ตำรวจโชว์พร้อมดูแลเลือกตั้ง ส.ส. ‘บิ๊กเด่น’ มอบ ‘พล.ต.อ.รอย’ คุม ศลต. จับตา พท. ‘บ้านใหญ่’ ชน ‘บ้านใหม่’

บทความโล่เงิน

 

ตำรวจโชว์พร้อมดูแลเลือกตั้ง ส.ส.

‘บิ๊กเด่น’ มอบ ‘พล.ต.อ.รอย’ คุม ศลต.

จับตา พท. ‘บ้านใหญ่’ ชน ‘บ้านใหม่’

 

เหลือเวลาไม่ถึงเดือน ศึกเลือกตั้ง ส.ส.จะระเบิดขึ้นแล้ว

ตำรวจในฐานะผู้ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและทำหน้าที่ป้องกันเหตุ ได้เตรียมพร้อมเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎกติกาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะจัดเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พฤษภาคม

“บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ แม่ทัพสีกากี ได้ลงนามเมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา มอบหมาย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศลต.ตร.)

โดยมี ผช.ผบ.ตร. ฝ่ายมั่นคงเป็นรอง ผอ.ศลต.ตร. และ ผบช.สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ เป็น ผช.ผอ.ศลต.ตร.

มีฝ่ายอำนวยการ ประกอบด้วย ฝ่ายกำลังพล, ฝ่ายการข่าว, ฝ่ายแผน, ฝ่ายส่งกำลังบำรุง, ฝ่ายประชาสัมพันธ์, ฝ่ายงบประมาณและการเงิน, ฝ่ายกฎหมาย และฝ่ายเทคโนโลยีและการสื่อสาร

ฝ่ายปฏิบัติการ มาจากตำรวจที่รับมอบหมายในสังกัด บช.น., ตำรวจ ภ.1-9, บช.ก., บช.ตชด., บช.ส. และ บช.สอท. หรือ บช.ไซเบอร์

ฝ่ายสนับสนุน จัดกำลังตามความเหมาะสม ประกอบด้วย ฝ่ายสืบสวนและไต่สวน, ฝ่ายขนส่ง, ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด, กองร้อยควบคุมฝูงชน, ฝ่ายการจัดการจราจร, ฝ่ายสืบสวนหาข่าวและชุดตรวจสอบคุณสมบัติ

และกองหนุน ที่จัดกำลังพลจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ 2 กองร้อย ให้เตรียมการ ณ ที่ตั้งพร้อมสนับสนุนการปฏิบัติงานของตำรวจท้องที่เมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งการ

พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์

อํานาจหน้าที่ ศลต.ตร. มีดังนี้

1. อำนวยการ ควบคุม สั่งการ ติดตามกำกับดูแลและให้คำแนะนำแก่หน่วยงานต่างๆ ในสังกัด ตร. รวมทั้งประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติในการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง

2. ให้ ผอ.ศลต.ตร.มีอำนาจสั่งการแทน ผบ.ตร. ในการบริหารงานบุคคล การสั่งการให้ข้าราชการตำรวจที่มีความรู้ความสามารถไปปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจนี้ตามความเหมาะสม โดยมีระยะเวลาเริ่มต้นและเสร็จสิ้นภารกิจที่ชัดเจน รวมทั้งให้มีอำนาจในการบริหารงบประมาณ พัสดุ การเงิน และให้สามารถมอบอำนาจในการบริหารและสั่งการต่อไปตามระเบียบของทางราชการ และคำสั่งของ ตร.

ศลต.ตร.จะใช้กำลังตำรวจดูแลความสงบเรียบร้อยมากกว่า 90,000 นาย

เปิดปฏิบัติการศูนย์ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน-17 พฤษภาคมนี้

 

นอกจากนี้ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่นำบทเรียนความรุนแรงและเหตุกระทบกระทั่งจากผู้เห็นต่างของกลุ่มทางการเมือง ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างการออกหาเสียงในแต่ละพื้นที่ ถอดบทเรียนว่าจะต้องมีมาตรการดูแลความปลอดภัยของผู้สมัคร ส.ส.และกองเชียร์อย่างไร

เบื้องต้นได้วางมาตรการให้ตำรวจทุกสถานีตำรวจและทุกหน่วยออกสืบสวนหาข่าว หากพบว่ามีการหาเสียงเลือกตั้งในจุดใดให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปช่วยตรวจสอบดูแลในจุดนั้นๆ ด้วย เพื่อป้องกันเหตุกระทบกระทั่งที่อาจจะเกิดขึ้น

อีกทั้งยังขอความร่วมมือไปถึงผู้เห็นต่างในแต่ละพื้นที่ไม่ให้กระทำผิดกฎหมาย เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างเรียบร้อย

ส่วนการตรวจสอบพื้นที่หาเสียงในจุดต่างๆ ทั่วประเทศพบว่ามีหลายพื้นที่หลายจังหวัดที่มีการแข่งขันกันสูง จะเข้าลักษณะ “บ้านใหญ่” นามสกุลดัง เจ้าของพื้นที่เดิม กับ “บ้านใหม่” ที่เพิ่งมีอำนาจทางการเมือง รัฐบาลประยุทธ์ที่ครองอำนาจรัฐ 8 ปีกว่า สร้างฐานทางการเมืองขึ้นมาวัดพลังเพื่อชิงพื้นที่แทน

โดยให้ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนจับตาดูกลุ่มการเมืองและหัวคะแนนต่างๆ อย่างใกล้ชิด ไม่ได้เฉพาะเจาะจงไปยังพื้นที่จังหวัดหรือกองบัญชาการตำรวจภูธรภาคใดเป็นพิเศษ ทุกพื้นที่สำคัญ

 

ที่สำคัญ “บิ๊กเด่น” กำชับตำรวจทุกนายให้ระมัดระวังการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และพฤติการณ์ที่เป็นการให้การช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกหัวคะแนน หรือกลุ่มการเมือง และพรรคต่างๆ หากมีการร้องเรียนหรือพบการกระทำความผิด ยืนยันว่าจะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดทุกนาย

และเพื่อให้ภารกิจเดินหน้าอย่างราบรื่น ป้องกันเหตุความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น ได้ระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม-10 เมษายน

จับกุมอาชญากรรมทั่วไป 15,707 คดี ผู้ต้องหา 16,670 คน และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1,284 คดี ผู้ต้องหา 1,272 คน

โดยเฉพาะข้อหาเกี่ยวกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ช่วงก่อนการเลือกตั้ง ตั้งแต่วันที่ 18-25 มีนาคม จับกุมรวม 3,116 ราย

ยึดของกลาง 67,980 รายการ

 

ระหว่างที่แต่ละพรรคลั่นกลองรบหาเสียงเลือกตั้งเพื่อช่วงชิง ส.ส. 400 เขตอยู่นั้น ปรากฏมีการทำลายป้ายหาเสียงกันหลายพื้นที่ ศลต.ตร.ได้ออกมาป้องปรามก่อน

พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงาน ผบ.ตร. โฆษก ศลต.ตร. แถลงเตือนประชาชนห้ามขีดเขียน หรือทำลายป้ายหาเสียงผู้สมัคร ส.ส. และพรรคการเมือง รวมทั้งการปลดป้ายหาเสียงด้วยตนเอง เพราะอาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 ฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ที่ผ่านมาได้รับรายงานจาก สน.ราษฎร์บูรณะ ว่า เมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 16.15 น. พนักงานวิทยุ สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งจากระบบแจ้งเหตุ 191 ว่า มีการทำลายป้ายหาเสียงบริเวณซอยราษฎร์บูรณะ 22-30 แขวงและเขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ตำรวจไปตรวจสอบ พบนายมงคล (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ยืนโวยวายอยู่บริเวณปากซอยราษฎร์บูรณะ 30 โดยมีชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงแจ้งว่านายมงคลน่าจะมีอาการทางจิต เป็นผู้ก่อเหตุ โดยปลดป้ายหาเสียงลงมา แต่ยังไม่ทันได้กรีดทำลายหรือทำให้เสียหายด้วยวิธีอื่นใด

จากการตรวจสอบป้ายที่ถูกปลดลงมามีจำนวน 17 ป้าย แยกเป็นป้ายพรรคพลังธรรมใหม่ 2 ป้าย, ป้ายพรรครวมไทยสร้างชาติ 3 ป้าย, ป้ายพรรคไทยสร้างไทย 2 ป้าย, ป้ายพรรคเสรีรวมไทย 2 ป้าย, ป้ายชาติพัฒนากล้า 2 ป้าย, ป้ายพรรคเพื่อไทย 3 ป้าย และป้ายพรรคพลังประชารัฐ 3 ป้าย เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวนายมงคลไปที่ สน.ราษฎร์บูรณะ จากการตรวจสอบน่าจะมีอาการไม่ปกติ ต่อมาสามารถติดต่อลูกชายได้ แจ้งว่าพ่อมีอาการทางประสาท ได้หายออกจากบ้านพักอาศัยในจังหวัดราชบุรีมาประมาณ 2 เดือนที่แล้ว

นอกจากนี้ ยังพบการทำลายป้ายอีกหลายพื้นที่ อาทิ อุบลราชธานี ของผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ กว่า 300 ป้าย

จับตาโค้งสุดท้าย บรรยากาศการหาเสียงยิ่งดุเด็ดเผ็ดมัน มีวิชามารใต้ดินเพื่อทำลายคู่ต่อสู้ทุกรูปแบบ

ดังนั้น นอกจาก กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งให้เป็นธรรมแล้ว ตำรวจต้องดูแลความสงบเรียบร้อยและวางตัวเป็นกลาง เพื่อไม่ให้การเลือกตั้งเป็นชนวนจุดความขัดแย้งในชาติครั้งใหม่