เงินสีเทากับอสังหาฯ ค่าบัตรประชาชนไทย “ของแท้” แค่ 1-3 แสนบาทเท่านั้น

หลังจากรัฐบาลโดยกระทรวงมหาดไทยถอนร่างกฎกระทรวงการอนุญาตให้ต่างชาติที่นำเงินมาลงทุนทั้งทางตรงในธุรกิจหรือลงทุนพันธบัตรรัฐ 40 ล้านบาทขึ้นไปซื้อบ้านได้ 1 ไร่กลับไป เพราะมีกระแสคัดค้านจำนวนมาก

การแสดงความคิดเห็นของฝ่ายเอกชนผู้เสนอแนวทางการอนุญาตให้ต่างชาติซื้อบ้านดังกล่าว รวมทั้งนักวิชาการ สถาบันด้านข้อมูล ที่สนับสนุนก็เงียบหายไป ยุติการนำเสนอหรือวิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ไปโดยปริยาย คงจะด้วยเกรงคำว่า “ขายชาติ” ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ถือว่าร้ายแรง

นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่ความรู้ ข้อมูล และสติปัญญาสังคมเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ก้าวหน้าขึ้น ยังคงเท่าเดิม

 

ที่จริงเพียงชะเง้อไปศึกษาประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปรซึ่งมีพื้นที่จำกัดเป็นเพียงเกาะพื้นที่เล็กๆ เท่าจังหวัดสมุทรปราการ เขาบริหารจัดการเกี่ยวกับการอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาพักอาศัย หรือให้สิทธิต่างชาติซื้อที่อยู่อาศัยอย่างไร จึงไม่กระทบหรือแย่งทรัพยากรกับประชากรสิงคโปร์ และยังสร้างความเจริญแก่เศรษฐกิจจนเป็นศูนย์กลางการเงินการค้าเอเชีย

ในเวลาต่อเนื่องกัน บังเอิญมีการเปิดโปงและจับกุมกวาดล้าง “ทุนจีนสีเทา” ที่เปิดสถานบันเทิงเฉพาะคนจีน มีความเกี่ยวข้องการพนัน ยาเสพติด และสุดท้ายลามไปถึงการซื้อบ้านในโครงการบ้านหรูสุดแพง ซื้อกันทั้งซอยในหมู่บ้าน

ผู้ที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าวซึ่งมีอาชีพธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย ให้ข้อมูลว่า ชาติต่างชาติ “ทุนสีเทา” เข้ามาซื้อใน 2 รูปแบบด้วยกัน คือ ซื้อ 1.ในนามบริษัทนิติบุคคลซึ่งมีชื่อคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นเป็นนอมินีสัดส่วนเกินครึ่งเพื่อให้เป็นนิติบุคคลไทย 2.ซื้อในนามบุคคลที่มีบัตรประชาชนไทย ทะเบียนบ้าน

พฤติกรรมการอยู่อาศัยแตกต่างจากคนไทย ซึ่งอาจเพราะอยู่ในธุรกิจสีเทาด้วย บางครั้งจึงมีการแสดงออก เช่น การถอดเสื้อเดินในซอย บางเทศกาลมีการจุดประทัด กระทั่งจุดพลุในหมู่บ้าน เป็นต้น สร้างความวิตกกังวล ความเดือดร้อนรำคาญกับผู้อยู่อาศัยอื่น ในวันที่เจ้าหน้าที่เข้ามากวาดล้างจับกุมนั้น ส่วนใหญ่ได้ข่าวหลบหนีไปก่อนแล้ว

 

กรณี “ทุนสีเทา” ที่ลามมาถึงการซื้อบ้านหรูนี้ ชี้ให้เห็นว่า ความจริงชาวต่างชาติมีช่องทางการซื้อบ้านในประเทศไทยได้อยู่แล้วช่องทางหนึ่ง แต่เป็นช่องทาง “สีเทา” โดยการจดบริษัทนิติบุคคลให้นอมินีถือหุ้นแทน แล้วเอาบริษัทดังกล่าวเป็นผู้ซื้อกรรมสิทธิ์ หรือใช้บัตรประชาชนไทย ทะเบียนบ้านไทย มาซื้อ

ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เขียนบทความว่า ชาวต่างชาติคนต่างชาติสามารถหาซื้อบัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน ‘ของแท้’ ใบต่างด้าว วีซ่าทำงาน จนมีสิทธิ์ซื้อบ้าน ซื้อคอนโดฯ ได้หากจ่ายเงิน 1-3 แสนบาท

มีหลายวิธีการ เช่น สวมทะเบียนคนตาย อ้างว่าตกสำรวจ แจ้งเด็กเกิดโดยคนไทยรับสมอ้างเป็นพ่อแม่ ปลอมแปลงเอกสารแจ้งเกิด คนไทยเอาชื่อคนในครอบครัวที่อยู่ต่างประเทศไปขาย จากนั้นก็เอาเงินประกันสังคมหรือสวัสดิการจากรัฐอีกต่อ ปลอมแปลงเอกสารการตรวจดีเอ็นเอ การจดทะเบียนสมรสหลอกๆ กับคนไทย

ขบวนการนี้ทำกันมานาน มีความร่วมมือเป็นเครือข่ายแข้มแข็งกว้างขวาง ดำเนินการผ่านขั้นตอนหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้ตลอดเส้นทาง

ข้อมูลตามบทความดังกล่าว วิธีการที่จะได้บัตรประชาชนไทย “ของแท้” อย่างเป็นทางการนั้น เพื่อให้ได้สิทธิต่างๆ เยี่ยงคนไทย รวมทั้งการซื้อบ้าน มีค่าใช้จ่ายเพียง 1-3 แสนบาทเท่านั้น

สังคมไทยจะเอาอย่างไร ปิดหนทาง “โปร่งใสบนโต๊ะ” แล้วปล่อยให้หนทาง “สีเทา” เติบโตต่อไป หรือจะหาหนทางที่พอเหมาะพอดี มีความโปร่งใส เศรษฐกิจได้ประโยชน์ ไม่แย่งทรัพยากรกับคนไทยหรือไม่กระทบกับการซื้อบ้านของคนไทย

ที่สำคัญ รัฐบาลต้องมีนโยบายที่จะทำให้คนไทยมีรายได้สูงขึ้น สามารถซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ และมีนโยบายช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัย ควบคู่กันไปด้วย

เลือกตั้งปีหน้า พรรคไหนจะมีนโยบายนี้บ้างไหม •