‘เพื่อไทย’ มั่นใจกระแส ‘ขาขึ้น’ เชื่อปรับค่าแรง 600 พา ‘อุ๊งอิ๊ง’ ติดลมบน

สถานการณ์ทางการเมืองยังคงระอุคุกรุ่นไม่เว้นวัน เมื่อสนามเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะกลับมาอีกครั้งในปี พ.ศ.2566 พรรคการเมืองต่างๆ เริ่มขยับ มีทั้งการเปิดพรรคใหม่ ย้ายพรรคย้ายคน รวมไปถึงการเปิดนโยบายใหม่ ก็ยิ่งร้อนแรงและมีประเด็นให้น่าติดตามอยู่ทุกวัน

พรรคเพื่อไทยเป็นอีกหนึ่งพรรคที่ขยับรุกหน้าเตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้งใหญ่อย่างหนัก

นับตั้งแต่เปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” มาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย การลงพื้นที่ทั้งภาคอีสานและภาคเหนือ ซึ่งถือเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรรคเพื่อไทยมาตั้งแต่ยุคของ “ทักษิณ ชินวัตร”

และยิ่งภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ …) พ.ศ…. หรือร่างสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ แบบหาร 100 ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ยิ่งดูจะเข้าทางพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสูตรเดียวกับที่เคยทำให้พรรคไทยรักไทยชนะเลือกตั้งเมื่อตอนปี พ.ศ.2544 และ 2548

รวมถึงยังเป็นสูตรเดียวกับที่ใช้ในการเลือกตั้งปี พ.ศ.2554 ที่พรรคเพื่อไทย นำโดย “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ชนะมาแล้วเหมือนกัน

แต่ทว่า บริบทการเมืองในยุคปัจจุบันก็อาจจะยังไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากขนาดนั้น การที่พรรคเพื่อไทยจะชนะแบบแลนด์สไลด์ได้ จะต้องทำให้เกิน 280 เสียง ซึ่งรวมถึงการรวมเสียงกับพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วย ถึงจะสามารถเป็นแกนนำรัฐบาลได้สมใจ

ล่าสุด 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย นำโดย “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรค “นายประเสริฐ จันทรรวงทอง” “นายชัยเกษม นิติสิริ” และทีมบริหารอีกหลายคน ลงพื้นที่จัดกิจกรรม “ครอบครัวเพื่อไทย แหลงจริง ทำได้ คนใต้หรอยแรง” ปักหมุด จ.นครศรีธรรมราช

โดยมี “นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย และ “นายก่อแก้ว พิกุลทอง” สมาชิกพรรค และประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับอย่างเนืองแน่น พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร 43 ส.ส. ชิงเก้าอี้ใน 14 จังหวัดของภาคใต้อีกด้วย

งานนี้ นพ.ชลน่านขึ้นกล่าวปราศรัย ระบุว่า เป็นครั้งแรกที่ขึ้นเวทีแล้วมีอาการสั่นที่สุด เพราะดีใจที่พรรคเพื่อไทยกำลังมาสู่หัวใจของพี่น้องชาวใต้ และวันนี้พรรคเพื่อไทยมีของดีมาให้พี่น้องชาวใต้ อย่างแรกคือแคนดิเดตนายกฯ ที่เป็นคนมีความรู้ความสามารถ เข้าใจเพื่อนมนุษย์โดยเฉพาะพี่น้องชาวใต้ เสียใจวันนี้ยังประกาศไม่ได้ แต่เชื่อว่าว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ของเราไปอยู่ในหัวใจพี่น้องชาวใต้แล้ว เรามั่นใจในนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่คิดใหญ่ ทำเป็น

ณัฐวุฒิก็ได้แหลงใต้สื่อสารกับพี่น้องประชาชนในฐานะเจ้าบ้าน ระบุว่าถ้ารัฐบาลทำดี พรรคเพื่อไทยคงไม่มีที่ยืนในพื้นที่ภาคใต้ไปแล้ว แต่เพราะทำไม่ดีพรรคเพื่อไทยจึงมีที่ยืนในภาคใต้ ฝากบอกประชาชนด้วยว่าวันนี้พรรคเพื่อไทยกำลังเปิดหัวใจของคน 14 จังหวัดภาคใต้ เราเพียงประกาศนโยบาย ฝ่ายรัฐบาลก็โจมตีว่าทำไม่ได้ เพราะเขากลัวว่าเราทำได้ ยุคนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เราทำได้ทุกนโยบาย ทั้ง 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้านละ 1 ล้าน พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่ดี ทำให้ลูกหลานเราอยู่สบาย

“วันนี้เรามี น.ส.แพทองธาร เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคอย่างแน่นอน ส่วนอีก 2 คนอยู่ที่การคัดเลือกของกรรมการบริหารพรรค ส่วนการเลือกตั้งครั้งต่อไป ขอบอกว่ารอบนี้พรรคตั้งใจจริง คิดใหญ่ ทำเป็น และไม่ได้มาครั้งนี้ครั้งเดียว เราจะไปทั่วทุกพื้นที่ที่เป็นภาคใต้ เลือกตั้งครั้งนี้หากพี่น้องชาวใต้ต้องการเปลี่ยนรัฐบาลต้องเลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ เพราะถ้าเลือกพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นๆ ก็จะได้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกเหมือนเดิม” นายณัฐวุฒิกล่าว

ฝั่งอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ก็ขึ้นเวทีปราศรัย โดยกล่าวว่า วันนี้ดีใจที่ได้มาเจอพี่น้องชาวใต้ด้วยตัวเอง นโยบายดีๆ ของพรรคมีมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย เพื่อไทยรุ่นใหม่จะทำให้เรื่องเช่นนั้นกลับมาอีกครั้ง ที่บอกค่าแรง 600 บาทในปี 2570 จะทำไม่ได้เลยหรือ เพราะประเทศสิงคโปร์อยู่ที่ 1,400-1,500 บาทไปแล้ว เราคิดใหญ่ ทำเป็น หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ค่าไฟฟ้า-ค่าแก๊สลดทันที

“ตอนเป็นรัฐบาลไทยรักไทย ทำให้ราคาสินค้าการเกษตรขึ้นมาแล้ว วันนี้เราตั้งใจอยากให้พี่น้องลืมตาอ้าปากได้ มีเงินเหลือเก็บตอนบั้นปลายชีวิต อนาคตจะต้องดีขึ้น ยาเสพติดที่ทำให้พี่น้องเสียลูกหลานคนเดิมไป เมื่อเพื่อไทยมายาเสพติดต้องหมดไป ค่าน้ำค่าไฟไม่ต้องรอปี 2570 ปี 2566 ถ้าพรรคได้เป็นรัฐบาลค่าไฟลดทันที ส่วนเรื่องการประมงที่พี่น้องหนักใจ ไม่มีใครเข้าใจปัญหาได้ดีเท่าตัวประชาชนเอง พรรคเล็งเห็นตรงนี้และจะเจรจากับสหภาพอียูเพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน รวมถึงการท่องเที่ยวเราจะส่งเสริมทุกภาค รถไฟเราจะเปลี่ยนเป็นรางคู่ และรถไฟความเร็วสูงจากจีนไปถึงสิงคโปร์ วันนี้ในฐานะสะใภ้คนคอน เปิดใจรับเพื่อไทยไว้ในอ้อมใจได้ไหมคะ นุ้ยตั้งใจจริง อย่าทิ้งนุ้ยนะ เลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรคเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน” แพทองธารกล่าว

อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ความนิยมของพรรคเพื่อไทยและความนิยมในตัวอุ๊งอิ๊งพุ่งติดลมบนมากขึ้น นั่นก็คือนโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำให้คนไทยวันละ 600 บาท พร้อมเงินเดือนคนจบปริญญาตรีจะเริ่มต้น 25,000 บาท ทั้งหมดนี้จะทำให้เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2570 ท่ามกลางกระแสสังคมที่มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

“นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช” ประธานนโยบายพรรคเพื่อไทย ได้ให้สัมภาษณ์กับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า พรรคไม่ได้ใช้แรงงานเป็นตัวประกันเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง ตรงกันข้าม เราใช้เป็นเป้าหมายชี้วัด คำนึงถึง 2 เรื่องของประเทศ คือ เศรษฐกิจประเทศต้องโตและต้องลดความเหลื่อมล้ำ ส่วนภาคแรงงานถ้าเราทำให้เศรษฐกิจโต ภาคธุรกิจโต เราจัดแบ่งปันผลกำไรเหล่านี้ให้ไปถึงภาคแรงงานด้วย ดังนั้น การดำเนินการคงต้องให้เศรษฐกิจโตขึ้นเสียก่อน

“เราตระหนักดีว่ารัฐเก็บภาษีจากกำไร 20% แปลความในเชิงธุรกิจคือเราถือหุ้นในบริษัททุกบริษัท 20% เราไม่ยอมให้คุณขาดทุน เราจะทำให้คุณขายได้และมีกำไร เราคำนึงถึงความเหลื่อมล้ำที่เป็นปัญหาใหญ่ เราติดอันดับความเหลื่อมล้ำเป็นอันดับ 1 ของโลก เราต้องกระจายรายได้นี้กลับมาด้วยวิธีการหาภาษี แล้วหากลไกที่เป็นสวัสดิการที่เป็นไปได้และเหมาะสมที่สุด”

เรื่องนี้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า นโยบายค่าแรงเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลและเพื่อไทยมีความคิดเห็นตรงกัน พร้อมยืนยันความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อไทยเหมือนเดิม

“ผมขอยืนยันว่า เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคเพื่อไทยมาตลอด ตั้งแต่ในอดีต ปัจจุบัน และหวังว่าในอนาคต เมื่อเราเริ่มแถลงนโยบายก็มีหลายเรื่องที่เห็นตรงกัน ถ้าเราเป็นรัฐบาลร่วมกันก็สามารถแบ่งงานกันทำได้ และทำงานไปในทิศทางเดียวกัน” นายพิธากล่าว

กระแสความนิยมของอุ๊งอิ๊งและเพื่อไทย ยังคงติดเป็นอันดับหนึ่งในหลายพื้นที่ เห็นได้จากผลสำรวจของนิด้าโพล ชื่อของอุ๊งอิ๊งและพรรคนำโด่งเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งในภาคกลาง อีสาน และเหนือ ขณะที่ในภาคใต้ขึ้นมาเป็นอันดับสอง ในสัดส่วนคะแนน 13.24% รองจาก พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้อันดับหนึ่ง ด้วยคะแนน 23.94%

คะแนนนิยมในพื้นที่ภาคใต้ของอุ๊งอิ๊งสร้างความเซอร์ไพรส์ให้คอการเมืองเป็นอย่างมาก อย่างที่ทราบกันดีว่าพื้นที่ภาคใต้เป็นรังเดิมของประชาธิปัตย์มาโดยตลอด แม้ระยะหลังจะถูกรุมเจาะไข่แดงทั้งจากพลังประชารัฐและภูมิใจไทยก็ตาม

การที่เพื่อไทยเริ่มได้รับความนิยมจากพี่น้องชาวใต้ครั้งนี้ ถือเป็นความท้าทาย และยืนยันความพร้อมของพรรคเพื่อไทยที่ประกาศแลนด์สไลด์ เป็นอย่างดี