จรัญ พงษ์จีน : ปรับ ตัดแต่ง ครม.ประยุทธ์ ลดกระแสตกต่ำ

จรัญ พงษ์จีน

ข่าว “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี จะชิงลงมือปรับปรุง “คณะรัฐมนตรี” ลือกระฉ่อนกันอีกระลอก ภายหลัง “พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล” บุกขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กับมือ “บิ๊กตู่” ด้วยตัวเอง

ความเป็นรัฐมนตรีของ “พล.อ.ศิริชัย” จึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 เป็นไปตามความในมาตรา 170(2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

ชนวนแห่งการยื่นใบลาออก มีผลพวงมาจาก “พล.อ.ประยุทธ์” ในฐานะหัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 โยกย้ายสลับตำแหน่ง โดยให้ “นายวรานนท์ ปีติวรรณ” อธิบดีกรมการจัดหางาน ไปเป็นรองปลัดกระทรวงแรงงาน

และในคำสั่งเดียวกัน โยกย้าย “นายอนุรักษ์ ทศรัตน์” รองปลัดกระทรวงแรงงาน มาเป็นอธิบดีกรมการจัดหางาน เป็นมรรคผลให้ “บิ๊กบี้” น้อยใจ ยื่นใบลาออก และไม่ได้ไปเพียงคนเดียว

ทั้ง “พล.อ.เจริญ นพสุวรรณ” ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน “พล.ท.ธนิต พิพิธวนิชการ” เลขานุการ และ “นายอารักษ์ พรหมณี” ที่ปรึกษา ได้ยื่นหนังสือยกทีมลาออกไปทั้งคณะ

โดย “พล.อ.ประยุทธ์” แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการแต่งตั้งให้ “พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นรักษาการแทน “ขัดตาทัพ” ไปพลางๆ ก่อน

การลาออกของ “พล.อ.ศิริชัย” และคณะ ประจวบเหมาะพอดีเด๊ะกับรัฐบาลของ “บิ๊กตู่” กระแสนิยมอยู่ในช่วง “ขาลง” ซึ่งชาวบ้านฝากความรู้สึกสะท้อนผ่านทางผลโพลที่ทำการสำรวจ

ดัชนีหุ้นจะตกก็ไม่มีใครว่า แต่มันต้องมีที่ไปที่มา

เฉกเช่นเดียวกับรัฐบาลทหาร ซึ่งระยะหลังๆ กระแสนิยมทรุดฮวบ ปฏิเสธไม่ได้ “ใช่เลย” ว่า เงื่อนไขสำคัญส่วนหนึ่งต้องมาจากการบริหารของ “คณะรัฐมนตรี”

ซึ่งอัดแน่นแบบ “ยัดกระป๋อง” ไปด้วยเครือข่ายสายทหาร ไม่นับ “3 ป.” พี่น้องแห่งบูรพาพยัคฆ์ ที่เป็นตัวยืนหลัก ประกอบด้วย 1. “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี 2. “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 3. “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

ยังมีเพื่อน-พี่-น้อง ที่เกษียณอายุราชการแล้วหลายปี เกาะกลุ่มเป็นรัฐมนตรีกันหน้าสลอน ประกอบด้วย 4. “พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร” รองนายกรัฐมนตรี 5. “พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย” รองนายกรัฐมนตรี 6. “พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง” รองนายกรัฐมนตรี

7. “พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 8. “พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม 9. “พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

จริงอยู่ เมื่อเทียบสัดส่วนระหว่าง “ครม.ประยุทธ์ 1-3” กับ “ประยุทธ์ 4” ภาพรวมถือว่าโควต้าทหารลดจำนวนลงแล้ว เนื่องจาก 2 มือดี คือ “พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ” กับ “พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา” มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นองคมนตรี

แต่รัฐบาล “ตู่ 4” ยังมีโควต้าทหารมากอยู่ดี มีรัฐมนตรีอยู่ 10 ตำแหน่ง รวมทั้ง “พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล” ที่ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งว่าการกระทรวงแรงงาน

 

พลันที่ “บิ๊กบี้” ยื่นใบลาออก “พล.อ.ประยุทธ์” ตอบคำถามของผู้สื่อข่าว ประเด็นปรับคณะรัฐมนตรี จะลดสัดส่วนนายทหารลงหรือไม่ ได้รับคำตอบว่า “กำลังคิดอยู่ ต้องใช้เวลา มันมีเวลาของมันอยู่”

ส่วนจะ “ปรับเล็ก-ปรับใหญ่” ค่อยว่ากันอีกที ไม่ต้องรีบร้อน มีรักษาการอยู่ สามารถทำงานได้

ที่ทำให้ดูประหนึ่งว่า “บิ๊กตู่” จะต้องเลือกใช้บริการสูตร “ปรับใหญ่” และ “ปรับไว”

จับทิศทางลม จากการสัมภาษณ์ของ “พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง” รองนายกฯ ที่ออกมาเผยไต๋ว่า ก่อนจะมีการปรับ ครม. ทุกครั้ง ทาง “พล.อ.ประยุทธ์ จะสอบถามความคิดเห็นกับรองนายกฯ ก่อน”

“ครั้งนี้ก็เช่นกัน ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกฯ ได้สอบถามความเห็นผ่านผู้ประสานเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ตนไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร เพียงแต่เรียนไปว่า นายกฯ ติดตามผลงาน และมีความใกล้ชิดกับรัฐมนตรีทุกคน จึงเป็นผู้เหมาะสมที่สุดที่จะพิจารณาและตัดสินใจเรื่องดังกล่าวเอง”

อย่างไรก็ตาม ดูทุกองคาพยพ เชื่อกันว่าอีกไม่นานทาง “บิ๊กตู่” จะลงมือทำคลอด “ครม.ประยุทธ์ 5” ด้วยสูตรปรับใหญ่ ยิ่งตามไปดูคำถาม 6 ข้อที่ฝากถามถึงพี่น้องประชาชนเมื่อวันวาน ยิ่งชัดเจนเข้าไปใหญ่ ว่ารัฐบาลทหารอยาก “อยู่ยาว”

ประเด็นที่ต้องพิจารณาลำดับต่อมาคือ “ตัวบุคคคล” ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่เป็นโควต้าทหาร ใครจะถูกเขี่ยออก

ถ้าเอากระแสสังคมที่สะท้อนผ่านสื่อมาเป็นปัจจัยตัดสินชี้ขาด ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “สายแข็ง” ที่เป็นพี่เพื่อนน้องของ “พล.อ.ประยุทธ์” กระเด็นไปติดดอยยกยวง

โดยเฉพาะพี่น้องแห่งบูรพาพยัคฆ์ ทั้ง “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รวมถึงเพื่อนรักร่วมรุ่น ตท.12 ที่ชื่อ “พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ” แห่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

เห็นตรงกันว่า “ป้อม-ป๊อก-นมชง” อยู่ยาก

แต่ขอย้ำอีกครั้งว่า 3 คนดังกล่าวข้างต้น คือ “สายแข็ง” ระดับผนังทองแดง กำแพงเหล็ก มีความ “เสถียร” มากที่สุด 2 คนแรกเป็นพี่ที่อุ้มกระเตงกันมายาวนาน คนหลังเป็นเพื่อนเลิฟ

แม้จะมีการสร้างกระแสกดดันอะไรลึกๆ แต่โอกาสที่ “พล.อ.ประยุทธ์” จะตัดญาติกับพี่เพื่อน 3 คนนี้ จึงเป็นเรื่องเหลวไหล ลำบาก ใครคิดผิดขอให้คิดใหม่

ดังนั้น เสนาบดีที่อยู่ในข่ายถูกตัดตัวออก เพื่อลดโควต้าทหาร น่าจะเป็นอดีตนายทหารแถว 2 กับ 3 รัฐมนตรีสายพลเรือน ที่บกพร่องเรื่องถือหุ้น 5 เปอร์เซ็นต์