คุยกับ ‘หมอมิ้ง’ ‘เลขาฯ นายกฯ’ นั้นสำคัญไฉน?

ช่วงกลางเดือนธันวาคม 2565 ทีมข่าวการเมือง มติชนทีวี มีโอกาสสนทนากับ “นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช” หรือ “หมอมิ้ง” ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย

ในทางการเมือง แม้ นพ.พรหมินทร์จะเคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในรัฐบาล “ทักษิณ ชินวัตร”

แต่ภาพจำสำคัญของ “หมอมิ้ง” ในแวดวงการเมืองไทย ก็คือ การทำหน้าที่เป็น “เลขาธิการนายกรัฐมนตรี” ให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนหลายคนมองว่าตำแหน่ง “เลขาฯ นายกฯ” ของเขานั้น มีบทบาทประหนึ่ง “นายกฯ น้อย” เลยทีเดียว

เมื่อตำแหน่ง “เลขาธิการนายกรัฐมนตรี” ที่เงียบหายบทบาทไปนาน กลับมาถูกพูดถึงในข่าวการเมืองอีกรอบ หลัง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ คนปัจจุบัน มีแนวโน้มจะแต่งตั้ง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ขึ้นมานั่งเก้าอี้ดังกล่าว (ข้อมูล ณ วันที่ 16 ธันวาคม 2565)

หนึ่งในคำถามที่เราสอบถาม นพ.พรหมินทร์ จึงเป็นเรื่องบทบาทและความสำคัญของ “เลขาธิการนายกรัฐมนตรี” ในการเมืองไทย

“ถ้าเปรียบในธุรกิจ คนที่เป็นซีอีโอ คือ เป็นผู้นำองค์กรที่จะเข้าใจในเรื่องทุกเรื่อง แต่ต้องมีมือที่เป็นโอเปอเรชั่น (ทำงานเชิงปฏิบัติการ) ก็จะเป็นซีโอโอ ก็คือการแปรเปลี่ยนวิธีคิดให้เป็นการกระทำ แล้วเป็น chief (หัวหน้าสายงาน) ด้วยนะครับ พวกต่างประเทศเขาเรียกว่า Chief of Staff (หัวหน้าคณะทำงาน) ซึ่งเป็นคนที่สำคัญมากในสหรัฐอเมริกา”

“หมอมิ้ง” เริ่มต้นให้คำจำกัดความว่า “เลขาธิการนายกรัฐมนตรี” เป็นเหมือน “ซีโอโอบริษัท” โดยอ้างอิงไปถึงประสบการณ์ในแวดวงธุรกิจและการเมืองต่างประเทศ ก่อนจะวกเข้าสู่สังคมการเมืองบ้านเรา

“ประเทศไทยเนี่ย (เลขาธิการนายกรัฐมนตรี) จะสำคัญไม่สำคัญ ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีหรือซีอีโอคนนั้นให้ความสำคัญหรือเปล่า บางคนใช้เป็น political appointee คือตั้งตำแหน่งเพื่อชดเชยทางการเมือง แต่ (เลขาฯ นายกฯ) ไม่ใช่ตัวจริง ไม่ได้สามารถสั่งการจริง

“ในประวัติศาสตร์ประเทศไทย คนที่เด่นๆ ขออนุญาตระบุชื่อ มีสามคน คือสมัยท่านอดีตนายกฯ เปรม (ติณสูลานนท์) ก็จะใช้สองคน คือ คุณประสงค์ สุ่นศิริ (ดำรงตำแหน่งในปี 2529-2531) ซึ่งเขาถือว่าเป็นซูเปอร์ปลัด ก็เรียกประชุมปลัด (กระทรวง) อีกคนคือท่าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง (ดำรงตำแหน่งในปี 2523-2524)

“สองท่านที่มีบทบาทโดดเด่นมากในฐานะเลขาธิการนายกฯ หลังจากนั้นก็จะเหงาๆ คุณจะไม่ค่อยรู้จักเลย

“จนกระทั่งมาถึงผม เพราะผมเองทำหน้าที่ในการแปรเปลี่ยนวิธีคิดร่วมกับท่าน (ทักษิณ ชินวัตร) อย่างใกล้ชิด มีบางคนเขาบอกว่าคุณหมอเป็นทั้ง political appointee และ personal secretary (เลขานุการส่วนตัว)

“ซึ่งแปลความว่าก็คือคนทำงานจริง”

อย่างไรก็ดี “นายกฯ น้อย” สมัย “รัฐบาลทักษิณ” เอ่ยเตือนว่า ศักยภาพของ “เลขาธิการนายกรัฐมนตรี” นั้นต้องยึดโยงอยู่กับคุณภาพของตัว “นายกรัฐมนตรี” หรือผู้นำรัฐบาลเองด้วย

“ส่วนใคร (เลขาธิการนายกรัฐมนตรีคนไหน) จะสำคัญหรือไม่สำคัญ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าซีอีโอ (นายกรัฐมนตรี) คนนั้นเก่งหรือเปล่า จะใช้ (เลขาฯ นายกฯ) หรือเปล่า ถ้า (นายกฯ) พาทิศหลงไปเป๋ๆ ไม่ตรง (เลขาฯ นายกฯ) ก็อาจจะไม่มีความสำคัญอะไรเลย เพราะในที่สุด ก็ทำงานอะไรไม่ได้เหมือนกัน”

จากนั้น “หมอมิ้ง” จึงยกกรณีศึกษาของตนเองมาเปรียบเทียบ

“แต่ถ้าถาม (เลขาธิการนายกรัฐมนตรี) สามารถสร้างความสำคัญ ที่จะทำให้งานของนโยบาย งานวิธีคิด แปรเป็นรูปธรรมได้อย่างดี

“สมัยผม ผมก็ต้องประสานกับรัฐมนตรี ตอนเช้านี่ ท่านนายกฯ ก็ดูข่าว ผมก็ดูข่าว ดูเสร็จตรงไหนนี่เราอาจจะ (ติดต่อประสานงาน) ท่านรัฐมนตรีครับ เรื่องนี้ท่านจะตอบอย่างไรดี อะไรต่างๆ ก็รวบรวมไว้ให้ เตรียมไว้ให้ หรือเรื่องนี้เป็นอธิบดี เรื่องนี้เป็นปลัด (กระทรวง) เรื่องนี้เป็นนโยบาย เรื่องนี้เป็นเรื่องของการปฏิบัติ ก็แยกเรื่องให้ดี

“บางเรื่อง เช่น ตอนนั้นมีคน หนังสือพิมพ์ สื่อฝั่งตรงข้าม กล่าวหาตอนปลายๆ ยุค หาว่าเราไปขายชาติอะไรทำนองนี้ ทั้งที่จริงๆ ไม่ใช่เลย ฝ่ายความมั่นคงโดยทหาร โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดนี่เป็นประธานในการเจรจาระหว่างไทย-กัมพูชา เขากล่าวหาว่าเราไปขายชาติ

“พักเดียวพอผมเห็นข่าว ผมก็โทรศัพท์ไปเรียนท่านรัฐมนตรีกลาโหม บอกท่านครับ ต้องให้ฝ่ายทหารมายันนะ เรื่องนี้ผิด ไม่ตรงความจริง ข่าวนั้นดับภายในสองชั่วโมงเท่านั้นเอง”

นี่คือ “งานบริหารจัดการ” ของ “เลขาธิการนายกรัฐมนตรี” ซึ่งคนเคยทำทำหน้าที่เช่น “หมอมิ้ง” ระบุว่าเป็นงานที่ “เปลี่ยนแปลง” สถานการณ์ หรือสามารถ “ดับร้อน” ได้

เมื่อถามว่าการเปลี่ยนตัว “เลขาธิการนายกรัฐมนตรี” มาเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะช่วยคลี่คลายบรรยากาศให้อนาคตทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ มีความราบรื่นมากขึ้นหรือไม่?

นพ.พรหมินทร์ไม่ยอมตอบคำถามตรงๆ แต่กลับอุปมาเปรียบเปรยกับหลักการทางการตลาดแทน

“คือแล้วแต่โปรดักต์ ถ้าโปรดักต์มันไม่ใช่ อย่างไรก็ไม่ใช่ คือคุณเอานักการตลาดที่เก่งที่สุดไปปั้นโปรดักต์ที่ห่วยที่สุด มันก็ทำไม่ขึ้น ผมไม่ได้ว่าใครนะ”