ต่างชาติซื้อบ้าน รัฐบาลถอยลอยตัว

ในที่สุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอนุญาตให้ชาวต่างชาติ 4 ประเภทซื้อบ้านขนาด 1 ไร่โดยเงื่อนไขเข้ามาลงทุนไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาทในพันธบัตรของรัฐ, กองทุนอสังหาฯ, กองทรัสต์อินฟราสตรักเจอร์, กิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ก็เป็นอันต้องถอย

โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติส่งร่างกฎกระทรวงเรื่องนี้ย้อนกลับไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาทบทวน หลังจากมีเสียงคัดค้านว่าเป็นการ “ขายชาติ”

ก็เป็นอันว่านโยบายที่ผลักดันมาเป็นปี ผ่านกระทรวงมหาดไทย ผ่านที่ประชุม ครม.ในหลักการมาแล้วครั้งหนึ่ง พอมารอบ 2 รายละเอียดเกิดมีเสียงคัดค้านขึ้นมาว่าเป็นการ “ขายชาติ” ครม.จึงส่งย้อนกลับไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา

อีกนัยหนึ่ง ก็คือการถอยในเรื่องนี้ หรือหากเรื่องนี้ค่อยๆ เงียบหายไปไม่ย้อนกลับมาอีก ก็คือการลอยตัวให้พ้นปัญหานี้ไปนั่นเอง

Photo by Alex OGLE / AFP

เสียงที่คัดค้านการแก้ไขกฎหมายให้ต่างชาติซื้อบ้านได้ 1 ไร่โดยกำหนดเงื่อนไขผู้ที่มีสิทธิซื้อและการลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาทรอบนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้ที่สืบทอดอำนาจต่อเนื่องจากคณะนายทหารที่รัฐประหารยึดอำนาจเข้ามา

เหตุผลสำคัญที่นำมาค้าน คือประเด็นที่ว่า สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เพียงแค่จะให้ต่างชาติเช่าที่ดินระยะยาวรอบละ 30 ปี ถูกค้านถูกด่าว่าขายชาติ จนถูกยึดอำนาจขับไล่ แล้วทำไมรัฐบาลที่ขับไล่เขากลับมาขายที่ดินให้ต่างชาติเสียเอง

ถัดมาก็เป็นเหตุผลว่า ต่างชาติซื้อที่ดินได้จะทำให้ราคาที่ดินแพง ประชาชนไทยไม่สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองได้

นี่เป็นการต่อสู้กันทางความคิดทางการเมืองของคนที่เห็นต่างกัน ที่โต้แย้งกันด้วย “วาทกรรม” การเมือง

ไม่ได้พิจารณากันจากการศึกษาบทเรียนจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งร่วม 100 ประเทศที่อนุญาตให้ต่างชาติซื้อบ้านได้ซึ่งแยกได้เป็น 2 กลุ่มประเทศ ได้แก่ กลุ่มให้ซื้อได้โดยไม่มีเงื่อนไข กับกลุ่มที่ให้ซื้อโดยกำหนดเงื่อนไข อาทิ ราคา โควต้า ทำเล ภาษี และการเงิน

แต่ละรูปแบบมีผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร และมีผลต่อประชาชน ทั้งภาคผู้บริโภคและภาคธุรกิจอย่างไร เลยยังไม่มีข้อเท็จจริงมาแลกเปลี่ยนถกเถียงกัน

หรือแม้แต่ประเด็นที่ว่า จะเกิดการแย่งทรัพยากรที่ดิน ทำให้คนไทยซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้ยากก็เช่นกัน ทุกวันนี้แม้ต่างชาติซื้อบ้านไม่ได้ แต่เศรษฐกิจนับวันกระจุกตัว ทรัพย์สินทุนและที่ดินตกอยู่ในมือคนส่วนน้อยมากขึ้นเรื่อยๆ คนชั้นกลางและล่างรายได้เท่าเดิมหรือลดน้อยลง หนี้สินครัวเรือนมากขึ้น

การซื้อบ้านเป็นของตัวเองด้วยการกู้เงินจากสถาบันการเงินมาซื้อ ก็ยิ่งนับวันเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆ อยู่ดี

Photo by PORNCHAI KITTIWONGSAKUL / AFP

ที่จริงก็เข้าใจนะว่า รัฐบาลที่เข้ามามีอำนาจในนามการรักษาความสงบ ในนามความรักชาติ จะมีความอ่อนไหวกับการถูกหาว่า “ขายชาติ”

และเข้าใจด้วยว่า การเลือกตั้งที่จะต้องเกิดขึ้นในปีหน้า ก็ใกล้เข้ามาแล้ว ทำให้มีความกังวลผลต่อความนิยมทางการเมือง

แต่เชื่อว่า สำหรับรัฐบาลต่อให้ถอยลอยตัวแบบนี้ก็ไม่น่าจะทำให้คะแนนนิยมดีขึ้นแต่อย่างใด เพราะเหตุการเสื่อมความนิยมเป็นเรื่องใหญ่กว่าประเด็นที่กำลังพูดกันมาก

ส่วนประเด็นความคิดเห็นของผู้คนที่แตกต่าง ก็คงต้องรอพัฒนาการรอการเปลี่ยนแปลง เหมือนกับการนำเอานักฟุตบอลต่างชาติมาร่วมทีมในไทย หรือการที่นักฟุตบอลไทย โค้ชคนไทย ไปเล่นกับกับทีมต่างชาติ ไม่ถือเป็นการขายชาติ