หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๗๓)

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ | ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๗๓)

 

ในความคิดฝัน เราอาจหยุดปูตินได้ หรือมีใครไปเปลี่ยนใจเขา หรือเขาเปลี่ยนใจเอง แต่หากเรามองลึกลงไปถึงหน่วยย่อยที่สุดของชีวิต เราจะพบว่า ไม่มีทางเลย ปูตินจะหยุดต่อเมื่อรบแพ้ และจะมีคนตายอีกมากมายนับแสน หรือนับล้าน

ความจริงต่างกับความคิด มากขนาดนี้เชียวหรือ

มนุษย์ทำอะไรไม่ได้เลยหรือ

 

ปูตินต้องการอะไร เขาต้องการความยิ่งใหญ่ใดกับรัสเซีย ในโลกยุคใหม่นี้ การได้ดินแดนเพิ่ม ไม่มีความหมายใด หรือการได้ทรัพยากรเพิ่ม ก็ไม่มีความหมายเช่นกัน

ความก้าวหน้า อยู่ที่การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือการพัฒนาคุณภาพของเด็กรุ่นใหม่ คือการรับมือกับปัญหาใหญ่หลวงในโลก เช่น ปัญหาโลกร้อน การพัฒนาเทคโนโลยี

เช่นเดียวกับจีน การได้ไต้หวัน ไม่มีประโยชน์ใดเลย มันมีค่าน้อยกว่าหนึ่งอีแปะ

แต่สงคราม เป็นสิ่งต้องห้าม ต้องหลีกเลี่ยงสูงสุด เพราะสงครามจะ disrupt ทุกสิ่ง ทำลายไม่เพียงชีวิต เศรษฐกิจ ระบบการคมนาคม การขนส่ง ทำลายเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม ทุกการทำงานใดในโลก

แต่คุณมองดีๆ จีนจะบุกไต้หวันแน่

เหลือเชื่อว่าเขาจะทำ แต่เขาก็จะทำ

นี้คือความพิศวงของโลก

 

ที่จริง พวกเขากำลังสร้างมายาคติ ด้วยการไซโคตัวเอง ให้เกิดภาพว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เกิดจากความชั่วร้ายของอเมริการ่วมมือกับหลายชาติตะวันตก ที่จะทำลายจีน มันเกิดจากความอิจฉา เกิดจากอคติทางชาติพันธุ์ เมื่อไซโคมากๆ ก็ยิ่งเห็นจริง ยิ่งเชื่อ ยิ่งถลำลึก

เหมือนชาวรัสเซีย ที่ไซโคตัวเอง จนเชื่อว่า นี้คือแผนการเป็นเจ้าโลกของอเมริกาและเหล่าสมุน เขาไซโคจนมายาคติแน่นหนา ลืมสนิท คือนานาชาติในสหประชาชาติ ที่รุมประณามการบุกรุกยูเครน สิ่งเหล่านั้นหายวับไปหมด ไม่มีความหมาย

 

น่าประหลาด นักข่าวอวยจีน ได้แต่ตั้งข้อสงสัยว่า ไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมผู้คนจึงไม่อยากทำการค้ากับจีน ทำไมยอมลำบาก หรือทำร้ายตัวเอง ไม่เข้าใจจริงๆ

คำถามนี้ต้องย้อนไปที่ต้นเหตุ คือต้องถามว่า ทำไมจีนจึงต้องการไต้หวัน ทำไมจึง disrupt โลกและตัวเอง ทำไมจึงทำสิ่งต้องห้ามเพียงหนึ่งเดียว

ทำไมชีวิตจึงเพลิดเพลินกับมายาคติ มากกว่าความจริง

 

ในต้นศตวรรษที่ยี่สิบ มีคนสองคนที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ของโลก พวกเขาคือ สตาลินและเหมาเจ๋อตุง

ในต้นศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ก็ยังมีคนอีกสองคนที่คล้ายคลึงกัน เหมือนประวัติศาสตร์นี้ กำลังซ้ำรอย พวกเขาคือปูตินและสี จิ้นผิง

คิดแล้วเศร้าเหลือเกิน ที่โลกเราต้องมีคอมมิวนิสต์

มนุษยชาติต้องสร้างสิ่งนี้ขึ้นมา และทำร้ายตัวเอง

คิดลึกขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง เศร้าเหลือเกิน ที่โลกนี้ต้องมีคาร์ล มาร์กซ์

 

มองจากภาพภายนอกจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่มองจากภาพภายใน จะเห็นการดึงดูดเข้าหากัน ปูตินกับสี จิ้นผิง จะดึงดูดเข้าหากัน รวมเป็นเนื้อหนึ่งเดียวกัน

สิ่งที่เรียงร้อยพวกเขาเข้าหากัน เป็นเสียงเพลงที่ไพเราะและเศร้ามาก นี้คือคลาสสิคแห่งคลาสสิค เป็นแกนกลางของโลก นี้คือหน่วยย่อยที่สุดของชีวิต เล็กเท่าไวรัส เล็กเท่ายีน

นี้เป็นเพลงเศร้าสุดคลาสสิค ได้ยินเพียงไม่กี่คำ ก็น้ำตาไหล

ฉันพยายามมองโลกในแง่ดี ว่าไม่จริง ฉันคิดผิด แต่ทว่า โลกแห่งความจริง มันต้องเป็นไปอย่างนี้ มันเหมือนวงล้อยักษ์ ที่ค่อยๆ บดขยี้โลกนี้ เหมือนรถที่ทำถนน

 

มีบางอย่างในภาษาพูด มีบางอย่างในท่วงท่า กิริยา มีบางอย่างในชีวิตประจำวัน มีบางอย่างในวัฒนธรรม มีบางอย่างในความเชื่อ มีเหตุผลในทางเศรษฐกิจ มีเหตุผลในทางการทหาร มีเหตุผลในทางการเมือง รวมกันเหมือนฝูงมดนับล้านๆ เรียงร้อยกันเป็นยีนมนุษย์

สรุปกันที่ว่า แล้วจีนก็จะส่งอาวุธไปช่วยรัสเซีย แล้วจีนก็จะบุกรุกไต้หวัน

เกิดสงครามใหญ่กับโลกตะวันตก

เลี่ยงไม่ได้ หนีไม่พ้น นี้คืออุ้งมือของชะตากรรม

ต่อให้รู้ตัวว่าตาย ก็ยังต้องเดินหน้า

นี้เป็นอะไรที่เร้นลับ กว่าพีระมิดร้อยเท่า เร้นลับกว่านครวัด หรือพิศวงกว่าเขาไกรลาศ

 

หากคนจีนคิดว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครน วันนี้เปรียบเหมือนสงครามเกาหลีของแต่ก่อน ที่เกิดในปี 1950 หรือเจ็ดสิบกว่าปีก่อน

วันนั้นเกาหลีเหนือรุกรานเกาหลีใต้ ทำให้เกิดสงครามใหญ่ รบกันสามปีกว่า และในขณะที่เกาหลีเหนือกำลังเพลี่ยงพล้ำ จีนก็ยกทัพเข้าไปช่วย เพราะกลัวว่า หากเกาหลีเหนือแพ้ จะสะเทือนมาถึงเมืองจีน เรียกว่าในครั้งนั้น การเข้าช่วยเกาหลีเหนือ ได้รักษาดุลอำนาจของคอมมิวนิสต์และโลกเสรีไว้ได้ ครั้งนั้นชาวจีนลงทุนด้วยชีวิตทหารเป็นล้าน

แต่วันนี้ 2023 ไม่เหมือน 1950 โลกได้เปลี่ยนไปมาก สมัยก่อนดุลอำนาจของโลกคอมมิวนิสต์ใหญ่หลวงกว่าวันนี้มาก เรียกว่าครองโลกนี้ครึ่งหนึ่งจริง และมีกำลังสูสีกัน โลกในสมัยนั้น ยังหวาดเสียวมาก ว่ามนุษย์บนโลกจะพลิกไปข้างไหน แต่วันนี้พลังของโลกเสรีเหนือกว่ามาก หากจีนเข้าช่วยรัสเซีย จะเกิดเรื่องใหญ่ และความฉิบหายจะตามมา คราวนี้ ฉันเชื่อว่าโลกคอมมิวนิสต์จะล่มสลาย แต่ก็อาจดึงโลกนี้ให้ล่มสลายตาม นี้คือความน่าเป็นห่วง

คนที่อวยจีนและรัสเซีย บอกว่าหากเกิดสงคราม BRICS จะเข้ามาช่วย นี้เป็นความหลงฝัน ชาติที่จะเข้ามาช่วยมีอยู่ หากแต่ไม่ใช่ BRICS แต่เป็นชาติเล็กๆ บางชาติที่ถูกลากโยงเข้ามา เผาไหม้ไปด้วยกัน บางชาติอาจอยู่ไกลถึงแอฟริกา

BRICS เป็นมายาคติสมัยใหม่ แต่หลอกผู้คนได้มาก

 

สมมุติว่า จีนเข้าช่วยรัสเซีย แล้วชนะ รักษาเกียรติภูมิ และหน้าตาของรัสเซียไว้ได้ โลกนี้ก็จะฉิบหายกว่าเดิม ด้วยเพราะสงครามใหญ่จะตามมาอีกแน่นอน และในอีกไม่ช้า นี้เป็นผลลัพธ์ที่เลวร้ายกว่าเดิม

ช่องว่างที่มนุษย์จะเอาตัวรอดได้นั้น กว้างสุด ก็คือรัสเซียยอมถอยทัพ ยอมรับความพ่ายแพ้ ที่เคยยึดครองดินแดนส่วนใดของยูเครนมา ก็คืนเขาไป หรือจีนเลิกสนับสนุนรัสเซียในทุกทาง ทำให้รัสเซียรู้ตัว ว่าไปต่อไม่ได้ ถูกบีบให้ยอมแพ้ในที่สุด

สันติภาพเกิดไม่ยากเลย หากแค่ตัดความไร้เหตุผลบางอย่างในจิตออกไป หากทว่า ความไร้เหตุผลนี้ คือแกนกลางของจิตมนุษย์ ความแตกต่างของความมีเหตุผลและความไร้เหตุผล คือความแตกต่างของนรกและสวรรค์ มันบางเหลือเกิน

ช่องว่างที่มนุษย์จะเอาตัวรอดได้รองลงมา คือจีนเข้าช่วยรัสเซีย และแพ้ทั้งคู่ มันเป็นหน้าต่างที่ริบหรี่ ด้วยมนุษย์จะฉิบหายมากกว่าวันนี้ แต่อย่างน้อย ก็ยังพอมีหวังบ้าง ด้วยความล่มสลายของอำนาจนิยม จะเด็ดขาด

โลกนี้จะหลุดพ้นจากคำสาปของจอมพ่อมด คาร์ล มาร์กซ์ เสียที มันเป็นคำสาปที่ล้ำลึกเหลือเกิน และกินเนื้อมนุษยชาติ ลึกเหลือเกิน

 

คําสาปที่ตั้งมั่นอยู่บนมายาคติ ฉันถามตัวเองว่า ทำไมมายาคติเหล่านี้จึงล้ำลึกเหลือเกิน จึงจริงจังได้ปานนี้ มันจริงจังเพราะมันเริ่มต้นอย่างถูกต้อง คนรวยเอาเปรียบคนจนจริง ระบบทุนนิยมแฝงความชั่วร้ายจริง แต่คำตอบที่เป็นชนชั้นกรรมาชีพ ไม่เป็นความจริง คำตอบที่เป็นคอมมูน ไม่เป็นความจริง คำถามจริง แต่คำตอบไม่จริง พริบตาเดียว มันก็ถูกบิดเป็นมายาคติ

มายาคติเกิดง่าย มันเป็นเนื้อมะเร็ง

แต่หากจีนเข้าช่วยรัสเซีย แล้วชนะ หรือเสมอ โลกนี้จะเกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด มันจะตามมาในฉับพลัน ไฟนรกจะลุกไหม้ในทุกทิศทาง เริ่มต้นขึ้นในหัวใจมนุษย์

มุมนี้ ฉันไม่กล้าคิดเลย เพราะมันดำมืดเกินบรรยาย

มันเหมือนการฮาราคีรี ของมนุษยชาติ