ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 เมษายน 2566 |
---|---|
ผู้เขียน | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ |
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์
https://www.facebook.com/sirote.klampaiboon/
วาระสุดท้ายทางการเมืองของรัฐบาล
ในที่สุด คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็พาตัวเองสู่ลานประหารทางการเมืองโดยลงสมัครเลือกตั้งปี 2566 ที่ผลคะแนนวันที่ 14 พฤษภาคม อาจจะทำให้คุณประยุทธ์เป็นสิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์อย่างถาวร เพราะไม่ว่ารวมไทยสร้างชาติจะได้ ส.ส.ถึง 100 อย่างที่คุณธนกร วังบุญคงชนะ บอกหรือไม่ คุณประยุทธ์ก็ไม่มีทางเป็นนายกฯ อีกได้เลย
แม้โพลชี้ว่าคุณประยุทธ์คือแคนดิเดตนายกฯ ที่แรงที่สุดในฝั่งรัฐบาล และรวมไทยสร้างชาติคือพรรคฝ่ายรัฐบาลที่ตามโพลก็ร้อนแรงที่สุดด้วย
แต่อย่างดีที่สุดที่โพลค่ายต่างๆ ประเมินคือคุณประยุทธ์กับพรรคอยู่อันดับ 3 โดยตัวบุคคลนั้นพ่ายแพ้แพทองธาร ชินวัตร-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคแพ้เพื่อไทย-ก้าวไกล
ถ้าประเมินว่าแต่ละพรรคได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อตามร้อยละของคะแนนในโพล รวมไทยสร้างชาติก็น่าจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อราว 15
และถ้าประเมินว่าอดีต ส.ส.ที่ย้ายจากพรรคอื่นๆ น่าจะได้กลับเข้าสภาครึ่งหนึ่ง รวมไทยสร้างชาติก็อาจได้ ส.ส.เขต 20 เท่ากับทั้งพรรคมี ส.ส.เพียง 35 คนเท่านั้นเอง
พรรคเพื่อไทยปราศรัยหลายครั้งว่าคุณประยุทธ์จะใช้ ส.ว.ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแล้วดูด ส.ส.จากพรรคอื่นๆ จนได้เสียงข้างมากในสภา
แต่ด้วยจำนวน ส.ส.ที่มีในมือระดับ 30-40 คน โอกาสที่คุณประยุทธ์จะบีบวุฒิสมาชิกให้เลือกตัวเองสำเร็จมีน้อยจนแทบเป็นไปไม่ได้เลย
หลายครั้งที่พรรคเพื่อไทยปราศรัยเรื่องนี้เพื่อขอให้ประชาชนลงคะแนนเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์โดยไม่ต้องสนใจพรรคอื่นเลย ต่อให้จะชอบพรรคอื่นมากกว่าก็ตาม แต่หากตัดแรงจูงใจเรื่องให้คนไม่เลือกก้าวไกลหรือพรรคประชาธิปไตยอื่นออกไป พูดตรงๆ คือประเด็นนี้แทบไม่มีน้ำหนักเลย
พลังประชารัฐแพ้คุณประยุทธ์ทั้งในแง่ความนิยมต่อพรรคและคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ เอง แต่เมื่อถึงวันหย่อนบัตรเลือกตั้งจริงๆ จำนวน ส.ส.พลังประชารัฐไม่มีทางต่ำติดดินแทบเป็นศูนย์อย่างในผลโพลตอนนี้
และเป็นไปได้ที่พรรคจะได้ ส.ส.ราว 50 ซึ่งต่ำกว่าเดิมเกินครึ่ง
แต่ก็มากกว่าพรรคคุณประยุทธ์อยู่ดี
ภูมิใจไทยไม่เคยติดอันดับโพลทั้งในแง่นายกฯ และพรรคการเมือง แต่ด้วย ส.ส.เขตทั้งเก่าและใหม่ที่อพยพเข้าไป ภูมิใจไทยไม่มีทางได้ ส.ส.ต่ำกว่า 60 แน่ๆ ถึงแม้ตัวเลข ส.ส.บัญชีรายชื่อทั้งประเทศจะลดจาก 150 เหลือ 100 แต่จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อภูมิใจไทยแต่เดิมก็มีน้อยนิดเดียว
เป็นไปได้อย่างสูงที่พรรคฝ่ายรัฐบาลเก่าจะจับมือกันเพื่อตั้งรัฐบาล และคำสัมภาษณ์ของคุณอนุทิน ชาญวีรกูล และคนอื่นๆ ก็ประกาศว่าใครรวมเสียง ส.ส.ได้มากที่สุด คนนั้นได้ตั้งรัฐบาล ซึ่งแตกต่างกับพรรคเพี่อไทยที่บอกว่าสิทธิในการตั้งรัฐบาลต้องเป็นของพรรคที่ได้ ส.ส.มากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร
ทันทีที่บัตรเลือกตั้งปิดลงในวันที่ 14 พฤษภาคม พรรครัฐบาลเก่าพรรคหนึ่งพรรคใดจะแย่งกับพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลแน่ๆ และไม่มีทางที่คุณอนุทินกับคุณประวิตรจะถอยให้คุณประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ ทั้งที่พรรครวมไทยสร้างชาติมี ส.ส.ในสภาน้อยกว่าพลังประชารัฐและภูมิใจไทยอย่างแน่นอน
อำนาจต่อรองเดียวที่คุณประยุทธ์มีในการผลักดันตัวเองเป็นนายกฯ ต่ออีกรอบคือ ส.ว. แต่เมื่อคำนึงว่า ส.ว.จะถูกสังคมโจมตีอย่างหนักหลังไม่โหวตหนุนนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยที่ได้ ส.ส.เกินกว่า 250 ส.ว.คงไม่เสี่ยงให้ตัวเองถูกด่าซ้ำโดยหนุนคุณประยุทธ์ซึ่งได้คะแนนน้อยในฝั่งรัฐบาลปัจจุบัน
ทางเดียวที่คุณประยุทธ์จะมีโอกาสเป็นนายกฯ คือได้ ส.ส.มากจนเอา ส.ว.ไปบีบให้คุณประวิตรและคุณอนุทินหนุนคุณประยุทธ์อีกที
แต่ทางเลือกนี้เป็นไปได้น้อย เว้นแต่ว่าคุณประยุทธ์จะอ้างอำนาจที่เหนือกว่ามาบีบคุณประวิตรและคุณอนุทิน ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ในเวลานี้เลย
มีประโยชน์อะไรที่อำนาจพิเศษจะหนุนคุณประยุทธ์ในเวลาที่คุณประยุทธ์ก็แค่พลเอกแก่ๆ ที่หมดสภาพไปแล้ว, ไม่มีกองทัพหนุนหลังให้เป็นนายกฯ ต่อ และมีตัวเลือกอื่นที่แทนคุณประยุทธ์ได้อย่างคุณประวิตรและคุณอนุทิน และความยอมรับจากประชาชนต่อพรรคที่ได้ ส.ส.เข้าสภาต่ำเหลือเกิน
ด้วยสภาพที่คุณประยุทธ์คุมทหารเป็นฐานอำนาจการเมืองมาเกือบ 9 ปี คุณประยุทธ์อยู่ในเส้นทางแบบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่เป็นนายกฯ จากปี 2524-2531 โดยกองทัพถูกกดทับให้อ่อนแอเพื่อรับใช้อำนาจการเมืองในทำเนียบรัฐบาลจน ผบ.ทบ.เป็นเหมือนผู้จัดการรัฐบาลและทีมการเมืองของ พล.อ.เปรม
ด้วยวิธีที่ พล.อ.เปรมสนับสนุน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็น ผบ.ทบ. และใช้ จปร.1 คุมกองทัพให้รับใช้รัฐบาล ผลคือทหารกลุ่มอื่นถูกสกัดดาวรุ่งจนสะสมความไม่พอใจ พล.อ.เปรมเยอะไปหมด
แปดปีของ พล.อ.เปรมจึงมีรัฐประหาร 2 ครั้ง และเกิดรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร ปี 2535 แต่ทุกฝ่ายก็พ่ายแพ้ พล.อ.เปรม
ขณะที่ พล.อ.เปรมคุมกองทัพจนกองทัพแตกแยกขั้นบานปลายสู่การล้มล้างรัฐบาล คุณประยุทธ์คุมทหารโดยไม่ให้นายพลคนไหนดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.นานจนเป็นภัยคุกคามคุณประยุทธ์ได้ แต่ผลคือกองทัพอ่อนแอจนไม่สามารถเป็นฐานอำนาจให้คุณประยุทธ์ที่วันนี้เกษียณอายุมาแล้วกว่า 8 ปี
ต่อให้บางพรรคจะปั่นกระแสเรื่องคุณประยุทธ์ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย
และต่อให้กูรูการเมืองจะปั่นกระแสว่าอำนาจพิเศษหนุนคุณประยุทธ์จนพรรคร่วมต้องหนุนคุณประยุทธ์อีกที
โครงสร้างพื้นฐานในการสนับสนุนคุณประยุทธ์อย่างกองทัพก็ไม่แข็งแกร่งพอจะอุ้มคุณประยุทธ์ที่โรยราได้ต่อไป
เมื่ออำนาจพิเศษไม่จำเป็นต้องหนุนคุณประยุทธ์ และเมื่อกองทัพถูกคุณประยุทธ์ทำให้อ่อนแอจนไม่มีศักยภาพหนุนคุณประยุทธ์ต่อไป
โอกาสเดียวที่คุณประยุทธ์จะเพิ่มอำนาจต่อรองตัวเองได้จึงได้แก่การสร้างกระแสให้พุ่งแรงจนทำให้จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มขึ้นไปด้วยเท่านั้นเอง
แม้ตัวเลขคะแนนบัญชีรายชื่อที่รวมไทยสร้างชาติคุยผ่านสื่อจะอยู่ที่ 6 ล้านคน ตัวเลขที่พรรครู้กันว่ามีในมือจริงน่าจะอยู่ที่ 3.5 ล้านคนเท่านั้น เส้นทางที่คุณประยุทธ์และพรรคต้องทำคือสร้าง “กระแส” จนดันคะแนนเสียงพรรคให้พุ่งขึ้นเกินกว่า 3.5 ล้านคนให้ได้เท่านั้นเอง
ตรงข้ามกับเพื่อไทยที่สร้างคะแนนนิยมโดยนโยบายแจกเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัลและเติมเงินให้แต่ละครอบครัวมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 หมี่นบาท
รวมทั้งตรงข้ามกับพลังประชารัฐที่ประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโดยแจกเงินในลักษณะต่างๆ
คำถามคือคุณประยุทธ์จะใช้อะไรเพิ่มคะแนนนิยม?
เมื่อคำนึงว่าคุณประยุทธ์ไม่มีทางใช้นโยบายเศรษฐกิจสร้างคะแนนนิยมได้อย่างพลังประชารัฐและเพื่อไทย
และคุณประยุทธ์ไม่มีทางใช้เวทีดีเบตสร้างคะแนนได้อย่างพิธา, พรรคก้าวไกล และพรรคเสรีรวมไทย
อาวุธเดียวที่คุณประยุทธ์มีคือการปลุกกระแส “สลิ่ม” ให้โหวตคุณประยุทธ์เท่านั้นเอง
ยิ่งการเลือกตั้งเดินหน้าก็ยิ่งเห็นคุณประยุทธ์หาเสียงด้วยเรื่องสถาบัน, ชาตินิยม และทหารนิยม จนล่าสุดถึงขั้นอ้างเพลงปลุกใจสมัย ร.6 แต่คำถามคือการปลุกประเด็นสุดโต่งแบบนี้จะทำให้คุณประยุทธ์ได้คะแนนแค่ไหน เพราะ 9 ปีที่คุณประยุทธ์มีอำนาจทำให้ข้ออ้างนี้หมดพลังปกป้องคุณประยุทธ์ต่อไป
พูดก็พูดเถอะ ในประเทศที่เมืองหลวงเต็มไปด้วยคนรุ่นลูกหลานที่ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลตลอดปี 2563 และเกิดการผูกโบขาวชูสามนิ้วติดต่อกันทั้งปี รวมทั้งผู้สมัครผู้ว่า กทม.สายสุดโต่งพ่ายแพ้ย่อยยับ โอกาสที่คุณประยุทธ์จะสร้างคะแนนนิยมจากเรื่องนี้ได้ก็แทบไม่มีเลย
คุณประยุทธ์หาเสียงในการเลือกตั้งปี 2562 ว่าเลือกความสงบจบที่ลุงตู่ แต่การปลุกประเด็นสุดโต่งทำให้คุณประยุทธ์เป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้งขั้นไม่มีทางสร้างความสงบได้อีก ยุทธวิธีของคุณประยุทธ์ทำให้คุณประยุทธ์ถูกต้อนทางตันทางการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีทางออกมาได้เลย
เลือกตั้งปี 2566 คืออวสานของคุณประยุทธ์จากความเป็นคุณประยุทธ์ที่ทำลายตัวคุณประยุทธ์เอง
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022