กาสิโน-โซเชียล สองสิ่งที่เข้าแล้วออกไม่ได้ | จิตต์สุภา ฉิน

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

ทุกครั้งที่ฉันมีโอกาสได้ก้าวเท้าเข้าไปในกาสิโน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกาสิโนในลาส เวกัส ซึ่งฉันต้องเดินทางไปร่วมงานเทคโนโลยีเกือบทุกปีอยู่แล้ว ฉันก็มักจะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตาตื่นใจไปกับความโอ่โถงของสถานที่ เสียงดนตรีครื้นเครง และฝูงคนที่ไม่เคยซาลงเลยไม่ว่าจะเช้าตรู่หรือดึกดื่นแค่ไหน

ฉันไม่ใช่ขาพนันเพราะรู้สึกว่าโชคชะตาไม่เคยเข้าข้าง บวกกับไม่ค่อยเข้าใจกฎของเกมไพ่เลยสักเกม

แต่มีอยู่วันหนึ่งที่ฉันเดินเล่นอยู่ในกาสิโน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเครื่องสล็อตแมชชีนที่เป็นเกม Plants VS Zombies ที่ฉันชอบเล่น ณ วินาทีนั้นก็เลยตัดสินใจสอดธนบัตรยี่สิบดอลลาร์เข้าไปด้วยความคิดว่านี่คือการเล่นเกม ฆ่าเวลาขำๆ เดี๋ยวยี่สิบดอลลาร์หมดเกลี้ยงเมื่อไหร่ก็ค่อยลุก

เริ่มเล่นแค่ไม่กี่วินาที เสียงซาวด์เอฟเฟ็กต์เหรียญทองกรุ๋งกริ๋งพร้อมแคแร็กเตอร์ซอมบี้กับพืชที่ฉันชื่นชอบทำให้ฉันลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว ยี่สิบดอลลาร์ค่อยๆ เพิ่มเป็นสามสิบ สี่สิบ ห้าสิบ ไล่ขึ้นไปจนถึงร้อยดอลลาร์

ฉันไม่ใช่คนกล้าได้กล้าเสีย พอเห็นว่าเงินรางวัลขึ้นไปถึงร้อยดอลลาร์ก็ตัดสินใจจบเกม สั่งพิมพ์ตั๋วออกมา แล้วเดินไปแลกเป็นเงินสดด้วยหัวใจที่พองฟู

ถึงฉันจะตัดใจลุกได้ในวันนั้น แต่ก็ไม่ได้แปลว่าฉันไม่ได้แวะเวียนกลับไปเลย เพราะวันถัดมา และปีถัดมา ฉันก็ยังแวะกลับไปเสี่ยงโชคที่ตู้แบบเดิมอยู่เรื่อยๆ

กำไรที่ได้จากการเล่นสล็อตแมชชีนครั้งแรก นอกจากจะหมดเกลี้ยงแล้วก็ยังติดลบเป็นจำนวนเท่าไหร่ก็ไม่รู้เพราะฉันไม่กล้าคิด

Gambling slot machine in a casino

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่กาสิโนมีพลังดึงดูดให้คนเดินเข้าหาได้ราวถูกสะกดจิต เพราะทุกองค์ประกอบล้วนผ่านการคิดและออกแบบมาเป็นอย่างดี

ตั้งแต่การทำให้กาสิโนเป็นเขาวงกตอันกว้างใหญ่ หากต้องการหาทางออกหรือทางไปห้องน้ำก็จะต้องเดินผ่านโต๊ะพนันและสล็อตแมชชีนที่วางเรียงกันสุดลูกหูลูกตา เพิ่มโอกาสให้คนอยากจะหย่อนก้นลงและเสี่ยงดวงต่อ

การออกแบบไร้หน้าต่างเพื่อไม่ให้คนข้างในเห็นเดือนเห็นตะวันที่จะเป็นสัญญาณให้รู้ว่าได้เวลากลับบ้านแล้ว ซึ่งก็เป็นวัตถุประสงค์เดียวกับการที่กาสิโนจะไม่ติดตั้งนาฬิกาบอกเวลาเอาไว้สักจุด

แสง สี เสียงและกลิ่นภายในกาสิโนทั้งหมดถูกออกแบบมาให้กระตุ้นพฤติกรรมให้คนรู้สึกอยากเสี่ยงโชคเพิ่มขึ้น เครื่องพนันเดียวที่ฉันเล่นเป็นอย่างสล็อตแมชชีนก็ถูกโปรแกรมมาให้แสดงค่าแบบ near-misses หรือทำให้ผู้เล่นรู้สึกอีกนิดเดียวก็จะได้รางวัลแล้ว เช่น แสดงสัญลักษณ์ที่เหมือนกันสองแถวและต่างออกไปหนึ่งแถว เพื่อกระตุ้นให้ผู้เล่นรู้สึกว่าจะต้องพนันต่อ ทั้งที่ในความเป็นจริงสัญลักษณ์ที่เหมือนกันสองแถวไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับโอกาสที่จะชนะเพิ่มขึ้นในตาถัดไปเลย

การใช้ทุกวิถีทางไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเพื่อกระตุ้นทุกประสาทสัมผัสของนักเล่นพนันไปจนถึงการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์มาลวงความรู้สึกทำให้การเลิกพนันเป็นเรื่องที่ยากกว่าที่ควรจะเป็น กาสิโนซึ่งอยู่เบื้องหลังกลยุทธ์ทั้งหมดเหล่านี้จึงถูกมองเป็นผู้ประกอบการที่ไร้จริยธรรม เพราะตั้งใจใช้ทุกกระบวนท่าให้คนเล่นพนันให้ได้มากที่สุดโดยไม่สนใจว่าราคาที่ผู้แพ้ต้องจ่ายบางครั้งอาจสูงเท่าชีวิต

 

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีข่าวว่ากาสิโนใน Resorts World Sentosa และ Marina Bay Sands ในสิงคโปร์ตัดสินใจปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และสนับสนุนให้นักพนันเล่นพนันอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้นด้วยการนำเครื่องมือทางเทคโนโลยีมาช่วย

นักพนันที่เข้าไปเล่นพนันในกาสิโนทั้งสองแห่งนี้สามารถตั้งเพดานเอาไว้ได้ว่าอยากจะพนันกี่ดอลลาร์ เมื่อถึงลิมิตที่กำหนด พนักงานในกาสิโนก็จะเดินเข้าไปเตือน หรือจะเลือกว่าอยากให้มีการส่งข้อความเข้าไปเตือนผ่านทางสมาร์ตโฟนก็ได้เช่นกัน โดยข้อความที่ส่งไปเตือนนักพนันแต่ละคนนั้นจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการพนันของแต่ละคนด้วย

ระบบการส่งคำเตือนไปที่สมาร์ตโฟนแบบนี้จะช่วยสะกิดให้นักพนันหลุดออกจากภวังค์ของการพนัน รู้ว่าตัวเองเล่นมานานแค่ไหนแล้ว และตอนนี้ได้ถึงลิมิตที่กำหนดเอาไว้แล้ว ทำให้สามารถเลิกเล่นได้ง่ายขึ้นกว่าการปล่อยไหลไปเรื่อยๆ

ในตอนนี้ระบบเตือนยังเน้นเฉพาะการเก็บข้อมูลจากเครื่องเกมพนันแบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ยังไม่รวมการนั่งเล่นพนันที่โต๊ะ ซึ่งก็จะต้องมีการคิดค้นและพัฒนาต่อไปเพื่อให้ครอบคลุมมากขึ้นเพราะนักพนันจำนวนมากไม่ได้จบที่การพนันรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งแต่อาจจะเล่นครั้งละหลายๆ โต๊ะหรือย้ายสลับไปมาระหว่างโต๊ะและเครื่องก็ได้

 

การที่กาสิโนออกมาคิดค้นเครื่องมือเพื่อช่วยให้ลูกค้าของตัวเองเล่นพนันอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้น ทั้งๆ ที่หากลองคิดดูดีๆ ก็เป็นกาสิโนเองนี่แหละที่ตั้งใจออกแบบทุกองค์ประกอบโดยการใช้ทุกหลักการทางจิตวิทยามาทำให้คนควักกระเป๋าจนเกลี้ยง ฉันก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงบริษัทเทคโนโลยีและโซเชียลเน็ตเวิร์กทั้งหลายที่ก็มีรูปแบบความคิดที่คล้ายคลึงกัน

ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนและเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียล้วนตั้งใจทำให้ผู้ใช้งานใช้เวลาไปกับสินค้าและบริการของตัวเองมากที่สุด

โซเชียลมีเดียอย่าง Facebook มักถูกนำมาเปรียบเทียบกับการออกแบบกาสิโน ตั้งแต่การใส่ฟีเจอร์ดึงหน้าฟีดลงเพื่อรีเฟรชก็เป็นการจำลองให้คล้ายการดึงคันโยกสล็อตแมชชีนโดยที่ของรางวัลตอบแทบไม่ใช่เชอรี่สามช่องและเหรียญที่ร่วงพรูลงมา แต่เป็นโพสต์ใหม่ๆ ของเพื่อนหรือเพจที่เราติดตาม

การให้ผู้ใช้งานเลื่อนลงไปดูโพสต์ข้างล่างต่อไปได้เรื่อยๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุด ก็ไม่ต่างจากแนวคิดการออกแบบกาสิโนให้ปราศจากหน้าต่าง หรือทำให้ทางเดินในกาสิโนวกวนจนคนหาทางออกไม่ได้

เมื่อทำไปถึงจุดที่ประสบความสำเร็จจนมียอดผู้ใช้งานมหาศาล และมีเวลาเฉลี่ยที่ผู้ใช้งานอยู่บนแพลตฟอร์มสูงจนถึงขั้นที่ไม่เป็นมิตรต่อสุขภาพอีกต่อไป บริษัทเหล่านี้ก็เริ่มถูกตราหน้าว่าไร้ความรับผิดชอบต่อสังคม จนต้องออกมาคิดค้นเครื่องมือใหม่ๆ เพื่อช่วยให้คนจัดการเวลาของตัวเองได้ดีขึ้น อย่างเช่น การออกแบบฟีเจอร์ที่จะคอยเตือนเวลาการใช้งานเฉลี่ยว่ามากขึ้นหรือน้อยลงในแต่ละสัปดาห์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เครื่องมือเหล่านี้ทำได้ดีที่สุดก็คือการช่วยให้คนมองเห็นภาพรวมของการใช้งาน และสะกิดเตือนให้รู้ตัวบ้างหากเกิดพอดีไปเท่านั้น แต่สิ่งที่เป็นจุดกำเนิดของปัญหาอย่างการออกแบบอินเตอร์เฟซให้ใช้งานแล้วติดงอมแงมจนเลิกด้วยตัวเองแทบไม่ได้ก็ยังคงอยู่ แทบไม่มีแพลตฟอร์มไหนที่ยอมลุกขึ้นมาปรับกระบวนทัศน์การออกแบบใหม่และช่วยให้ผู้ใช้งานใช้เท่าที่จำเป็นโดยไม่ดำดิ่งลงไปในหลุมลึกเลย เพราะการดึงให้ผู้ใช้งานอยู่กับตัวเองมากที่สุดก็หมายถึงเม็ดเงินที่แพลตฟอร์มจะได้จากการโฆษณามากเท่านั้น

เช่นเดียวกับกาสิโนที่ถึงจะมีการเตือนว่าชนลิมิตแล้วแต่หลังจากนั้นนักพนันก็ต้องใช้ความแข็งแกร่งทางจิตใจของตัวเองเพื่อตัดสินใจว่าจะลุกหรือจะเล่นต่อ

ท่ามกลางบรรยากาศในกาสิโนที่แสง สี เสียง และกลิ่นก็ยังคงเย้ายวนใจเท่าเดิม