การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ : ทวีปที่สาบสูญ ถ้าไม่ชุ่มโชกเปียกนองเสีย

ถึงแม่…(ลบด้วยการขีดฆ่า แล้วเขียนใหม่)

สวัสดีแม่…

นี่คงจะเป็นจดหมายฉบับแรกที่เขียนถึงแม่ (หยุดคิด ฉันจะแทนตัวเองว่าอย่างไรดี หนู, ฉัน, ชื่อเล่น หรือชื่อจริงดีนะ…แทนด้วยชื่อที่ใครๆ เรียกคงจะดีที่สุดกระมัง)

(ขึ้นบรรทัดใหม่)

แม่สบายดีมั้ย น้องล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง (หยุดคิดอีกครู่) แล้วพ่อด้วย ทุกคนเป็นอย่างไร คงจะสบายดีกันใช่ไหม ป่านนี้น้องขึ้นชั้นอะไรแล้ว ขอโทษนะที่พี่จำไม่ค่อยได้

(แต่พอเขียนชื่อแทนตัวลงไป ก็รู้สึกแปลกๆ…กลับไปเขียนอย่างที่ฉันชอบดีกว่า ช่างเถอะ ในเมื่อมันเป็นตัวหนังสือของฉัน)

(ขึ้นบรรทัดใหม่)

ที่เขียนครั้งนี้ เพราะฉันอยากจะส่งข่าวถึงแม่ว่า ตอนนี้ฉันมีงานทำอยู่สุขสบายดีที่ในเวียงเชียงใหม่ ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง ฉันมีเงินเดือนกับเขาบ้างแล้ว เพียงแต่ว่ามันยังไม่มากนัก หากได้เงินมากกว่านี้ฉันก็จะแบ่งมาให้แม่ ข้อนี้ไม่ต้องห่วงอะไร

แต่ที่เขียนมาวันนี้ ฉันจะบอกข่าวว่า ตอนนี้พี่โฟไม่ค่อยสบาย มีปัญหากับที่ทำงานเก่า ก่อนหน้านี้ก็ได้ไปโรงหมอมาแล้ว แต่ต้องพักฟื้นอีกนานอยู่ ช่วงนี้จึงทำงานไม่ค่อยได้เต็มที่ ฉันเองก็มีภาระของตัวเองคงไม่สามารถช่วยเหลือพี่โฟได้มาก

จึงคิดว่าถ้าพี่โฟจะกลับไปพักที่บ้านของเราสักระยะคงจะดีไม่น้อย…

 

“เขียนอะไรอีพี่”

พี่โฟส่งเสียงข้ามห้องมาหา ขณะที่ฉันนั่งจดจ่ออยู่กับสมุดปากกา แขนข้างที่เข้าเฝือกยังเจ็บปวดอยู่มาก แต่ก็พยายามลากเส้นเท่าที่จะทำได้

ฉันไม่ตอบ และเรียนรู้มาแล้วว่า ไม่ว่าจะตอบหรือไม่ตอบ พี่สาวร่วมพ่อก็จะชอบซักไซ้ในทุกสิ่งอัน และหากทำได้ ก็จะคอยสอดส่องในทุกการกระทำของฉัน

เพียงแต่ก็ไม่คาดฝัน เมื่อพี่โฟพูดขึ้นต่อ

“มึงเขียนกลอนอยู่อีกหรือเปล่า”

อดเหลียวไปไม่ได้ ในแสงแดดที่สาดส่องเข้าในห้องเป็นลำ ผ่านหน้าต่างที่มีม่านบางมอมๆ อยู่ พี่โฟดูซูบเซียวไปมาก ใบหน้าเคยผ่องใสกลายเป็นอมโรคช้ำหมอง

ไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดทางกาย มันคือความตรอมใจจากการรับรู้ชะตากรรมของพี่ฝน และเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเอง

พี่ฝนตายแล้ว นั่นคือความจริงที่เกิดขึ้น…มันเป็นเพียงเรื่องที่เกิดขึ้นง่ายๆ เหมือนความตายของมดของแมลงตัวหนึ่ง ส่วนอ้ายหมารอยก็ถูกจับเข้าคุกไป

พี่โฟได้ออกมาจากโรงพยาบาล พร้อมกับการถูกขู่ว่า ระวังจะมีลูกไม่ได้อีก

“อีพยาบาลมันด่าว่ากูขี้แฮ่น” วันออก พี่โฟพูดอย่างเจ็บแค้น ถ้ามองไม่ผิด เหมือนจะเห็นน้ำตาคลอตา “มันเสือกจำกูได้ ว่าเคยตกเลือดเข้าโรงยามาที มันว่ากูมีประวัติเคยขับเลือดมาแล้ว”

“แล้วมันจริงอย่างเขาว่าหรือเปล่า”

“จริงไม่จริงก็เรื่องของกู!” พอเริ่มมีแรง พี่โฟก็ออกฤทธิ์ทันทีเหมือนกัน “ไม่ได้เยียะ_ีบนหัวพ่อแม่มันสักหน่อย! คอยดูเถอะ ให้มันโดนผัวทิ้งดูบ้าง!”

หากจะมีอะไรอีกสักอย่างที่ทำให้ฉันไม่สนิทใจกับพี่โฟ จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจคุ้นเคยได้ คือคำหยาบคายและการก่นด่าทุกคนบนโลกนี้ ทุกครั้งที่มีปัญหาเกิดขึ้น คนเดียวที่ถูกต้องและดีเสมอคือตัวพี่โฟเอง แม้แต่ตัวฉันเอง ลองมีโอกาสพี่โฟก็จะแสดงอำนาจของ “ความเป็นพี่” เสมอ

ยังดีว่าพ้นโรงพยาบาลออกมาหนนี้ แม้จะปากดีแค่ไหน ร่างกายก็ยังอ่อนแรงอยู่มาก ทั้งๆ ที่ได้ทั้งยาและน้ำเกลือ พี่โฟก็ยังขมปากขมคอ เจ็บถ่วงที่ท้องน้อย เยี่ยวแต่ละครั้งดูทุกข์ทรมานเหลือแสน และตลอดเวลาเหล่านั้น นอกจากฉันแล้ว ไม่มีใครโผล่หน้ามาหาพี่โฟอีก

แม้แต่ “เฮีย” ที่ว่าดีนักดีหนา ก็หายหน้าเข้ากลีบเมฆ

“ว่ายังไง ไม่เขียนแล้วรึ”

ดูเหมือนพี่โฟยังไม่แล้วใจ และนั่นไง…นิสัย พอฉันยังไม่ตอบก็คว้าของใกล้มือเขวี้ยงเข้ามา

“อีพี่”

“พี่จะขว้างของมาทำไม!” ฉันอดขึ้นเสียงใส่ไม่ได้

“ก็กูถามแล้วมึงไม่ตอบ ทำไม กลัวหนอนจะไชปากหรือยังไง!”

พยายามนับหนึ่งถึงสิบ การอยู่กับพี่โฟคือนรกอีกขุมหนึ่งโดยแท้

“เขียนจดหมายถึงแม่อยู่!” ฉันกระชากเสียงบอกออกไป

“มึงเขียนไปเรื่องอะไร”

“บอกไปว่าพี่ดูแลตัวเองไม่ได้แล้ว!” ฉันจงใจเน้นเสียงบ้าง และหันไปเผชิญหน้ากับพี่สาวตรงๆ “จะบอกให้แม่กับพ่อมารอรับพี่ที่คิวรถ จะส่งขึ้นรถแดงไป”

“อีพี่!” พี่โฟเบิกตา ปากสั่นระริกขึ้นมา “นี่มึงจะเอากูไปส่งบ้านรึ”

“ก็ใช่นะสิ พี่จะได้ไปรักษาตัวให้หายดีกว่านี้”

สิ่งที่ยังไม่อยากพูดออกไปก็คือ ตอนนี้ เราไม่มีเงินจะจ่ายค่าเช่าห้องกันอีกแล้ว เจ้าของหอมารอเก็บเงินตั้งแต่วันที่พี่โฟออกจากโรงยามา แต่ว่า เราใช้เงินทั้งหมดไปกับค่ารักษาพยาบาล เงินของฉันด้วยที่จำเป็นต้องควักให้ไป

จะเหลือใบแดงอีกเพียงสองใบ สำหรับทุกๆ วันหลังจากนี้

 

“กูไม่ไป” พี่โฟเสียงแข็งขึ้นมา “ถ้าไปสภาพอย่างนี้ ต้องมีแต่คนดูถูกกู”

ทำไมฉันจะไม่รู้ว่า นั่นคือสิ่งที่ฉันเองก็ล่วงรู้ได้…คงไม่ต่างกัน ถ้าเป็นตัวฉันซมซานกลับไป

แม้แต่แม่…ก็อาจจะไม่ต่างจากคนอื่น

“มึงอยากกลับก็กลับไปเองสิ อีพี่”

“ฉันไม่กลับหรอก จะไปหางานทำ”

“ถ้ามึงได้งานทำ ก็อยู่กับกูที่นี่ได้นี่”

“พี่ดูสภาพตัวเองก่อนเถอะ” หากไม่จำเป็น ฉันก็ไม่อยากใช้วิธีอย่างที่พี่โฟชอบใช้ แต่ก็ไม่เห็นทางอื่น “ตัวพี่ก็จะเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน กลับไปอยู่บ้านยังมีที่ซุกหัวนอน มีข้าวกิน หายดีก็ค่อยกลับมาหางานทำใหม่…เพราะไปทำที่เก่าไม่ได้แล้วมั้ง”

พี่โฟกัดปากตัวเองแน่น

“กูไม่ไป ถึงตายกูก็จะอยู่ที่นี่”

“เขาไม่ให้เราอยู่ พี่เข้าใจมั้ย!” ฉันชักจะเหลืออดขึ้นบ้างแล้ว ผุดลุกขึ้น มองดูร่างทรุดโทรมของพี่โฟที่นั่งพิงผนังห้องอยู่ มีหมอนหนุนหลังหนึ่งใบ

“เขามาทวงสตางค์ยิกๆ ทุกวัน ยังจะหน้าด้านอยู่หอเขาได้ยังไง!”

“อีพวกคนใจดำ” พี่โฟขบเขี้ยวขบฟัน “พวกมันไม่เคยลำบาก จะขูดเอาเลือดกับปู”

“ก็เราเป็นปูมาอยู่รูของเขา! พี่ไม่เข้าใจหรือไงเล่า!”

ใช่ว่าตัวฉันจะดีงามเป็นนางฟ้านางสวรรค์กับใคร แต่เพราะมันคือข้อเท็จจริงที่ว่า ถ้าเราไม่รีบจ่ายเงิน หรือไม่ย้ายออกไป เจ้าของหอเตือนว่าจะแจ้งความให้ตำรวจมาพาตัวออก แล้วเราจะโดนปรับค่าสินไหมอีกมากมาย

“ไม่งั้นพี่ก็บอกมาซิ จะทำยังไง”

“…งั้นมึงเอานี่ไป” พี่โฟค่อยๆ ล้วงมือเข้าในเสื้อยกทรง

 

มันคือสร้อยเส้นหนาสีทองอร่าม มีความระมัดระวังและทะนุถนอมอย่างมากเมื่อพี่โฟล้วงมันออกมา

“เฮียเขาเอาหมั้นกูไว้”

ฉันนิ่งงันไป

“เห็นว่าหลายเงินอยู่ มึงเอาไปเข้าโรงจำนำที อย่าลืมเอาใบมาให้กูล่ะ มีเงินแล้วจะไปไถ่เอาคืน”

“พี่ก็เอาไปเองสิ”

“อีง่าว” พี่โฟด่าสวนทันที “กูไปได้เสียที่ไหน มึงยังเจ็บแต่แขน แต่กูน่ะ ร้าวทั้งตัวจนเดินยังไม่ได้…ทำไมมันเจ็บห่าเจ็บเหวอะไรหยั่งนี้!”

“ไม่นานคงหายแล้วล่ะ ปาก…ขนาดนี้”

“มึงว่ากูหรืออีพี่”

ฉันไม่อยากจะต่อความกับพี่โฟอีกต่อไป ไร้ประโยชน์ที่จะเถียงกันไปเถียงกันมา

…ฉันควรจะเขียนจดหมายถึงแม่อีกมั้ย

 

(เหลียวกลับไปนั่งลงอย่างเก่า เปิดสมุด ขีดฆ่าข้อความก่อนหน้า แล้วขีดตัวหนังสือใหม่)

ถึงแม่

บางครั้งฉันก็แค่ต้องการจะมีชีวิตใหม่

อยากได้ช่องทางไป

และไม่ต้องหวนกลับสำหรับอะไรอีกแล้ว

ฉันไม่ได้คิดถึงใครเลย

ในสายลมรำเพยผ่านแผ่ว

ในแสงตะเกียงวับแวว

ซึ่งแล้วก็วูบวับดับลง

ฉันสุขสบายดี

และฉันยังจะมีเส้นทางสูงส่ง

ขาฉันจะมั่นคง

ต่อให้พลัดหลงก็ไม่เป็นไร

ฉันเพียงจะบอกไว้วันนี้

ว่าที่ส่งบทกวีมาให้

เพราะตอนนี้มีอย่างหนึ่งซึ่งเกิดกับใจ

จากนี้ต่อไปใครๆ ไม่ต้องห่วงฉัน…

(จ้องมองดูตัวหนังสืออย่างของแปลกหน้า นั่นคือสิ่งที่ออกมาจากปลายปากกาของฉันหรือ)

 

“เขียนกลอนอีกละสิ อีพี่” พลันเสียงพี่โฟก็ดังขึ้นอย่างเยาะหยัน

“คนอย่างมึงจะมีอะไร้ ของควรทำไม่ทำ เอาแต่ทำเรื่องไร้สาระ…กูบอกให้เอาทองไปจำนำ ยังจะนั่งเขี่ยอะไรอยู่…อย่างนี้แหละ มึงถึงไม่เจริญก้าวหน้า!”

คงต้องนับหนึ่งไปถึงหมื่น ฉันพับสมุดลง

ฉันคงอยู่กับคนอย่างพี่โฟไม่ได้จริงๆ ต่อให้พยายามแค่ไหน เหมือนน้ำกับไฟ ถ้าไม่ชุ่มโชกเปียกนองเสีย ก็คงมีแต่จะแลบเลียลามไหม้ …ไม่วันใดก็วันหนึ่ง