กะหรี่กลับบ้าน | เรื่องสั้น : อรุณธารา

เรื่องสั้น | อรุณธารา

กะหรี่กลับบ้าน

 

สงกรานต์ปีนั้น

ขบวนรถด่วนเทียบชานชาลา ส่งเสียงดังไปทั่วบริเวณ ปลุกผู้คนให้ตื่นตัวจากอาการเกียจคร้านอ่อนล้า อาคารขายตั๋วโดยสารสถาปัตยกรรมสไตล์บาวาเรี่ยนยังโดดเด่นอยู่คลองตา กี่ปีต่อกี่ปีมาแล้วสถานีรถไฟแห่งนี้ก็ยังคงสดใสอยู่ในสีเหลืองไข่ไก่ จำได้เกิดมาหล่อนก็เห็นมันแล้ว วันนี้หล่อนไม่ใช่เด็กหญิงตัวน้อยอีกต่อไป เป็นสาวเต็มวัย อาคารนั้นสดใสยั่วยวนสายตาผู้ผ่านไปมา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยว พวกเขาอดใจไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นบันทึกภาพ

หล้าๆ ทางนี้ๆ ทันทีเท้าสัมผัสพื้นปูนมีเสียงตะโกนมาจากฝั่งแดดออก กลุ่มคนสี่ห้าคนกรูเข้ามาห้อมล้อมจิตรา หญิงสาวยกมือไหว้ พี่ชาย พี่สะใภ้ และหลานๆ ของหล่อนเอารถกระบะมารับ

สงกรานต์นี้หล่อนกลับบ้านสิบวัน เสื้อผ้าแน่นกระเป๋าเดินทาง ธนบัตรแน่นกระเป๋าคาดเอว รถไฟขบวนที่นำหล่อนมาจากกรุงเทพฯ สะบัดตัวกึงกังๆ แล้วก็ลากตัวเองออกไปอย่างช้าๆ มันมุ่งสู่ปลายทางเชียงใหม่เมืองศิวิไลซ์ไม่แพ้กรุงเทพฯ ทิ้งกลุ่มคนน้อยๆ ไว้สถานีเล็กๆ ข้างทางซึ่งร่มรื่นและเย็นสบายเพราะต้นฉำฉาใหญ่สามต้น บ้านของหล่อนต้องไปอีกกว่าสิบกิโลเมตร เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขา

ทันทีที่เห็นบ้านหลังโตโอ่อ่า อาการเหนื่อยล้าจากการเดินทางหายเป็นปลิดทิ้ง บ้านหล่อนโดดเด่นท่ามกลางบ้านเก่าๆ ของชาวบ้าน หมดเงินไปเกือบสองล้านกับบ้านปูนสองชั้น สวยงามยังกะพระราชวัง ภายในตกแต่งค่อนข้างดีอีกต่างหาก

ตอนสร้างใหม่แม่ได้ภาคภูมิใจและอาศัยอยู่ในบ้านนี้ด้วย แม่เพิ่งมาตายจากไปเมื่อสองปีนี่เอง หลังจากนั้นบ้านจึงตกอยู่ในความดูแลของพี่ชายกับพี่สะใภ้มาตลอด

ส่วนพ่อนั้นเสียชีวิตก่อนจะได้เห็นบ้านหลังนี้เกิดขึ้นด้วยซ้ำไป ไม่มีวาสนาจริงๆ

 

เป็นที่ร่ำลือมากเมื่อหล่อนกลับมาถึงบ้าน เพื่อนฝูงที่เรียนประถมและมัธยมต้นมาด้วยกันก็แห่แหนมาที่บ้านหล่อนยังกะสายน้ำทะลักในฤดูฝน มีทั้งหญิงและชาย พวกเขาตั้งวงเหล้ากันตั้งแต่วันแรกเลย เหล้าเบียร์ขนมากันมาเป็นว่าเล่น เปิดเอาๆ ยังกะดื่มน้ำเปล่าซะอย่างนั้น และวันต่อมาก็วนเวียนกันไปฉลองบ้านนั้นบ้านนี้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและไม่กลัวว่าเหล้าเบียร์หมดหมู่บ้าน

ในบรรดาเพื่อนเก่าของจิตรานั้น มีเพื่อนชายคนหนึ่งมาร่วมวงสุราด้วยทุกครั้ง สมโภชนั่นเอง เขาเป็นเพื่อนห้องเดียวกันชั้นมัธยมต้น สมัยโน้นชอบจิตราหัวปักหัวปำ ชอบแบบไม่กลัวคนอื่นหัวเราะเยาะ พอจบมอสามแล้ว ตามตื้อจิตราต่อไม่ลดละ หวังได้หล่อนมาเป็นเมีย

แต่ความพยายามนั้นล้มเหลวไม่เป็นท่า เนื่องจากผู้หญิงเขาเทใจให้แก่ลูกชายกำนัน ซึ่งเป็นรุ่นพี่ ทั้งคู่สมรัก แต่ทว่าหล่อนแต่งงานอยู่กินกับลูกชายกำนันได้ไม่ถึงสามปี เขาดันแอบมีเมียน้อย ทั้งที่จิตรายังสาวยังแส้ พอความแตกจิตราขอแยกทาง ด่าและถ่มน้ำลายใส่หน้า มึง ผู้ชายเฮงซวย ไม่รอช้าเหมารถมุ่งเข้าสู่เมือง หนีความอับอายทั้งปวงที่มี

แล้วจากนั้นเป็นต้นมาเรื่องราวของหล่อนก็ไหลมาสู่หมู่บ้านเป็นระยะๆ ข่าวว่าทำงานที่นั่นที่นี่บ้าง ข่าวว่าแต่งงานอยู่กินกับคนนั้นคนนี้บ้าง ทว่า ทั้งหมดนั้นจะเป็นจริงแค่ไหนไม่มีใครสามารถยืนยันได้เลยสักคนเดียว

มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถประกันความมีตัวตนของหล่อนได้และดีเสียด้วย นั่นคือฐานะทางบ้านของหล่อนดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา จนกระทั่งพ่อกับแม่ของจิตราสามารถเดินอกผายไหล่ผึ่ง และพูดเสียงดังได้ยามหมู่บ้านมีงานบุญงานกุศลที่จะต้องให้บริจาคเงินกัน และรายชื่อนั้นจะอยู่อันดับแรกเสมอในฐานะผู้บริจาครายใหญ่รายสำคัญ

กลับมาหนนี้ทำไมจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มกลับมาหลงเสน่ห์หล่อนอีกครั้ง ถึงกระนั้นจิตราก็ไม่ผลีผลามหรือพูดอะไรให้สมโภชได้ใจ ได้แต่เฝ้าดูเขาแบบเงียบเชียบ และไม่พยายามเออออด้วย ให้เขาเข้าใจผิดกันเปล่าๆ หล่อนรักษาระยะห่างไว้ได้ดีมากทั้งยามปกติและยามดวดดื่มด้วย

การระมัดระวังตัวเป็นพิเศษของเพื่อนหญิงนี่เองทำให้สมโภชขุ่นเคืองใจยิ่งนัก แต่เขาก็ฉลาดพอ ไม่บุ่มบ่ามทำอะไรให้เสียหายก่อนที่จะได้รับประโยชน์เช่นกัน ทว่า เวลาไม่คอยใคร นาฬิกาเดินไม่หยุดหย่อน อีกสองสามวันจิตราต้องหวนคืนกรุงเทพฯ แล้ว ยามค่ำคืนเขานอนกระสับกระส่ายพลิกตัวยังกะนอนบนกองเพลิง เมื่อนึกถึงว่าเขาจะไม่ได้พบหล่อนอีกแล้ว

อันที่จริงแล้วเขานอนบนกองเพลิงนั่นแหละ เพียงแต่ไม่ใช่ไฟจริงๆ หากเป็นเพลิงแห่งตัณหาเมถุน ซึ่งร้ายกาจกว่าเพลิงจริงๆ ด้วยซ้ำไป เขาจะไม่ยอมแน่ถ้าไม่ได้ฟาดเพื่อนสาวคนนี้ คนอะไรสวยบาดใจอย่างนั้น สมัยเด็กๆ ว่าสวยแล้ว แต่เทียบไม่ติดเลยกับยามนี้

ใครจะทนทานได้ แม้จะเป็นกะหรี่ก็ตามเถอะ เรื่องการเป็นกะหรี่นี้สมโภชคิดเอาเอง จิตราไม่เคยบอกใครว่าหล่อนยึดอาชีพนี้ บอกเพียงแต่ว่าทำงานเชียร์แขกในสถานอาบอบนวดแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี

ห่า กูไม่ใช่ควาย สมโภชนึก เขาเคยไปทำงานกรุงเทพฯ สามปี กินเที่ยวมามากพอสมควร ดังนั้น ไม่มีวันหรอกที่จะเชื่อว่าจิตราไม่ยอมขายนาผืนน้อยนิดผืนนั้น

ไม่ขายแล้วเงินทองหลั่งไหลกลับบ้านมามากมายก่ายกองขนาดนั้นได้อย่างไร บ้านหลังโตกว่าใครเพื่อนจะตั้งโด่ให้ชาวบ้านหลายคนพากันอิจฉาตาร้อนเล่นได้อย่างไร

 

ก่อนจิตราจะกลับกรุงเทพฯ เพียงหนึ่งวัน หล่อนเดินไปชมที่นาของพี่ชาย จริงๆ ก็เป็นของหล่อนนั้นแหละ พี่ชายติดหนี้ธอกอสออยู่สองแสนกว่าบาท หล่อนเอาเงินมาโปะ แป๊บเดียวก็ได้โฉนดคืน ระยะทางไปถึงนานั้นสักสองกิโลเมตรเห็นจะได้ จิตราเดินไปเล่นๆ คนเดียว ชมนกชมไม้ชมลำธารไปเรื่อยๆ หากบ้านเกิดเมืองนอนไม่ปลอดภัยแล้วที่ไหนเล่าจะปลอดภัย

แต่หล่อนคิดผิดถนัด สมโภชเห็นหล่อน ก็ปรี่ตามไปอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง เส้นทางที่ไปนาไร่ของชาวบ้านไม่ใช่ถนนสายหลัก เปลี่ยวปลอดสายตาคนพอสมควรในบางช่วงบางตอน สมโภชไล่ทันหญิงสาว จิตราได้กลิ่นเหล้าโชยออกจากปากเพื่อนชาย แซวว่า กินเหล้าตั้งแต่เช้าเลยรึมึง

สมโภชแก้ตัวว่าถอน จากนั้นไม่คอยท่าให้เสียเวลา คว้ามือหล่อน จะลากลงป่าละเมาะข้างถนน จิตราตกใจ จะทำอะไรเนี่ย คนดึงแขนไว้หัวร่อ อย่าทำเป็นไม่เคยเลยว่ะ กูขอเหอะ

คราวนี้จิตรารู้แน่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตน จึงทำใจดีสู้เสือ เพราะยังไงมันก็เป็นเพื่อน ไม่ใช่โจรไพรอะไรที่ไหนนี่ หล่อนค่อยๆ สะบัดมือ ทำอย่างนุ่มนวล แต่ก็ไม่หลุดจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม ต่อมาสะบัดแรงก็ไม่หลุด

กูรู้ว่ามึงอาชีพอะไร มึงมันเป็นกะหรี่ อย่าเล่นตัวเลยนะ กูขอสักทีนะ อยากเอามึงมานานแล้ว

ได้ยินดังนั้น จิตราถลึงตา พูดให้ดีๆ นะมึง

ถุย อย่ามาปกปิดเลย สมโภชถ่มน้ำลายลงพื้นสวนกลับทันที

ถ้ากูเป็นกะหรี่จริง มึงก็จะมาดูถูกกูแบบนี้ไม่ได้นะ ไม่รับและไม่ปฏิเสธเสียทีเดียว แต่หญิงสาวไม่วายปกป้องสิทธิ์และความเสมอภาค

สมโภชหัวเราะเยาะเย้ยและคึกคะนองที่สุด เหล้าที่แล่นอยู่ในสายเลือดกระตุ้นเขาให้เหิมกล้า แหม มึงผ่านมาไม่รู้กี่อันแล้ว เพิ่มของกูอีกสักอันไม่เป็นไรหรอกนา มา มาให้กูเ-็ดสักที เอ้ หรือว่ามึงจะเอาตังค์ เอ้าๆ กูให้ห้าร้อยเอา ตังค์ไม่ค่อยมีซะด้วย

ถูกหยาบคายใส่และถูกหยามหมิ่นไม่มีชิ้นดีแบบนี้ เลือดขึ้นหน้าจนร้อนผ่าว สิ้นความอดทนแล้ว ไม่เห็นแก่เพื่อนแล้ว ไม่เห็นแก่คนบ้านเดียวกันแล้ว หล่อนแผดเสียง ไอ้โภชมึงพูดดีๆ นะ ถึงกูเคยโดนมาแล้ว แต่ใช่ว่ากูจะยอมให้ใครง่ายๆ ถุย มึงประเมินกูต่ำไปแล้วขอบอก หญิงสาวพ่นน้ำลายใส่ โดนหน้าเขาเต็มๆ

สมโภชปาดน้ำลายทิ้ง ไม่ลดละความหื่นกระหาย ใบหน้าสั่นระริก ดวงตาเบิกโพลง หญิงกะหรี่มันจะดีเด่อะไรวะ ไอ้เหี้ย เล่นตัวดีนะมึง โก่งราคาเหรอมึง เอาไปเจ็ดร้อย กูมีแค่นี้แหละ ว่าแล้วเขาขว้างธนบัตรใบนั้นใส่หน้าเพื่อนสาว

จิตราฟาดมือขวาเข้ากับใบหน้าของชายหนุ่มเต็มแรงด้วยความโทสะ คนถูกตบยิ่งโทสะกว่า จริงๆ กะหรี่อย่างมึงกูไม่ให้ค่าหรอก นี่เห็นว่าเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่จึงพูดดีด้วย มันพูดดีตรงไหนวะ หญิงสาวคิด เอ้าๆ ในเมื่อพูดดีๆ ไม่ได้ งั้นก็ต้องใช้กำลังกันแล้วล่ะ

วันนี้ถ้ากูเ-็ดมึงไม่ได้ เรียกไอ้สมโภชว่าหมาได้เลย

 

สงกรานต์อีกปี

จิตรากลับมาบ้านด้วยสภาพจิตใจที่ผิดไปจากปีที่ก่อน เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น ร่างกายหล่อนก็เปลี่ยนไปจากเดิมมากทีเดียว อาคารขายตั๋วโดยสารสถาปัตยกรรมสไตล์บาวาเรี่ยนยังสดใสอยู่ในสีเหลืองไข่ไก่ แต่ร่างกายหล่อนหมดราศีราคาไปแล้ว ความสดใส ความมีชีวิตชีวาถูกสูบออกไปจากร่างอย่างรวดเร็วโดยโรคร้าย ไม่มีการตั้งวงเหล้าเหมือนปีที่แล้ว ไม่มีการเวียนวนไปดื่มบ้านนั้นบ้านนี้เหมือนปีที่แล้ว

จิตราขลุกอยู่แต่ในบ้าน ไม่ยอมออกมาพบหน้าใครทั้งนั้น มีแต่ข่าวของหล่อนเท่านั้นที่ขยันเยี่ยมหน้าไปบ้านนั้นทีบ้านนี้ที เป็นข่าวชวนให้สะใจหรือชวนให้ถูกถากถางเยาะเย้ยสำหรับใครหลายๆ คน แต่ถึงกระนั้นก็ตามก็มีเพื่อนสนิทแวะมาให้กำลังใจ

และเย็นวันหนึ่งสมโภชเดินโซซัดโซเซมาบ้านหลังใหญ่เหมือนกัน มือขวาถือขวดเบียร์มาด้วย น้ำเบียร์กระฉอกออกมาเปื้อนมือและขากางเกง เพราะท่าเดินไม่ปกตินัก เขาเมาเต็มพิกัด ตรงประตูบ้านของจิตรา คนเมาฟาดขวดเบียร์กับประตูรั้วอัลลอยด้วยความโทสะแรงกล้า เศษแก้วแตกกระจาย

สมโภชไม่สนมือที่บังเอิญถูกเศษแก้วบาด เจ็บแค่นี้ไม่ตายหรอกวะ ความตายรอกูอยู่แล้วภายใน ไอ้เหี้ยจิตรา ไอ้สัตว์จิตรา อีกะหรี่จิตรา ขุดขึ้นมาด่าเท่าที่จะขุดขึ้นมาทัน

จิตราได้ยินเสียงหน้าบ้าน แหวกม่านสีทองออกมองเหตุการณ์ นึกสมเพชกับภาพตรงหน้าเหลือขนาด แต่แล้ววินาทีหนึ่งความสมเพชนั้นก็เป็นเหมือนบูมเมอแรง เพราะมันแล่นย้อนมาทำลายตัวหล่อนเอง

อีชาติหมา มึงเป็นเอดส์ทำไมมึงไม่บอกกูวะ สมโภชเตะหนักๆ เข้าที่ประตูอัลลอย จิตรายืนนิ่ง น้ำตาเล็ดออกมา ตอนนั้นหล่อนไม่ทราบว่าตนติดเชื้อมาก่อน และเรื่องโดนเพื่อนชายข่มเหงน้ำใจนั้น คดีความยังคาศาลอยู่เลยยามนี้ หล่อนพึมพำเบาๆ ด้วยความเศร้าสร้อย เรื่องนี้มึงจะมาโทษกูได้ไงวะ มึงมันรนหาที่เอง ไอ้โภช

ไอ้เหี้ยจิตราออกมาให้กูหักคอเสียดีๆ สิ้นเสียงอ้อแอ้ สมโภชก็ทรุดฮวบลงตรงธรณีประตูรั้วบ้าน

อีกะหรี่ มึง เสียงบ่นต่ำๆ ก่อนเจ้าตัวจะหมดสติเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ และนอนแผ่หลาหมดสภาพไม่ต่างจากสุนัขเหม็นๆ ตัวหนึ่งขวางประตูบ้านของจิตรา •