สมรภูมิเลือกตั้ง | จรัญ พงษ์จีน

สมรภูมิการเมืองคึกคักอย่างหนัก เพราะสถานการณ์ย่างกรายใกล้เทศกาลเลือกตั้งเข้ามาทุกขณะ หากสภาผู้แทนราษฎรอยู่จนครบวาระ จะครบเทอม 4 ปีเต็มในวันที่ 23 มีนาคม 2566 ซึ่งเหลือเวลาอยู่เพียงประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้นแล้ว

แต่กรณีที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ประเมินความได้เปรียบ-เสียเปรียบ ชิงลงมือ “ยุบสภา” ก่อนครบวาระเมื่อใดก็ได้

ตลาดการเมืองเลยคึกคัก ดังที่บอกไปเมื่อ 2-3 อาทิตย์ก่อนว่า ก่อนอื่นใดเลย ทุกคนต้องวิ่งหูตูบหาปลอกคอสวม คือ “การเป็นสมาชิกพรรคการเมือง” ถ้าลากยาวจนครบเทอม ต้องมี “ต้นสังกัด” อย่างน้อย 90 วัน กรณี “ยุบสภา” กรอบเวลา 30 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง

หาก “สภาผู้แทนราษฎร” ชุดปัจจุบัน ที่เลือกตั้งเข้ามาทำงานการเมืองวันที่ 24 มีนาคม 2562 ถ่อสังขารจนครบเทอม ศึกเลือกตั้งจะระเบิดเถิดเทิงขึ้นในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566

ผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ว่าเขตหรือบัญชีรายชื่อ ต้องให้สะเด็ดน้ำก่อนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ จึงเข้าเกณฑ์ เป็นสมาชิกพรรคการเมืองติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน เวลาเหลืออยู่ไม่กี่อึดใจ จะพลิ้วไปพลิ้วมา มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก ต่อไปไม่ได้แล้ว

นอกจากผู้ ส.ส.เขตเลือกตั้งแล้ว ในศึกเลือกตั้งทั่วไป รัฐธรรมนูญ 2560 ยังกำหนดไว้ด้วยว่า ให้พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง “แจ้งรายชื่อที่พรรคการเมืองนั้นมีมติว่าจะเสนอให้สภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไม่เกินสามรายชื่อต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกตั้ง และให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศรายชื่อบุคคลดังกล่าวให้ประชาชนทราบ”

เนื่องเพราะสถานการณ์ค่อยๆ ยกระดับเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง พรรคการเมืองต่างๆ จึงทยอยหงายไพ่ “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” กันออกมาแล้วจำนวนหลายพรรค ที่อุบไต๋อยู่ก็มี

ที่กึกก้องคะนองเดช คอการเมืองพากันครางฮือมากที่สุด คือการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ยึดฤกษ์งามยามดีวันที่ 9 มกราคม จัดเต็มคาราเบล กับพรรค “รวมไทยสร้างชาติ” ใช้ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

พร้อมกับทำตัวเป็น “เจ้าคุณละเอียด” ไม่ต้องการให้เกิดข้อครหา และปัญหาร้องเรียนย้อนหลัง ประเด็นเบียดบังเวลาราชการ-ใช้ของหลวงเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ก่อนไปเปิดตัวร่วมวงไพบูลย์กับ “รวมไทยสร้างชาติ” อย่างเป็นทางการ “บิ๊กตู่” ทำหนังสือลากิจ ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป

เมื่อได้ฤกษ์เบิกชัย เดินทางกลับบ้านพัก เปลี่ยนรถยนต์ประจำตำแหน่งมาใช้บริการรถยนต์ส่วนตัว ช่วงไปถึงศูนย์สิริกิติ์ ไม่มีขบวนรถนำ ไม่ใช้ รปภ.ติดสอยห้อยตามเหมือนตอนปฏิบัติภารกิจในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ยุคที่สังกัดพลังประชารัฐ ฐานอำนาจโคตรๆ แกร่งดุจกำแพงเหล็ก กับ “พี่น้อง 3 ป.” ประกอบด้วย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” และ “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา”

กับบ้านหลังใหม่ที่รวมไทยสร้างชาติ “บิ๊กตู่” ปรับเปลี่ยนชื่อเสียงและกิตติคุณใหม่จาก “3 ป.” เป็น “3 ต.” มีพี่น้องร่วมสมรภูมิใหม่ ได้แก่ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ตามด้วย “เสี่ยตุ๋ย-พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรค และ “ต.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” ไม่รู้จะเต็มถัง เต็มกะละมัง ดุจเดิมอีกหรือไม่ ก็ต้องติดตามกันดูต่อไป

 

คล้อยหลังไม่กี่วัน “พี่ใหญ่-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็เปิดตัวในฐานะแคนดิเดตหนึ่งเดียวของ พปชร. ท้าชิง-ท้าชน “นายกรัฐมนตรี คนที่ 30”

“ลุงป้อม” ถึงรูปไม่หล่อ แต่ป้อเก่ง กล่าวคือ แม้อายุขัยจะปาเข้า 78 แล้ว สุขภาพชำรุด เดินเหินไม่ค่อยสะดวก เรี่ยวแรงเป่าข้าวต้มยังแทบไม่มี แต่พลันที่ถูกผลักถูกดันให้เป็นผู้ท้าชิงนายกฯ คนที่ 30 โลกเราหนอ กลับกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาราวปาฏิหาริย์มีจริง

ยิ่งไปกว่านั้น “ลุงป้อม” ชอบสวมบทสิงห์ปืนไว ปาดหน้าเค้ก “น้องตู่” ติดต่อกันในหลายกรรมหลายวาระ ตั้งแต่ยืนลากิจต่อที่ประชุม ครม. อ้างว่ามีอาการอ่อนเพลีย เนื่องจากโหมงานหนักจากการนำคณะขึ้นตรวจเยี่ยมพื้นที่ทางภาคเหนือ เยือนลำปาง-พะเยาว เลยเจ็บออดๆ แอดๆ

แต่สับขาหลอก ขนทัพหลวงบุกราชบุรีดอดไปจีบทีม “กำนันตุ้ย-วิวัฒน์ นิติกาญจนา” นายก อบจ.เมืองโอ่ง ให้ขนผู้สมัครมาซบ พปชร.จนเป็นผลสำเร็จไปได้เปราะหนึ่ง

เทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมาเอาอีกแล้ว “พี่ป้อม” ปาดหน้า “น้องตู่” ที่มีโปรแกรมจะเยือนเยาวราช ไหว้ศาลเจ้าพ่อไต้ฮงกง หาเสียงกับพี่น้องชาวจีนไปในตัว แต่ปรากฏว่า ตอนเที่ยงเศษๆ ก็ถูกอีกฝ่ายแซงคิว ไปหยิบชิ้นปลามันก่อนหน้าตาเฉย

เหนือสิ่งอื่นใด เจ็บจี๊ดสุดๆ คือการเรียกประชุมลูกพรรค จัดทัพ-แถว พปชร.ประกาศเสียงดังฟังชัดว่า พปชร.เป็นแกนนำรัฐบาลมาเกือบ 4 ปี มีผลงานเชิงประจักษ์มากมายก่าวกอง ทั้งแก้ปัญหาความยากจน ปัญหาน้ำ ค้ามนุษย์ และผลงานชิ้นโบแดง คือ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” พรรคจะเพิ่มวงเงินปีละ 100 บาท สูงสุดเพิ่มเป็น 700 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ

เจอโดนซิวผลงานบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ “น้องตู่” ถึงกับทรุดราวกับโดนสามล้อพุงชน

นอกจาก “พี่น้อง 2 ป.” คือ “ตู่กับป้อม” เปิดตัวอย่างเป็นทางการแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้ว ล่าสุด “หวยพรรคเพื่อไทย” เต็งแชมป์ศึกเลือกตั้งปี 2566 ก็ทำท่าจะคลอดแล้วเหมือนกัน

เมื่อ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมแกนนำ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย จัดแถวออกพบปะพี่น้องประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีน ย่านเยาวราช เนื่องในโอกาสเทศกาลตรุษจีน ไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เสริมสิริมงคลที่มูลนิธิเทียนฟ้า วัดเล่งเน่ยยี่

ปรากฏว่า มีหนุ่มใหญ่นิรนามร่วมด้วย เขาคือ “เศรษฐา ทวีสิน” ประธานกรรมบริหาร บมจ.แสนสิริ การเปิดตัวออกงานครั้งแรกของ “เสี่ยนิด” เท่ากับไขปริศนาว่า จะเป็นบุคคลที่ลงชิงชัยเป็นหนึ่งใน “บัญชีชื่อนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย” เป็นจริงเป็นจังซะที

โดยคาดว่า “เศรษฐา” จะได้รับการเสนอชื่อนั่งลำดับที่ 1 และ “อุ๊งอิ๊ง” ลำดับ 2

หากจริงดังว่า ถือว่ามาถูกที่ถูกเวลา นอกจากจะเป็นคนรุ่นใหม่เข้ากับยุคสมัยแล้ว “เวลานี้ประเทศ ความอดอยาก ความยากจนแผ่กระจาย สิทธิเสรีภาพถูกจำกัด ต้องมีบุคคลที่มีมิติทางความคิดที่เป็นสากลมาช่วยกอบกู้”