ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 เมษายน 2566 |
---|---|
ผู้เขียน | ฟ้า พูลวรลักษณ์ |
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ | ฟ้า พูลวรลักษณ์
หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๗๑)
๑
ในสมัยฮั่นอู่ตี้ มีคดีหนึ่งที่สนใจยิ่งนัก คือคดีขุนศึกหลีเล้ง ยอมแพ้แก่ข้าศึก
คดีนี้เองที่ทำให้เกิดผลข้างเคียง คือทำให้ซือหม่าเชียง ผู้ต่อมาเป็นบิดาแห่งประวัติศาสตร์จีน ที่เขียนซื่อจี้ ต้องถูกตอน
เพราะครั้งนั้นฮั่นอู่ตี้ทรงพิโรธมาก เป็นความโกรธของจอมจักรพรรดิ ที่ไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นได้ ส่วนซือหม่าเชียง ด้วยความซื่อ ทั้งที่เขาไม่ได้รู้จักสนิทสนมอะไรกับหลีเล้ง หากแต่เพียงแค่เคยเห็นหน้าในท้องพระโรงเดียวกัน รับราชการอยู่กับฮ่องเต้องค์เดียวกัน ด้วยความเชื่อในน้ำใสใจจริง ในคุณความดีของหลีเล้ง ทำให้เขาออกมาทัดทานบทลงโทษที่ฮั่นอู่ตี้จะกระทำต่อหลีเล้ง ในขณะที่ข้าราชการอื่นๆ ไม่มีใครกล้าพูด การกระทำดังกล่าว เหมือนราดน้ำมันลงบนกองไฟ เขาพลอยต้องรับโทษไปด้วย ด้วยการถูกตอน
เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับฮั่นอู่ตี้ ยามโกรธเขาเหมือนไฟประลัยกัลป์
๒
แต่นี้เป็นเพียงผลข้างเคียง ที่โทษตกแก่คนบริสุทธิ์ ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ซึ่งเกิดขึ้นเสมอในประวัติศาสตร์ เพียงแต่คราวนี้ โดนกับบิดาแห่งประวัติศาสตร์ จึงกลายเป็นหมายเหตุที่กินใจ แต่ทว่า ความน่าสนใจของคดีนี้อยู่ที่ตัวหลีเล้งเอง ทำไมเขาจึงยอมจำนน เราต้องมาดูเรื่องราวรายละเอียดของคดีนี้
๓
หลีเล้ง เป็นบุตรของหลีก้วง ซึ่งก็เป็นขุนศึกลือนามแห่งราชวงศ์ฮั่นอีกคนหนึ่ง
ครั้งนั้นเขาเป็นขุนศึกที่นำกองพลทหารราบห้าพันคน แต่ตอนยกไปตีพวกโซวงหนู ชนเผ่าทางเหนือ โชคร้าย เขาพลัดหลงทางกับกองกำลังอื่น ทำให้กองทัพของเขาบุกเดี่ยวไปจนถึงที่อยู่ของข้าศึก เขาเจอกองทัพม้าของโซวงหนู แต่เขาก็รบชนะ แม้จะเสียเปรียบ ทำให้เจ้าเผ่าของโซวงหนู ต้องรวบรวมกำลังพลนับแสนมาโอบล้อมทหารห้าพันคนของเขา แต่เขาก็รบชนะครั้งแล้วครั้งเล่า จนทหารของเขาล้มตายเกือบหมด เหลือเพียงร้อยกว่าคน ธนูใช้จนหมด หอกดาบใช้จนหัก ทหารที่เหลือได้รับบาดเจ็บทุกคน จนหมดแรงต้องโดนจับ
ครั้งนั้นเองที่เขาตัดสินใจยอมจำนน และการตัดสินใจนี้มีผลอย่างใหญ่หลวง
๔
เขาคิดว่า เขาเป็นขุนนางที่ทำความดีความชอบไว้มากมาย และยิ่งศึกครั้งนี้ เขาแพ้เพราะโชคร้าย และเจอข้าศึกที่มากกว่านับร้อยเท่า เขามองไม่เห็นความผิดใดในตัวเอง และการยอมจำนนครั้งนี้ ก็เพื่อจะหาทางรอดต่อไป ยอมกล้ำกลืนความอัปยศหนึ่งครั้ง หาทางแอบหนีออกมา หรือทำการอื่นใด ด้วยใจของเขายังภักดีต่อราชวงศ์ฮั่น
ไอดอลในใจของเขา คือขุนศึกที่ยอมกล้ำกลืนความเจ็บปวด ความอัปยศ และกลับมาเอาชนะได้ในคราวหลัง
๕
หลีเล้งเป็นคนกล้าหาญอย่างไม่ต้องสงสัย มิเช่นนั้น ใครจะกล้านำทัพห้าพันคนบุกทะลวงไปถึงใจกลางถิ่นข้าศึก และอาจหาญเอาชนะข้าศึกครั้งแล้วก็ครั้งเล่า จะบอกว่าในคราวคับขัน เขากลับกลัวตาย ก็พูดไม่ได้ เขาเป็นที่รัก ที่บูชาของเหล่าพลทหาร ด้วยเพราะเขายอมร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพวกเขามาโดยตลอด มิเช่นนั้นทำไมทหารของเขายอมสู้ตาย เคียงคู่เขามาทุกครั้ง แต่การตัดสินใจครั้งนี้ มีผลกว้างไกลเกินกว่าที่เขาคิดถึง
๖
เขาจะบอกว่าไม่รู้กฎหมายในยุคนั้น ก็ไม่ได้ จะบอกว่าไม่รู้ใจฮั่นอู่ตี้ ก็ไม่ได้อีก พระเจ้าฮั่นอู่ตี้เป็นกษัตริย์ที่โหดร้าย เด็ดขาด เป็นที่รู้กันอยู่ ในยุคโบราณ ท่านถือมาก การที่แม่ทัพไปยอมจำนนต่อข้าศึก ถือเป็นการตบหน้าพระองค์อย่างแรงทีเดียว ยิ่งหลีเล้งเป็นขุนศึกเอก ยิ่งยอมจำนนไม่ได้ จะมายอมจำนนต่อชนเผ่าโซวงหนู ซึ่งคนจีนถือว่าเป็นชนป่าเถื่อน ยังด้อยกว่าคนจีนมากหลาย ยิ่งรับไม่ได้ขึ้นไปอีก มันทำให้คุณความดีทั้งหมดที่เขาทำมา หมดความหมาย
ความดีใจที่ฮ่องเต้มี ยามทราบว่าเขารบชนะ ก็หายหมด แทนที่ด้วยความอัปยศอย่างสูงสุด และคำถามที่เหลือจะทน คือทำไมเขาไม่เหลือยางอายอีกสักหน่อยที่จะฆ่าตัวตาย
๗
กฎหมายคนโบราณ ทำให้พ่อแม่ ลูกเมียของหลีเล้งที่อยู่ทางนี้โดนประหารหมด อย่างอัปยศอีกต่างหาก ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลสูญหายหมด น่าสงสารพ่อแม่ ลูกเมียของเขาเป็นอันมาก หากมองจากยุคนี้ มันโหดร้ายเกินไป แต่ในยุคโบราณ มันเป็นกฎหมาย และกระทำกันเช่นนี้มาโดยตลอด อาจมียกเว้นให้บ้างในบางกรณี แต่ในกรณีหลีเล้ง และด้วยอำนาจของฮั่นอู่ตี้ ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับการยกเว้น หากแต่ยังมีการเร่งโทษ และเพิ่มโทษให้สูงสุด ด้วยการลงโทษให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เรียกว่า หลีเล้งคาดไม่ถึง มันเป็นดั่งไฟโลกันต์ แม้แต่ซือหม่าเชียงที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ก็เกือบตาย แม้ไม่ตาย ก็ต้องกลายเป็นขันทีไปตลอดชีวิต
๘
คดีนี้ฉันสนใจ เพราะถามตัวเองว่า ใครผิด เกิดอะไรขึ้น ผลงานของหลีเล้งน่าประทับใจ หัวใจของเขาก็อาจอง เขาเป็นคนมัธยัสถ์ ซื่อสัตย์ อดทน รักลูกน้อง สารพัดความดีของขุนศึก ทำไมเขาทำผิดนิดเดียว แต่มีผลกว้างใหญ่ระดับนี้ มันเป็นความผิดไหมนะ เราจะเอาอะไรมาตัดสิน
อีกอย่าง ชีวิตของเขาหลังจากยอมจำนน แม้จะมีชีวิตอยู่ต่อมาอีก ๓๐ ปี แต่ทว่า เป็นชีวิตที่ทุกข์ทรมานยิ่งนัก เพราะเป็นชีวิตที่เงียบเหงา ไม่ได้ทำอะไรเลย คิดถึงบ้านก็กลับไม่ได้ จมอยู่กับความทุกข์ ความเสียใจ และความแค้นในตัวฮั่นอู่ตี้ แต่เขาก็ไม่ได้สำนึกผิด เหมือนหนึ่งว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งสุดท้ายที่จิตของเขารับไม่ได้ เขาจึงเหลือพลังไว้นิดหนึ่ง ที่จะยืนยันว่าเขาทำถูกแล้ว เพียงแต่นี้เป็นเรื่องของโชคชะตา เป็นความอยุติธรรมของชีวิตที่ตกกับตัวเขา เขาได้แต่กรีดร้อง โหยหวนอยู่ในกระท่อมหลังเล็ก ในดินแดนอันหนาวเหน็บ อยู่อย่างนี้จนแก่ตาย
๙
หากวันนั้น เขาสู้ตาย หรือฆ่าตัวตาย ผลที่ออกมาจะแตกต่างกันมาก เขาตายอยู่ดี แต่ทว่า ราชวงศ์ฮั่นจะขอบคุณเขา จะให้รางวัลแก่พ่อแม่ลูกเมียของเขา นอกจากจะเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ในวันข้างหน้า ยังจะให้ลูกหลานของเขารับราชการ ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลก็จะดี รวมความคือเป็นตรงกันข้าม
อาจบางทีลูกหลานของเขาอาจรุ่งเรืองไปอีกนับร้อยปี
๑๐
สิ่งที่ฉันเห็น คือการผุดขึ้นของปัจเจกชน สภาวะเช่นนี้ ในอดีตกาลก่อนหน้านี้ ไม่มีเลย มันเกิดไม่ได้ แต่ครั้งนี้ มันผุดเด่นขึ้นมา ท้าทาย และเจ็บปวด หลีเล้งจึงเหมือนตัวละครโศกนาฏกรรมของเช็กสเปียร์ที่ดุดันที่สุด และสะท้อนยุคสมัย ว่าบัดนี้แผ่นดินจีนได้ก้าวมาถึงยุคปัจเจกชนเริ่มมีความสำคัญแล้ว มันไม่ใช่ใครผิดหรือถูก ด้วยทุกคนมีเหตุผลของตน
๑๑
ปัจเจกชนขึ้นมามีความสำคัญแล้ว แต่ปัจเจกชนก็เป็นเช่นนี้ ล้มได้ ผิดได้ รันทดเป็นโศกนาฎกรรม เป็นเหมือนละคร สีสันของมันขึ้นกับเหตุการณ์ และสภาวะของโลก
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022