‘จตุพร’ อ่านเกม ‘การเลือกตั้ง’ ในมือ 3 ป. ‘เขาไม่ทำสงครามที่ไม่มีโอกาสชนะ’

เราไม่สามารถที่จะเชื่อได้ 100% ว่าจะมีการเลือกตั้ง (ที่สำเร็จได้) ในปีหน้า จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองประเทศไทย โดยให้เหตุผลว่า ผมเองได้ผ่านปรากฏการณ์ว่ามีการเลือกตั้ง แต่ผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะอย่างน้อย 2 ครั้งในชีวิต และมีพระราชกฤษฎีกาแต่ก็ไม่ได้เลือกตั้ง แปลความได้ว่ามีกฎหมายลูกก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้เลือกตั้ง หรือเลือกตั้งแล้วเสร็จก็โมฆะก็เกิดขึ้นมาให้เห็นแล้ว

เพราะฉะนั้นสถานการณ์หลังจากนี้ไป หาก “กลไกของ 3 ป.” ไม่มั่นใจว่าจะชนะในการเลือกตั้ง ก็จะมีเหตุการณ์ต่างๆ อันเป็นสาเหตุที่ทำให้การเลือกตั้งไม่สำเร็จ จะต้องฝ่ากันทีละด่าน

อย่างกฎหมายเลือกตั้ง 400 เขตบัญชีรายชื่อ 100 คน ในทางการเมือง เห็นกันชัดเจนแล้วว่า คนที่ได้เปรียบสูงสุดในกติกานี้คือ “พรรคเพื่อไทย” ซึ่งเป็นแนวทางที่พรรคเขาถนัดที่สุดตั้งแต่ช่วงสมัยไทยรักไทยมาจนถึงพลังประชาชน ผลการเลือกตั้งมันไม่เคยเปลี่ยน

ดังนั้น ในกระดานแห่งอำนาจของ 3 ป. ต้องมองว่าเกมการเมืองเป็นเพียงแค่หน้าฉาก แต่เกมใหญ่ของพวกเขาคือการเข้าไปครองอำนาจต่อ นี่เป็นภาระหน้าที่

เพราะฉะนั้นองคาพยพ ณ วันนี้องค์กรอิสระต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งและเกี่ยวข้องกับการจัดการฝ่ายตรงข้ามล้วนแต่อยู่ในมือของ 3 ป.อย่างครบถ้วน รวมกระทั่งวุฒิสภา 250 เสียง

ดังนั้น การเลือกตั้งจะมีความชัดเจนก็ต่อเมื่อ 3 ป.มีความมั่นใจแล้วว่าจะชนะการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะใช้ชื่อพลังประชารัฐหรือแม้แต่รวมไทยสร้างชาติเองก็ตาม

ซีกฝั่งของ 3 ป.และแนวร่วมเขามีประสบการณ์ในการคิดและคำนวณมาแล้ว มีบทเรียนมาแล้ว ดังนั้น ใน 8 ปีนี้เราจะเห็นว่ากลไกการปกครองและสายตำรวจ ได้จัดการผู้คนมาร่วม 8 ปีแล้ว

เพราะฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่มีทางยุบสภาในเร็ววัน เขาจะใช้เวลาที่เหลือก่อนครบวาระ 23 มีนาคมวันสุดท้ายตัดสินใจเอาในวันที่พร้อมที่สุด

 

สําหรับสาเหตุที่จะอ้างไม่ให้การเลือกตั้งสำเร็จจตุพรบอกว่า มีได้สารพัด อย่างที่บอกว่าต่อให้มีการเลือกตั้งไปแล้วก็โมฆะได้ มีกฎหมายลูกแล้วก็ยังไม่ได้เลือกตั้งก็มี เหตุอื่นๆ ที่อาจจะถูกหยิบยกขึ้นมามีหลากหลายประการ ดังนั้น ให้ดูการแต่งตัวกันทีละเรื่อง เราดูกรณีทุนจีน ดูการเชื่อมโยงที่เขาวางไว้แบบนี้เพื่อจะพยายามชี้ให้เห็นว่า “การเมืองมันเสื่อม” เลยต้องทำให้ดีเลย์

นี่ยังไม่นับปฏิทินของ ป.ป.ช.ที่จะมีการเล่นเรื่องจำนำข้าวรอบที่ 2 และกรณีมันสำปะหลัง ย้อนไป 3 ยุค ก็มีการวางปฏิทินให้เกิดความชุลมุนกันให้หมด

การออกตัวการประกาศตัวทางการเมือง ณ ขณะนี้ไม่ได้เป็นเครื่องหมายยืนยันว่าเราจะได้การเลือกตั้ง 100%

และแม้ว่าจะมีการเลือกตั้งก็ไม่ได้การันตีว่าเป็นการเลือกตั้งที่สำเร็จ ต้องดูกันจนถึงนาทีสุดท้าย

ผมเชื่อว่า 3 ป.ถ้าไม่ชนะการเลือกตั้งก็จะล้มการเลือกตั้ง เพียงแต่ว่าจะล้มในขั้นตอนไหนอยู่ที่เขาจะต้องตัดสินใจ

ผมเชื่อว่าเขาจะไม่ยอมเป็นผู้พ่ายแพ้ในสนามนี้อย่างเด็ดขาด! เพราะเขารู้ว่าถ้าเขาไม่ได้ครองอำนาจอยู่ต่อไปก็จะถูกเช็กบิล

เราไม่เคยเห็นว่ามีรัฐมนตรีใน ครม.ของประยุทธ์ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้มีเรื่องทุจริตซึ่งมันสวนทางกับดัชนีชี้วัดและข้อเท็จจริงที่สาธารณชนได้เห็น

ดังนั้น ด้วยวิธีการอะไรก็ตามไม่จำกัดวิธีเพื่อให้ดำรงความมุ่งหมายใน “การรักษาอำนาจ” นี่คือเป้าหมายสูงสุดของ 3 ป. ซึ่งเขาจะเล่นละครหน้าไหนก็ได้ แต่ความจริงก็คือการดำรงความตั้งใจในการครองอำนาจต่อไป

 

เมื่อถามถึงความพยายามการหาช่องทางให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่เกิน 8 ปีต่อไป จตุพรบอกว่า ต้องยอมรับความเป็นจริงว่าคนพวกนี้เล่นทุกทางให้เกิดความสับสน สมมุติว่าถ้า พล.อ.ประยุทธ์เอาด้วยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเวลานี้จะเข้าทางตัวเองแล้วเพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ว่าให้นับวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ หมายความว่าถ้าจะมีการแก้ไขกันทั้งฉบับก็ให้เริ่มนับใหม่ตามการประกาศใช้รัฐธรรมนูญตอนแก้นั้น หมายความว่าไม่ต้องไปแก้ไขที่ 8 ปี เอาแค่ว่าเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามการร้องขอก็จะเข้าทาง พล.อ.ประยุทธ์ โดยให้นับวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ดังนั้น ถ้ารัฐธรรมนูญแก้ไขและประกาศใช้ก็ไม่นับเวลา 8 ปี ที่ผ่านมาก็จะนับใหม่โดยที่ไม่ต้องแก้ไขมาตราใดๆ ทั้งสิ้นแต่จะได้เวลาเพิ่มก็เป็นได้

ทั้งหมดนี้อยู่ที่ประชาชนและพรรคการเมือง ว่าจะมีท่าทีอย่างไร ผมเชื่อว่าสถานการณ์จากนี้ไปพรรคการเมืองขั้วอื่นจะรวมกลุ่มกันได้ยากมาก

ส่วนซีกรัฐบาลปัจจุบันแม้ว่าจะมีเรื่องระหองระแหงระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทยในเรื่องกัญชาหรือเรื่องอื่นๆ แต่โดยบริบททั้งปวงของรัฐบาลเดิมปัจจุบันนี้ ก็ยังสามารถที่จะรวมตัวกันได้ง่ายมากกว่า

3 ป.ที่กุมอำนาจองค์กรอิสระไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ รวมทั้งบริบทเดิมของรัฐบาลปัจจุบันนี้สามารถทำให้รวมตัวกันได้ง่ายกว่า หมายความว่าถ้าอยู่เส้นทางนี้พวกเขาจะได้รับความคุ้มครองไม่ถูกดำเนินคดีเหมือนช่วง 8 ปีที่ผ่านมา

ส่วนอีกซีกหนึ่ง เขาเริ่มสตาร์ตที่ 0 แต่ 3 ป.สตาร์ตที่ 250 และพร้อมในทุกกลไกทุกองค์กรอิสระมีบริบทครบถ้วน เลวร้ายที่สุดเขาต้องได้เกิน 126 บวกกับ ส.ว. 250 ได้ 376

ถ้ายุบสภาใหม่สักรอบสองรอบก็ไปกันไม่เป็นแล้ว พรรคการเมืองแบกรับสภาวะค่าใช้จ่ายไม่ไหว เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นกลไกที่คิดว่า 3 ป.จะไม่ทำต้องเลิกคิด เพราะตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมาเขาพูดซ้ายแต่ไปขวา พูดอย่างทำอีกอย่างมาโดยตลอด

ตั้งแต่ไม่ยึดอำนาจก็มายึดอำนาจ ขอเวลาอีกไม่นานก็อยู่นาน บอกไม่คิดสืบทอดอำนาจก็สืบ พอครบ 8 ปีก็อยากเดินต่อ เวลานี้ก็ยังจะเดินต่อไปอีกยาว

มิหนำซ้ำ ยังวางกับดักเรื่องยุทธศาสตร์ชาติเอาไว้ไม่นำออกมาใช้ ไม่ว่าจะโดยรัฐธรรมนูญหรือ พ.ร.บ. ถ้าคนพวกนี้เป็นนายกฯ ไม่เป็นไร กฎหมายแบบนี้จะไม่ออกอิทธิฤทธิ์ แต่ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งเข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศก็จะตาย

รัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงเหมาะกับ 3 ป.เท่านั้น ถ้าคนอื่นมาเป็นก็ไม่สามารถที่จะบริหารให้อยู่รอดแบบที่เขาอยู่ได้ในปัจจุบัน จะเจอกับดักวุ่นวายกันไปหมด

คนเหล่านี้เขาชัดเจนและพิสูจน์มาตั้งแต่ก่อนเข้ามายึดอำนาจ ที่หลอกให้เราตายใจมาเสมอ ท้ายที่สุดก็เกิดเหตุการณ์อะไรต่างๆ มากมาย เราจึงประเมิน 3 คนนี้ตามปกติไม่ได้

คนพวกนี้ไม่มีสัจจะไม่มีคำมั่นสัญญาไม่มีศีลธรรมไม่มีความดีอะไร ถ้าได้อยู่ในอำนาจต่อพร้อมจะเปลี่ยนแปลงได้เสมอ และพร้อมทางทุกวิถีทางที่จะรักษาอำนาจนี้ต่อไป

 

ส่วนความสัมพันธ์ 2 ลุง ที่คนมองว่าแตกกันแล้วหรือไม่นั้น จตุพรกล่าวว่า ผมมองว่าอาจจะมีอารมณ์ความรู้สึกกันบ้างตามธรรมชาติมนุษย์ 2 คนอยู่เกิน 3 วันมีอะไรให้แตกต่างกันอยู่แล้ว แต่นี่อยู่กันมา 40-50 กว่าปีต้องมีอะไรที่เห็นต่างกันมาก บริวารจะถือหางคนของตัวเอง

แต่ถ้าถามว่าถึงขั้นไม่เผาผีกันเลยหรือไม่ ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้น!

เพราะเขารู้ว่าแยกกันเมื่อไหร่ จะพังกันทั้งหมด ทั้ง 3 คน

เพราะฉะนั้นถึงที่สุดแล้วนี่คือละครฉากหนึ่ง คนอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ต่อให้มั่นใจก็เปลี่ยนแผนได้ตลอดเวลาพร้อมจะเลี้ยวได้เสมอ ไม่มีสัจจะอะไรแน่นอนว่าเขาจะเลือกทางไหนแม้การประกาศตัวอยู่พรรคใหม่ก็ตาม ก็จะไม่ประกาศ เขาไม่จำกัดวิธีการไม่สนใจความผิดชอบชั่วดีใดๆ ทั้งสิ้น ขอเพียงแค่เป้าหมายต้องการอำนาจสูงสุดเท่านั้น

ผมมองว่า 3 คนนี้จึงไม่มีวันแตกกันจริง แค่มีงอนกันบ้างไม่เห็นด้วยกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา คนไทยโดนหลอกเรื่องนี้กันเต็มๆ

เขาจะอยู่กันชั่วฟ้าดินสลายในท่ามกลางประเทศไทยฉิบหายหลังจากนี้ไป ซึ่งความจริงก็ฉิบหายกันมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว

 

ปิดท้ายที่มุมมองต่อการรัฐประหาร จตุพรมองว่าประเทศไทยไม่เคยมีการรัฐประหารครั้งสุดท้าย ผมอยู่ในสถานการณ์ตั้งแต่ก่อนปี 2535 จนกระทั่งถึงสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่มีใครการันตีได้สถานการณ์ขณะนี้ถ้าซีก 3 ป.ไม่สามารถชนะในการเลือกตั้งได้ สมมุติว่ามองเห็นแล้วกระดานปิดไม่มีโอกาสชนะ 100% ระหว่างที่จะยอมเปิดให้กับพรรคการเมืองอื่นมามีอำนาจกับเปิดประตูให้กับคนเข้ามายึดอำนาจ เขาจะเลือกเส้นทางไหน?

แน่นอนที่สุดในยามนี้ดูเสมือนว่าเราจะได้เลือกตั้งแล้ว 100% อย่างที่ผมพูดตั้งแต่แรกว่าผมผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง ในช่วงไม่กี่ปีให้หลังนี้เอง การยึดอำนาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในประเทศไทย แม้คนจะบอกว่าสถานการณ์ไม่เอื้อ ตอนปี 2535 แล้วก็พูดไปแบบนี้ ปี 2549 ก็เกิดขึ้นอีก ปี 2557 ก็เกิดขึ้นอีก

ณ วันนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ในประเทศเรา เพราะคนพวกนี้คนที่เรียนโรงเรียนนายร้อยโรงเรียนเตรียมทหารกันมาตำราหนึ่ง ที่เขาใช้เป็นหลัก คือ “เขาจะไม่ทำสงครามที่เขาไม่มีโอกาสชนะ” อะไรที่แพ้เขาจะไม่สู้

นี่ยังไม่นับเกมยุบพรรค หรือการให้เกิดสภาวะไม่มี กกต.อะไรก็เกิดได้ เพื่อขอแค่ให้มีอำนาจในมือต่อไป

ชมคลิปได้ที่

https://www.youtube.com/@MatichonWeekly