และเปิดการขาย
ก็เหมือนเดิม 1 นาทีหมด
แต่ผมเห็น “ทุเรียนหล่น” ในเข่งแล้วเสียดาย
เพราะสำหรับชาวสวนแล้ว “ทุเรียนหล่น” คือ ทุเรียนที่สุกจัด
อร่อยมาก
…ทำยังไงดี
ตัดสินใจเขียนข้อความในเพจ
เล่าเรื่องความทุกข์ใจของผม
“ตั้งแต่เด็กๆ ผมคุ้นเคยกับการกินทุเรียนสุกจัด เนื้อนิ่มๆ
ที่บ้านจะกินกับ “ข้าวเหนียวมูล”
ชาวสวนที่เมืองจันท์ส่วนใหญ่จะกินทุเรียนแบบนี้ เพราะรสชาติเข้มข้น หวานจัด
ชาวสวนภาคใต้ก็เหมือนกัน
รสชาติมันๆ เค็มๆ ของ “ข้าวเหนียวมูล” ตัดกับความหวานของทุเรียน
กลายเป็นรสละมุนที่เลอค่ามาก
บางทีผมถึงขั้นเอาเนื้อทุเรียนมาขยำกับข้าวเหนียว
เพื่อให้รสชาติเนื้อทุเรียนกับข้าวเหนียวผสมผสานเป็นเนื้อเดียวกัน
อร่อยมาก
มีใครเคยลองไหมครับ
“ทุเรียนหล่น” สำหรับบ้านผมจึงเป็นทุเรียนที่ล้ำค่า เพราะสุกคาต้น
ยิ่งหล่นยิ่งอร่อย
ถือเป็นธรรมชาติจัดสรร 555
เหมือนกับผลไม้ทุกอย่างที่สุกคาต้น
“มังคุด” ที่ดำเข้มๆ จะอร่อยกว่ามังคุดที่เก็บตอนเขียวกึ่งม่วงแล้วมารอให้สุกอีก 4-5 วัน
“เงาะ” ที่สุกคาต้นจะอร่อยกว่าเงาะที่ขายทั่วไป
เนื้อจะหวานฉ่ำมาก
ตอนที่มากรุงเทพฯ ใหม่ๆ ผมจึงแปลกใจที่คนกรุงกิน “หมอนทอง” แบบกรอบๆ
เพราะรสชาติไม่เข้มข้นเหมือนเคยกินสมัยเด็กๆ
กว่าจะปรับตัวปรับใจต้องใช้เวลาหลายปี
ตอนนี้ผมเลยกลายเป็นคน 2 ใจ
กินได้ทั้งทุเรียนแบบกรอบนอกนุ่มใน และแบบนิ่มๆ
มาแบบไหนกินได้หมด
รสนิยมด้านการกินจึงเป็นเรื่องเฉพาะตัวครับ
ความอร่อยของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน
เหมือน “มังคุดจิ๋ว” ที่ไร้ค่าสำหรับคนชอบกินมังคุดลูกใหญ่ๆ
แต่ก็มีคนชอบ “มังคุดจิ๋ว” เพราะกินคำเดียวทั้งลูก ไม่ต้องคายเม็ด
วันนี้ที่สวนกำลังตัดทุเรียนล็อตใหญ่ครับ ส่วนใหญ่เป็น “พวงมณี”
จะเปิดขายตอน 19.00 น.
ตอนเช้าน้องบอกว่ามี “พวงมณีหล่น” เพราะสุกจัดหลายลูก
จะขายล้งก็เสียดาย
ผมบอกน้องว่าจะลองเขียนในเพจเผื่อมีคนชอบ “ทุเรียนหล่น”
มีใครสนใจบ้างไหมครับ
ถ้าสนใจแจ้งในคอมเมนต์เลย จะจัดส่งให้ตอนบ่าย 3 วันนี้”
แป๊บเดียวครับ หมดเกลี้ยง
มีความสุขมาก
ไม่ใช่เพราะขายทุเรียนได้
แต่เหมือนมีคนตอบรับ “ความเชื่อ” ของผมว่าต้องมีบางคนที่ชอบกินทุเรียนสุกจัดเนื้อนิ่มๆ เหมือนกัน
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชอบทุเรียนกรอบนอก นุ่มใน
ที่สำคัญเป็นการย้ำเตือนถึงสัจธรรมของชื่อหนังสือเล่มหนึ่ง
“โลกนี้ไม่มีใครที่ไร้ค่า”
ครับ ไม่มีทุเรียนลูกใดที่ไร้ค่า •
ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ | หนุ่มเมืองจันท์
www.facebook.com/boycitychanFC
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022