ครม.ประยุทธ์ แจกส่งท้ายปี ช้อปดีมีคืน-เที่ยวด้วยกัน เติมน้ำมัน ลดภาษีได้

ของขวัญปีใหม่ 2566 จากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรัฐมนตรี (ครม.) แจกยันสิ้นปี ยกเว้นเปิดสถานบันเทิง ผับ-บาร์ ถึงตี 4 โดนตีกลับไม่มีกำหนด และโครงการยอดนิยมคนละครึ่งเฟส 6 ไม่มีอีกแล้ว

ท่าไม้ตายของ พล.อ.ประยุทธ์ อย่าง “ช้อปดีมีคืน” ถูกงัดขึ้นมาปลุกมู้ดจับจ่ายใช้สอย-กระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปีเก่า ทิ้งทวนรัฐบาลที่จะครบวาระในเดือนมีนาคม 2566

ผู้เสียภาษีบุคคลธรรมดาทุกคนมีสิทธิเข้าร่วมโครงการช้อปดีมีคืน ปี 2566 ยกเว้นผู้ถือหุ้นห้างหุ้นส่วนสามัญ และคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล สามารถหักลดหย่อนภาษี จากค่าซื้อสินค้า-ค่าบริการ ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 40,000 บาท ตั้งแต่ 1 มกราคม-15 กุมภาพันธ์ 2566

ซื้อสินค้าได้ทุกอย่าง ที่เข้าร่วมมาตรการ เช่น ค่าซื้อสินค้าและค่าบริการทุกประเภทที่ซื้อจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงค่าสินค้า OTOP

และครั้งนี้จะเป็นครั้งแรก ที่ค่าใช้จ่ายจากค่าน้ำมันเชื้อเพลิง สามารถนำไปลดหย่อนรวมกับโครงการช้อปดีมีคืนได้ โดยสถานีบริการน้ำมันนั้น จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและออกใบกำกับภาษีได้ เพื่อเป็นการกระตุ้นการเดินทางและการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาล

 

กลุ่มสินค้าและบริการ 10 รายการ ที่ประชาชนต้องจับจ่ายอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถนำมาลดหย่อนรวมกับช้อปดีมีคืนได้แก่ 1.สุรา เบียร์ ไวน์ 2.ยาสูบ 3.รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ 4.หนังสือพิมพ์และนิตยสาร 5.ค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต

6.ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ 7.ค่าที่พักในโรงแรมที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม 8.ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณอินเตอร์เน็ต

9.ค่าบริการสำหรับบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการระยะยาวซึ่งเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2566 หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 หรือจะจ่ายค่าบริการในช่วงระหว่างวันที่ดังกล่าว และ 10.ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย

ของขวัญชิ้นนี้ แลกกับการสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประมาณ 8,232 ล้านบาท แต่จะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมูลค่าประมาณ 56,000 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.16

 

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการน้ำจิ้ม ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี 2566 ในอัตราร้อยละ 15 คาดว่าจะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สูญเสียรายได้ประมาณ 6,288 ล้านบาท

ภาคอสังหาริมทรัพย์ได้รับอานิสงส์จากการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยปี 2566 ประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคาร ไม่เกิน 3 ล้านบาท ถึง 31 ธันวาคม 2566

โดยลดค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 3 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อสัญญา จากเดิมร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 1

และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ อันเนื่องมาจากการจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวในคราวเดียวกัน จากเดิมร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01

เงินก้อนนี้ถูกหักอยู่ใน อปท. ที่จะสูญเสียรายได้ประมาณ 1,989 ล้านบาท แต่ส่งผลให้เพิ่มจีดีพีร้อยละ 0.60

 

แม้โปรเจ็กต์ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” มาตรการ “บูสเตอร์ช็อต” กระตุ้นการท่องเที่ยว วงเงินกว่า 87,000 ล้านบาทของ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” เสนาบดีท่องเที่ยวและกีฬาจะถูกหั่นเหลือ 4,000 ล้านบาท เพราะเสนอกระดาษ 3 แผ่นเข้า ครม.

แต่ “พิพัฒน์” ยืนยันอีกครั้งว่า จะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เห็นชอบโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ให้ทันในสัปดาห์หน้าในวันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2565 ซึ่งเป็นการประชุม ครม.นัดส่งท้ายปี

ทว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่อยู่ในช่วงฟื้นตัวได้รับการเสริมสภาพคล่องจากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่น 0.20 บาทต่อลิตรอีก 6 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-30 มิถุนายน 2566

ยอดนี้คาดว่าจะสูญเสียรายได้ประมาณ 1,800 ล้านบาท

รวมถึงการยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาตให้ผู้ประกอบการสุรา ยาสูบ และไพ่ ที่ยื่นคำขอระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566

คาดว่าจะมีการใช้สิทธิยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประมาณ 1.45 ล้านฉบับ ผู้ได้รับสิทธิประมาณ 8 แสนราย โดยรัฐจะสูญเสียรายได้จากค่าธรรมเนียมประมาณ 381.72 ล้านบาท

ทั้ง 5 มาตรการภาษี-ค่าธรรมเนียมจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ทั้งสิ้นประมาณ 18,690 ล้านบาท

กระทรวงการคลังใช้โฮลดิ้งที่เป็นสถาบันการเงินเฉพาะ และแบงก์รัฐ 15 โครงการ เช่น แจกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ คืนเงินลูกหนี้ที่มีประวัติการชำระหนี้ดี และรางวัลพิเศษสำหรับลูกค้าสลากออมสิน

 

นอกจากมาตรการ “เพิ่มเงินในกระเป๋า” คนชั้นกลาง-ระดับสูงแล้ว ยังมีมาตรการ “ลดรายจ่าย” ให้คนระดับรากหญ้า โดยขยายเวลาคงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม (LPG) 408 บาท/ถัง 15 กิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 1-31 มกราคม 2566

กระทรวงพลังงาน แจก “ส่วนลด” ค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อย 100 บาท/คน/3 เดือน ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 6.5 ล้านราย และร้านค้าหาบเร่ 100 บาท/คน/เดือน ตั้งแต่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2566 ใช้เงินจากงบฯ กลาง จำนวน 357.5 ล้านบาท

เพื่อให้การจับจ่ายและการเดินทาง กระตุ้นเศรษฐกิจได้มากขึ้น มาตรการ “ไม่ราคาน้ำมันทุกชนิด” จึงต้องมาในช่วงเทศกาลปีใหม่ 11 วัน หรือตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2565-3 มกราคม 2566 และแจกคูปอง “ลดครึ่งราคา” ที่พักที่เขื่อนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 30,000 สิทธิ์

ปิดท้ายด้วยการอนุมัติงบฯ กลางปี 2566 จำนวน 6,693 ล้านบาท สำหรับค่าไฟฟ้าเดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 เพื่อให้ส่วนลดอัตราค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วย/เดือน

แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ส่วนลด 92.04 สตางค์ต่อหน่วย สำหรับกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัย หรือกลุ่มเปราะบาง ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน

กลุ่มที่ 2 ส่วนลดค่า Ft แบบขั้นบันได ร้อยละ 15-75 หรือ 10.30-51.50 สตางค์ต่อหน่วย สำหรับกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 301-500 หน่วยต่อเดือน

 

กระทรวงคมนาคมเองก็ไม่พลาดขบวนรถไฟสายแจก ทุกเทศกาลแห่งความสุข รอบนี้ชงมาตามวาระปกติ เช่น ยกเว้นค่าธรรมเนียมทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ตั้งแต่ 00.01 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม 2565 ถึง 24.00 น. ของวันพุธที่ 4 มกราคม 2566

การเดินทางออกนอกกรุงเทพมหานคร ผ่านมอเตอร์เวย์ ฟรีทุกเส้นทาง คือ มอเตอร์เวย์หมายเลข 6 สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ช่วงอำเภอปากช่อง-อำเภอสีคิ้ว-อำเภอขามทะเลสอ

ชั่วโมงแห่งการเฉลิมฉลอง ไม่ต้องจ่ายค่ารถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ระหว่างเวลา 12.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ถึงเวลา 12.00 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2566 รวมทั้งนั่งเรือ EV Boat ฟรี ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2565-1 มกราคม 2566 แถมลดค่าโดยสารบริษัท ขนส่ง จำกัด (บ.ข.ส.) 10% ทุกเส้นทาง สำหรับผู้โดยสารที่จองตั๋วรถ บ.ข.ส.ล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์

เทศกาลปีใหม่ปีนี้ แตกต่างจากปีใหม่เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เพราะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในช่วงปีสุดท้าย-เข้าเขตเลือกตั้ง 180 วัน จึงต้องหลบ-เบี่ยงให้ “ไม่ขัดต่อกฎหมายและประกาศเตือนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง”

ทุกมาตรการของขวัญ จึงล้วนอยู่ในวาระงานเกือบจะปกติ แนบเนียนไร้รอยต่อ