บทบาท ลี้คิมฮวง ชำระ คดี ขโมย ‘คัมภีร์’ ในวัด ‘เสียวลิ้มยี่’

บทความพิเศษ

 

บทบาท ลี้คิมฮวง

ชำระ คดี ขโมย ‘คัมภีร์’

ในวัด ‘เสียวลิ้มยี่’

 

นี่ย่อมเป็นการวางแผน กำหนดจังหวะก้าว “ร่วม” ระหว่างลี้คิมฮวงกับซิมชิ่วไต้ซือ โดยมีซิมชิ่วไต้ซือเป็นตัวเปิด ลี้คิมฮวงเป็นตัวปิด

อย่าได้แปลกใจหากเป็นซิมชิ่วไต้ซือที่เดินออกมา

เดินออกมาเพื่อแจ้งต่อเจ้าอาวาสว่า “ลี้คิมฮวงกำลังไปนำคัมภีร์ที่ถูกขโมยจากหอไตรออกมา”

พร้อมกับคำยืนยันอันหนักแน่น มั่นคง

“คนที่ขโมยคัมภีร์มิใช่มัน ผู้ขโมยคัมภีร์ก็คือผู้ประทุษร้ายยี่ซือเฮีย เนื่องเพราะยี่ซือเฮียได้พบเห็นความลับของมันผู้นั้น มันจึงมีแต่ต้องฆ่ายี่ซือเฮียปิดปาก แต่คนผู้นั้นกลับมิใช่ลี้คิมฮวง”

ดวงตาซิมชิ่วเป็นประกายแวววาวท่ามกลางคำถาม

ตวาดตอบด้วยเสียงอันเกรี้ยวกราดระบุว่า “เป็นท่าน” อันพุ่งปลายหอกเข้าใส่ยอดอกของ “ซิมก่ำไต้ซือ” อย่างไม่เกรงใจ

ท่ามกลางความตื่นตะลึงของผู้ได้ยินตั้งแต่เจ้าอาวาสจนถึงซิมก่ำไต้ซือ

“หากแม้ข้าพเจ้าจำไม่ผิด ซิมชิ่วซือเฮียกับลี้คิมฮวงคล้ายเป็นบัณฑิตรุ่นเดียวกัน” เป็นการตั้งข้อสังเกตจากแป๊ะเฮี่ยวเซ็ง

ต้องยอมรับใน “ความทรงจำ” ต้องยอมรับในฐาน “ข้อมูล”

 

การแถลงของซิมชิ่วไต้ซือจึงได้รับการโต้แย้งจากซิมก่ำไต้ซืออย่างชนิดเม็ดต่อเม็ด คำต่อคำแต่ก็เป็นคำต่อคำอันค่อยๆ คลี่คลาย ขยายตัวออก

“พิษที่ปลิดชีวิตยี่ซือเฮียอย่างแท้จริงหาใช่โง้วตั๊กจุ้ยเจียของเก็กลักท้งจื้อไม่”

เมื่อถูกโต้แย้งจากซิมก่ำไต้ซืออย่างทันควันด้วยประโยค “ซือเฮียท่านทราบได้อย่างไรกัน”

คำตอบอย่างฉับพลันทันใดคือ

“ท่านเข้าใจว่าเรื่องราวที่ท่านกระทำไม่มีผู้ใดทราบเลยจริงๆ หรือท่านก็ลืมว่าก่อนยี่ซือเฮียจะมรณภาพยังมีทิ้งของอีกเล่มหนึ่งไว้”

กล่าวถึงตอนนี้ยกมือขึ้นสะบัดในมือเป็นบันทึกความทรงจำของซิมไบ๊ไต้ซือ

“ก่อนยี่ซือเฮียจะไปท่านก็ได้สืบสาวศิษย์ทรยศขโมยคัมภีร์แล้ว เพียงแต่ท่านมีความเมตตาปรานีเปี่ยมน้ำใจ ก่อนยังมิได้หลักฐานยืนยันแน่ชัดยังคงไม่เปิดเผยชื่อแซ่ศิษย์ทรยศผู้นั้น แต่ทว่าได้เขียนอยู่ในบันทึกเล่มนี้ของท่านก่อนแล้ว

เพื่อป้องกันหากท่านประสบเภทภัยที่สุดวิสัยจะได้เป็นหลักฐานไว้ยืนยัน”

ไม้เด็ดของซิมก่ำไต้ซือมาพร้อมกับเสียงหัวร่อบาดใจ “ท่านแม้ฉีกแผ่นสุดท้ายไปแล้ว ท่านแน่ใจอย่างไรว่ายี่ซือเฮียมิได้บันทึกอยู่อีกหน้าหนึ่ง”

มีหรือที่ซิมก่ำไต้ซือจะยินยอมอย่างง่ายดาย

 

น่าสนใจก็ตรงที่คำโต้แย้งของซิมก่ำไต้ซือ ได้รับการประสานขานรับอย่างเหมาะเจาะจากแป๊ะเฮี่ยวเซ็ง

“โง้วซือเฮียสมคบกับบุคคลภายนอก ใส่ไคล้ปรักปรำศิษย์ให้เป็นมลทิน”

ได้ยินดังนั้นซิมโอ้วไต้ซือขบคิดจนเคร่งเครียด เบือนสายตาไปยังแป๊ะเฮี่ยวเซ็ง อันถือว่าเป็นผู้รอบรู้ในยุทธจักร

อย่าได้แปลกใจหากแป๊ะเฮี่ยวเซ็งจะสำนองรับ

“บนกระดาษขาวแม้เขียนอักษรสีดำไว้ แต่อักษรนี้กลับเป็นทุกผู้คนต่างเขียนกันได้ เท่าที่ข้าพเจ้าทราบมา เซี่ยวลี้ถ้ำฮวยเพียบพร้อมทั้งบุ๋นและบู๊ ลายมือของปราชญ์บัณฑิตที่มีชื่อมันต่างเคยทุ่มเทเวลาฝึกฝนมา”

ได้ยินดังนั้นซิมชิ่วไต้ซือรุกไปอีก 1 ก้าว “หากแม้นซือเฮียเห็นว่าหลักฐานนี้ยังไม่เพียงพอ

ยังมีหลักฐานอีก คัมภีร์ตั๊กม้อเอ็กกึงเก็ง (เปลี่ยนกล้ามเนื้อของตะโม) ที่ซ่อนอยู่ในห้องยี่ซือเฮียถูกขโมยไปแล้วด้วย ลี้ถ้ำฮวยคำนวณแน่ว่า คัมภีร์เล่มนี้ยังต้องไม่ถูกส่งไปจากวัดจะต้องซ่อนอยู่ในห้องซิมก่ำเป็นแน่ ดังนั้น ศิษย์จึงสั่งให้เข็กตึ้งกับเจ๊กอิงที่อยู่เวรคุมตัวลี้ถ้ำฮวยไปค้นของกลางในห้องซิมก่ำแล้ว”

ผลก็คือ ด้านหนึ่ง ซิมก่ำไต้ซือส่งเสียง “ซือเฮียอย่าได้เชื่อฟังมัน พวกมันคิดจะซ่อนของกลางมาป้ายผิด”

ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่ง ร่างมันกลับพุ่งปราดออกไป

 

สถานการณ์ทั้งหมดนี้ “โกวเล้ง” บรรยายไว้อย่างละเอียด สำนวนแปล “เซี่ยวลี้ปวยตอ มีดบินไม่พลาดเป้า” ปรากฏในบทที่ 24 เปิดโปงฆาตกร

ปมเงื่อนพื้นฐานที่พวกมันรับรู้ร่วมกัน

คือ ซิมก่ำไต้ซือออกบวชเมื่อวัยกลางคน โดยมีวิชาฝีมือติดตัวอยู่ก่อน และก่อนที่จะเข้าสู่เสียวลิ้มยี่ได้รับขนานฉายาเป็น “ฉิกคาจื่อเซ็ง” (นักศึกษา 7 ประณีต)

นับเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้พิษ

เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ความแหลมคมในระดับที่ ปากส่งเสียงร่ำร้อง คนถาโถมออกไป เจ้าอาวาสเสียวลิ้มยี่จึงขมวดคิ้ว โบกแขนจีวรพลิ้วกายออกไป แต่ไม่ได้ขัดขวางซิมก่ำไต้ซือเพียงติดตามอยู่ด้านหลัง รักษาระยะไม่ใกล้ไม่ไกลนัก

ร่างของซิมก่ำไต้ซือกระโดดขึ้นลง ก็พุ่งปราดกลับมาถึงกุฏิส่วนตัว ประตูเปิดอ้าออกจริงๆ

ซิมก่ำไต้ซือโถมเข้าไป ฟาดตู้ไม้แตกกระจายในฝ่ามือเดียว

ภายในตู้ไม้กลับมีชั้นลับอีกชั้นหนึ่ง คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของตั๊กม้ออยู่ในชั้นลับจริงๆ

“คัมภีร์เล่มนี้ความจริงอยู่ในกุฏิของยี่ซือเฮีย พวกมันจงใจซ่อนอยู่ที่นี้จุดประสงค์เพื่อยัดเยียดของกลาง แต่ฝีมือยัดเยียดของกลางเช่นนี้มีคนใช้ตั้งแต่หลายร้อยปีก่อน ซือเฮียเจ้าอาวาสมีสายตากระจ่างดุจสายฟ้าไหนเลยปล่อยให้พวกท่านคนต่ำช้าหลอกลวงได้”

เจ้าอาวาสรอจนซิมก่ำไต้ซือกล่าวจบค่อยกล่าวเสียงเย็นชา

“ต่อให้พวกเรายัดเยียดของกลางให้แต่ท่านทราบได้อย่างไรว่า พวกเราจะซ่อนคัมภีร์เล่มนี้อยู่ในชั้นลับของตู้ไม้ ท่านไฉนไม่ไปเสาะหาที่อื่น พอเข้ามาก็พุ่งตรงมายังตู้ใบนี้”

ซิมก่ำไต้ซือตะลึงลานอยู่กับที่ หลั่งเหงื่อราวถูกฝนสาดซัดก็มิปาน

 

จึงถึงเวลาที่ลี้ชิ้มฮัวจักต้องปรากฏตัวหลังจากซิมชิ่วไต้ซือระบายลมจากปากยาวๆ กล่าวขึ้นว่า “ลี้ท้ำฮวยคาดคำนวณแต่แรกว่า มีแต่ใช้วิธีนี้จึงทำให้ซิมก่ำรับสารภาพออกมาเอง”

ตามมาด้วยสุ้มเสียงซึ่งกล่าวอย่างยิ้มแย้ม

“แต่วิธีของข้าพเจ้านี้ใช้อย่างเสี่ยงอันตราย หากซิมก่ำไม่หลงกล ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถทำให้เขารับสารภาพได้”

เจ้าอาวาสเสียวลิ้มยี่ทอดถอนใจยาว ประนมมือคำนับ

ลี้ชิ้มฮัวยิ้มเล็กน้อย ประสานมือคารวะ ภายใน 1 คำนับ 1 คารวะนี้ แฝงถ้อย ร้อยวาจามากหลาย อื่นๆ ไม่ต้องกล่าวแล้ว

ซิมก่ำไต้ซือถอยกายไปทีละก้าว

แต่ซิมเจ๊กกับซิมเต็งไต้ซือสกัดขวางทางของซิมก่ำไต้ซือไว้ ทั้งสองล้วนมีสีหน้าเคร่งเครียด ยืนหยัดอย่างมั่นคงดุจขุนเขา

ที่สำคัญเป็นอย่างมากกลับเป็นเสียงของเจ้าอาวาส

“เสียงงัก เสียวลิ้มยี่ดีต่อท่านไม่น้อย ท่านไฉนกระทำเรื่องเช่นนี้”

“เสียงงัก” เป็นชื่อฆราวาสของซิมก่ำไต้ซือ เจ้าอาวาสเสียวลิ้มยี่เมื่อเรียกหาเช่นนี้เท่ากับขับไล่คนออกจากสำนัก

ไม่ยึดถือคนผู้นี้เป็นศิษย์เสียวลิ้มยี่อีก

 

การถาม การตอบ และทุกการเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็นซิมโอ้วไต้ซือ เจ้าอาวาส ไม่ว่าจะเป็น เสียงงัก นักศึกษา 7 ประณีตจำเป็นต้องติดตามอย่างละเอียด

“ตันงัก เสียวลิ้มยี่ดีต่อท่านไม่น้อย ท่านเหตุใดต้องกระทำเรื่องเยี่ยงนี้”

ตันงัก คือชื่อฆราวาสของซิมก่ำไต้ซือ ซิมโอ้วไต้ซือเรียกมันเยี่ยงนั้นเท่ากับเป็นการอัปเปหิมันออกจากสำนัก มิยอมรับมันเป็นศิษย์เสียวลิ้มยี่อีกแล้ว

ตันงักเหงื่อแตกดุจฝนสาดซัด ร้องเสียงสะท้าน

“ศิษย์ ศิษย์สำนึกผิดแล้ว” พลันคุกเข่าโครมลงกับพื้น “แต่ศิษย์ก็ถูกผู้อื่นบงการใช้ ถูกผู้อื่นหลอกลวง จึงเกิดเหลวไหลไปชั่ววูบ”

ซิมโอ้วไต้ซือกล่าวเสียงเกรี้ยวกราด “ท่านถูกผู้ใดใช้”

แป๊ะเฮี่ยวเซ็งพลันกล่าวขึ้น “ผู้บงการใช้สอยมัน ข้าพเจ้ากลับพอเดาออกได้รางๆ”

ซิมโอ้วไต้ซือรีบกล่าว “ซิงแซโปรดสั่งสอน”

แป๊ะเฮี่ยวเซ็งหัวร่อแล้วกล่าว “ก็คือมัน”

คนทั้งมวลต่างเบือนสายตาไปตามมือมันโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่พบเห็นผู้ใดทั้งสิ้นนอกหน้าต่าง กิ่งใบไผ่ไหวอยู่ซู่ซ่า ลมได้โหมแรงขึ้นมาทีละน้อย

เมื่อเหลียวกลับมาหน้าซิมโอ้วไต้ซือแปรเปลี่ยน ฝ่ามือของแป๊ะเฮี่ยวเซ็งกดอยู่บนกลางหลังท่านแนบแน่น นิ้วที่งุดงุ้มราวตะขอเหล็กกุมจุดเซ่งฮวง เทียนกา ฮู่ฮุง เฮ็กไหว ทั้ง 4 ของท่านไว้สนิทแน่น

เป็นอันว่าความเป็นจริงทั้งหมดได้แผ่แบ ณ เบื้องหน้าอย่างเด่นชัด

 

นี่ย่อมเป็นสภาวะพลิกผันและแปรเปลี่ยน ก่อให้เกิดทั้งความตื่นตะลึง สร้างความตระหนกเป็นอย่างสูง

ก่อให้เกิดคำถามตามมามากมาย

เป็นคำถามต่อสภาพความเป็นจริงอันเกิดขึ้น ดำรงอยู่และดำเนินไปภายในวัดเสียวลิ้มยี่ว่าเหตุปัจจัยใดจึงได้ถูกแทรกแซง เป็นคำถามต่อ ซิมชิ่วไต้ซือ เป็นคำถามต่อลี้คิมฮวง

ฉากตอนแต่ละฉากตอนนับแต่ลี้คิมฮวงนำศพซิมไบ๊ไต้ซือกลับเสียวลิ้มยี่ดำเนินไปอย่างฉับไวรวดเร็ว

ถามว่าชะตากรรมของเสียงงัก ตันงัก ชะตากรรมของแป๊ะเฮี่ยวเซ็งเป็นอย่างไร