แลนด์สไลด์ลากตั้ง กับแลนด์สไลด์เลือกตั้ง

ยิ่งใกล้เข้าสู่ช่วงการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศอย่างเต็มตัว บรรยากาศยิ่งเพิ่มความร้อนระอุ โดยเฉพาะเมื่อเหล่า ส.ว.ออกมาโชว์ฤทธิ์เดช อวดอ้างอำนาจของผู้ที่มาจากการแต่งตั้ง ท้าทายพรรคการเมืองที่เข้าสู่ระบบการเมืองด้วยการเลือกตั้งโดยประชาชน

โดยเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ เกิดเหตุการณ์การประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ เสนอโดย ส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้ยกเลิกมาตราที่ให้อำนาจ ส.ว.ร่วมโหวตแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี

แต่การประชุมไม่สามารถดำเนินไปได้ เนื่องจากมี ส.ว.ลาประชุมมากถึง 95 คน นำมาสู่ปรากฏการณ์สภาล่ม

ชัดเจนว่า เพื่อแสดงการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นอำนาจ ส.ว.

เป็นการปกป้องอำนาจตัวเอง ทั้งที่รู้กันดีว่า เป็นอำนาจที่ขัดแย้งกับประชาธิปไตย เพราะเอาอำนาจของคนที่มาจากการแต่งตั้ง มาอยู่เหนืออำนาจประชาชนที่ไปเลือก ส.ส.

อำนาจของคน 250 คน อยู่เหนือกว่าประชาชนหลายล้านคนที่ไปเข้าคูหา

ประชาชนเลือกตั้งเสร็จ ควรให้พรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้ง พรรคที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากที่สุด เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล และตั้งนายกฯ ของพรรคนั้น แต่นี่มีเสียง 250 ส.ว.เข้ามาแทรกแซงบิดเบือนเสียงประชาชน

เมื่อความพยายามแก้รัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยในประเด็นนี้ถูกขัดขวางจาก ส.ว.อย่างสุดตัว เอาเข้าจริงๆ ส่งผลกระตุ้นเตือนประชาชนคนไทย ให้ตระหนักว่า การเลือกตั้งปี 2566 นี้ ประชาธิปไตยและเสียงของประชาชนที่ไปเลือกตั้ง ยังมีอุปสรรคขัดขวางจาก 250 ส.ว.

ปลุกบรรยากาศให้ประชาชนต้องร่วมกันไปเลือกตั้ง โดยเลือกให้พรรคการเมือง ฝ่ายตรงข้ามกับขั้วอำนาจ 250 ส.ว. มี ส.ส.เข้าสู่สภา รวมกันแล้วเกิน 375 เสียงให้ได้

ยิ่งหากมีพรรคฝ่ายประชาธิปไตยพรรคเดียว ได้ ส.ส.เข้ามาเกินกว่า 250 เสียง ยิ่งการันตีว่า เสียงของ 250 ส.ว.จะถูกปิดสวิตช์แน่นอน

จะว่าไปแล้ว พรรคเพื่อไทยเอง ที่ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในประเด็นตัดอำนาจ 250 ส.ว.ในการโหวตนายกฯ เข้าสู่สภาในระยะนี้ ก็น่าจะหวังผลให้เหล่า ส.ว. สำแดงฤทธิ์เดชต่อต้านและปกป้องอำนาจของตัวเอง

เพื่อเป็นการประจานให้ประชาชนได้เห็น ได้ย้ำเตือน เพิ่มบรรยากาศก่อนจะเดินเข้าคูหากาบัตรด้วยนั่นเอง!

 

หลังจาก ส.ว.แห่โดดประชุม จงใจให้สภาล่ม เพื่อขวางการแก้รัฐธรรมนูญประเด็นตัดอำนาจ ส.ว.แล้ว จากนั้นยังมีนายวันชัย สอนศิริ ส.ว.คนดัง ออกมาเคลื่อนไหว เพิ่มอุณหภูมิให้ร้อนระอุขึ้นมาอีกประเด็น โดยประกาศขวางการเป็นนายกฯ ของ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร

อ้างเหตุผลว่า ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ควรเป็นของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง

ทั้งยังอวดอ้างด้วยว่า 250 ส.ว.ก็จะแลนด์สไลด์ เพื่อตีกลับแลนด์สไลด์ของเพื่อไทย

ไม่เท่านั้น ยังมีอีก ส.ว.คนดัง นายเสรี สุวรรณภานนท์ ที่ออกมาตอกย้ำประเด็นนี้ว่า 250 ส.ว.จะไม่โหวตให้อุ๊งอิ๊ง

ส.ว.จะโหวตให้เฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เท่านั้น

ท่าทีเหล่านี้ คือการจุดไฟทางการเมืองให้ลุกโชน

ประกาศเอา 250 ส.ว. ที่แต่งตั้งมาโดย คสช. ยังคงรับใช้ผู้นำ คสช.ต่อไป ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้

ประกาศพลังของพวกลากตั้ง ว่ายังคงรับใช้ผู้นำที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย และขัดขวางผู้นำทางการเมืองที่มาตามครรลองประชาธิปไตย

ผลจากท่าทีดังกล่าว น่าจะเป็นการปลุกเร้าประชาชน เจ้าของอำนาจทางการเมืองในการเลือกตั้ง ให้ตระหนักว่าพลังฝ่ายล้าหลัง ยังประกาศเป็นอุปสรรคขัดขวางประชาธิปไตยไม่สิ้นสุด

ต้องทำให้ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ นำมาสู่การปิดสวิตช์ 250 ส.ว.ให้ได้

ยิ่งพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีแนวโน้มจะได้ ส.ส.เข้าสภามากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ คาดกันว่าน่าจะเกิน 200 เสียง ถ้าหากได้รับเลือกเข้ามาเกิน 250 เสียง จะเป็นการการันตีได้ทันทีว่า 250 ส.ว.ถูกปิดสวิตช์แน่นอน

ถ้าเลือกเพื่อไทยทะลุ 250 นี่คือแลนด์สไลด์ตามระบอบประชาธิปไตย จะได้กลบเสียง 250 ส.ว. ที่เป็นแลนด์สไลด์อันไม่ใช่ประชาธิปไตย

หรือหากรวมๆ แล้ว พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ได้เสียงเข้ามาเกิน 375 เสียง หรือเกินครึ่งของเสียงทั้งสองสภา

จะเป็นหลักประกันให้เสียงประชาชนที่ไปเลือกตั้ง ไม่ถูกเสียง 250 ส.ว. เข้ามาแทรกแซงได้อีก

การเคลื่อนไหวทั้งหลายทั้งปวงของ ส.ว.ในระยะนี้

จึงถือได้ว่าเป็นการท้าทายประชาชน ท้าทายผู้มีอำนาจตามวิถีประชาธิปไตย ให้ลุกขึ้นมา แห่กันเข้าคูหา เลือก ส.ส.และพรรคการเมือง

เพื่อให้เสียงประชาชนอยู่เหนือเสียง 250 ส.ว.ให้ได้!

 

แนวคิดของ ส.ว.ที่ออกมาขัดขวางอุ๊งอิ๊ง ทำให้ต้องนึกย้อนไปในยุคยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชนะเลือกตั้งเมื่อปี 2554 โดยครั้งนั้นฝ่ายต่อต้านทักษิณ ชินวัตร จุดประเด็นการเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีของยิ่งลักษณ์ทำนองว่า ทักษิณดูถูกประชาชน เอาน้องสาวที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองมายัดเยียดให้

ทั้งๆ ที่ยิ่งลักษณ์เข้าสู่ถนนการเมืองโดยมาอย่างเปิดเผย ประกาศตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทย จากนั้นก็ออกเดินสายพบปะประชาชน ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียง

เปิดตัวให้ประชาชนได้พิจารณาตลอดในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง

สุดท้ายก็ด้วยการเลือกของประชาชน ในวันเข้าคูหากาบัตร จึงส่งให้ยิ่งลักษณ์ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี

ผลการเลือกตั้งโดยประชาชนเท่านั้น จึงจะเป็นเครื่องตัดสินว่า ยิ่งลักษณ์สามารถเป็นนายกฯ ได้หรือไม่

ยิ่งลักษณ์ผ่านการเลือกตั้งโดยประชาชน ไม่ใช่เป็นนายกฯ โดยการแต่งตั้งของทักษิณ

เช่นเดียวกัน มาวันนี้ เมื่ออุ๊งอิ๊งลงสนามการเมือง โดยที่ยังไม่มีมติอย่างเป็นทางการว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่

กลุ่ม ส.ว.ก็เหมือนถอยการเมืองกลับไปยุคปี 2554 ประกาศขวางอุ๊งอิ๊ง ด้วยข้ออ้างว่า ตำแหน่งนายกฯ ไม่ใช่ของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง รวมทั้งโจมตีว่าทักษิณดูหมิ่นประชาชน ด้วยการยัดเยียดลูกสาวมาเป็นนายกฯ

ต่อต้านโดยไม่อยู่บนพื้นฐานความจริง

หากอุ๊งอิ๊งเป็นแคนดิเดตนายกฯ จริง ก็ต้องเปิดตัวให้ประชาชนพิจารณาตัดสินใจ แล้วไปรอลุ้นผลสุดท้ายในวันเปิดคูหากาบัตร

เส้นทางอุ๊งอิ๊ง ถึงอย่างไรก็คือ มาตามวิถีการเมืองประชาธิปไตย ประชาชนเป็นคนเลือกเป็นคนตัดสิน

ทักษิณอาจมีส่วนผลักดันน้องสาวหรือลูกสาวให้เข้าสู่การเมือง

แต่ทักษิณไม่สามารถแต่งตั้งให้เป็นนายกฯ ได้ คนที่จะตัดสินใจคือประชาชนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง

ขณะที่เหล่า ส.ว. มาจากการแต่งตั้งโดยกลุ่มอำนาจ คสช. ที่มาและบทบาทไม่ใช่ประชาธิปไตยเลย กลับมาต่อต้านคนที่มาตามวิถีประชาธิปไตย จะเข้ามาได้หรือไม่ ต้องให้ประชาชนเป็นคนเลือก

ทั้งหลายทั้งปวงนี่คือ การปลุกเร้าบรรยากาศการเลือกตั้งให้ร้อนรุ่มมากขึ้น

แลนด์สไลด์ตามวิถีประชาธิปไตยโดยการเลือกตั้ง กำลังถูกท้าทายโดยแลนด์สไลด์ฝ่ายลากตั้ง!!