คณะทหารหนุ่ม (13) | กลลวงสับขาหลอก ทำคณะปฏิวัติ พล.อ.ฉลาด ตกเครื่อง!

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

องอาจ เดชอิทธิรัตน์ บันทึกเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ China Airlines ต่อไปว่า…

“ผู้เขียนได้เรียนกัปตันหลี่ จิงหลุน ว่าทางสำนักงานตัวแทนการค้าได้ประสานกับทางไต้หวันแล้วซึ่งทางไต้หวันยินดีที่จะรับบุคคลทั้ง 5 คนเดินทางไปไทเปคงจะไม่มีปัญหาอะไร กัปตันหลี่ จิงหลุน จึงบอกว่า ถ้าเช่นนั้นขอให้มีเอกสารรับรองจากผู้รับผิดชอบฝ่ายไทยก่อนเพื่อเป็นหลักฐาน ซึ่ง ณ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 19.00 น.แล้ว ผู้โดยสารบนเครื่องบินต่างก็กระวนกระวายใจเพราะต้องการจะรีบออกจากประเทศไทยโดยเร็ว

ผู้เขียนจึงได้ประสานไปยังห้องรับรองกองบัญชาการทหารอากาศว่า กัปตันต้องการหนังสือรับรองที่ให้ พล.อ.ฉลาดกับคณะเดินทางไปยังกรุงไทเป และขอเอกสารการเดินทางของทั้ง 5 คนด้วย

หลังจากรออยู่ชั่วครู่ใหญ่ๆ ก็มีทหารนำเอกสาร 1 แผ่นซึ่งลงนามโดย พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ มีใจความเท่าที่จำได้ว่าได้ประสานกับรัฐบาลไต้หวันแล้วโดยทางรัฐบาลไต้หวันยินยอมให้รับบุคคลทั้ง 5 คนเดินทางไปยังกรุงไทเปได้โดยไม่ต้องมีวีซ่าเข้าไต้หวัน

ในช่วงเวลานั้นผู้เขียนเองก็ไม่อยู่ในสถานะที่จะปฏิเสธได้ ทำได้เพียงนำเอกสารรับรองของ พล.อ.เกรียงศักดิ์ไปให้กัปตันหลี่ จิงหลุน และคิดว่าเรื่องคงจะจบ

แต่การณ์กลับไม่เป็นอย่างที่คิด โดยกัปตันหลี่ จิงหลุน บอกว่าเอกสารของ พล.อ.เกรียงศักดิ์เขียนเป็นภาษาไทย ข้าพเจ้าไม่สามารถอ่านออก ขอให้ช่วยเขียนใหม่เป็นข้อความภาษาอังกฤษ

 

เหตุการณ์จึงได้ยืดเยื้อต่อไปอีก

“ผู้เขียนได้ประสานกับฝ่ายทหารอีกครั้ง แต่ได้รับการบอกกล่าวจากฝ่ายทหารว่า พล.อ.เกรียงศักดิ์ให้ทางสายการบินช่วยร่างหนังสือเป็นภาษาอังกฤษแล้วนำมาให้ท่านลงนามที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ

ผู้เขียนจึงได้จัดการพิมพ์หนังสือแนะนำของ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ในตำแหน่ง Secretary General of the Reform Commission of Thailand (เลขาธิการคณะปฏิรูป) และได้นำหนังสือฉบับดังกล่าวไปที่กองบัญชาการทหารอากาศเพื่อให้ พล.อ.เกรียงศักดิ์ลงนาม

กว่าจะได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าไปในห้องกองบัญชาการกองทัพอากาศได้ก็ต้องผ่านทหารในการตรวจเช็กหลายครั้ง

พอเข้าไปถึงก็เห็นที่นั่งโซฟายาวมี พล.อ.เกรียงศักดิ์นั่งติดกับ พล.อ.ฉลาด และมีทหารในนั้นอีกเป็นสิบคน ผู้เขียนได้ยื่นหนังสือให้ พล.อ.เกรียงศักดิ์เซ็น พออ่านสักครู่เดียว พล.อ.เกรียงศักดิ์ก็ได้ลงนามในหนังสือภาษาอังกฤษฉบับที่จัดพิมพ์ให้ และเห็น พล.อ.ฉลาดยกมือไหว้ขอบคุณ พล.อ.เกรียงศักดิ์

จากนั้นผู้เขียนก็เอาหนังสือไปให้กัปตันเพื่อที่จะนำผู้โดยสารทั้ง 5 คนไปขึ้นเครื่องบิน หลังจากที่กัปตันหลี่ จิงหลุน ได้รับหนังสือแล้วก็ยินยอมให้นำผู้โดยสารทั้ง 5 คนขึ้นเครื่องบิน โดยมีรถตู้ทหารนำคณะ พล.อ.ฉลาดมาส่งที่เครื่องบิน ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณเกือบ 21.00 น.

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย บันไดเทียบเครื่องบินก็ได้ถอยออกจากตัวเครื่องบิน (ในสมัยนั้นยังไม่มีงวงเทียบเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง) และได้ติดเครื่องยนต์ทั้ง 4 เครื่องเพื่อเตรียมที่จะออกเดินทางไปยังฮ่องกงและไทเป”

 

เครื่องยนต์ขัดข้อง

“แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกจนได้ เพราะเครื่องยนต์ที่ติดเครื่องอยู่แล้วกลับค่อยๆ ดับเครื่องยนต์ลง และ Marshallor (ช่างควบคุมภาคพื้นดิน) ได้โบกมือเรียกผู้เขียนว่ากัปตันต้องการจะพูดด้วย

ผู้เขียนจึงได้พูดคุยกับกัปตันผ่านหูฟัง (Earphone) ใต้เครื่องบินที่เชื่อมกับบน Cockpit (ห้องขับเครื่องบิน)

กัปตันหลี่ จิงหลุน ได้บอกกับผู้เขียนว่า เครื่องยนต์ขัดข้อง (Engineer Troubles) ในกรณีเครื่องยนต์ขัดข้องตาม SOP : Standard of Procedure ของบริษัท จะต้องนำผู้โดยสารลงจากเครื่องบินทั้งหมดเพื่อซ่อมเครื่องยนต์ (Safety Formality)

ณ เวลานั้นผู้เขียนแทบจะล้มทั้งยืนเพราะทั้งเครียดทั้งเหนื่อย จึงสั่งให้บันไดเข้าเทียบเครื่องบินอีกครั้งหนึ่ง แต่ทหารที่รักษาการณ์อยู่ใต้เครื่องบินไม่ยินยอมให้บันไดเทียบเครื่องบิน บอกว่าจะต้องได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาก่อน กว่าจะได้รับอนุญาตจากผู้มีอำนาจสั่งการก็ต้องเสียเวลาไปอีก 10 กว่านาที

ผู้เขียนได้รีบวิ่งขึ้นไปพบกัปตันหลี่ จิงหลุน เพื่อหารือรายละเอียดที่จะดำเนินการต่อไป

ขณะนั้น Cabin Chief (หัวหน้าลูกเรือ) ได้ประกาศให้ผู้โดยสารทราบว่าเครื่องยนต์ขัดข้องและได้ขออนุญาตกัปตันเพื่อให้บริการอาหารกับผู้โดยสารบนเครื่องบินเป็นกรณีพิเศษ ก่อนที่จะนำผู้โดยสารลงจากเครื่องบินเพื่อซ่อมเครื่องยนต์เพราะขณะนั้นเป็นเวลา 21.00 น.กว่าแล้ว ผู้โดยสารยังไม่ได้รับประทานอาหารเย็นกันเลยตั้งแต่ขึ้นไปนั่งบนเครื่องเมื่อประมาณ 18.00 น. และหากพาผู้โดยสารลงจากเครื่องบินไปแล้วค่อยสั่งอาหารจากการบินไทยมาบริการให้ครบ 159 คน คงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าอีก 2-3 ชั่วโมงแน่ กว่าที่ผู้โดยสารจะได้รับประทานอาหาร

(หมายเหตุ : โดยกฎระเบียบจะไม่ให้เสิร์ฟอาหารเมื่อเครื่องบินจอดอยู่ภาคพื้นดิน)”

 

ต้องลงจากเครื่อง

“ผู้เขียนได้เข้าไปพบ พล.อ.ฉลาด ซึ่งนั่งอยู่แถวหน้าสุดขวามือเลขที่นั่ง 1DEF พร้อมกับ พ.ท.สนั่น ขจรประศาสน์ และ พ.ต.อัศวิน หิรัญศิริ เพื่อเชิญให้ลงไปพักผ่อนที่ห้องรับรองพิเศษก่อน แต่ พ.ท.สนั่นไม่ยินยอมให้ พล.อ.ฉลาด ลงจากเครื่องบิน เพราะมีความรู้สึกว่าเหตุการณ์ไม่ค่อยปกติ ทำไมจู่ๆ เครื่องยนต์ถึงขัดข้อง

ผู้เขียนและ Cabin Chief ได้พยายามอธิบายและชี้แจงเหตุผลและกฎระเบียบการปฏิบัติงานของสายการบินในการจัดการกรณีที่เครื่องยนต์ขัดข้อง

แต่คณะปฏิวัติทั้ง 5 คนก็ยังคงยืนกรานไม่ลงจากเครื่องบิน ในขณะที่กัปตันหลี่ จิงหลุน ก็ยืนกรานเช่นกันที่จะต้องปฏิบัติตามกฎเพื่อ Safety Reasons ไม่เช่นนั้นก็ไม่อาจซ่อมเครื่องยนต์ได้

ในที่สุดผู้เขียนจึงได้เรียนกับ พล.อ.ฉลาด ว่าถ้าหากท่านยังคงยืนกรานอยู่อย่างนี้ เครื่องบินก็ออกไม่ได้ ท่านก็ออกจากเมืองไทยไม่ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหา มีแต่จะเสียเวลาเปล่าๆ

ในขณะนั้นสังเกตได้ว่า พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ ดูจะไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเท่าไร การตัดสินใจทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับ พ.ท.สนั่น

หลังจากหารือกับ พ.ท.สนั่น สักครู่ ทั้งหมดจึงยินยอมที่จะลงจากเครื่องบิน ขณะนั้นได้มีนายทหารอากาศชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งขึ้นมารับบนเครื่องบิน พ.ท.สนั่น ได้ขอให้ผู้เขียนกับนายทหารท่านนั้นเดินนำหน้าลงบันไดเครื่องบินก่อน และคณะ พล.อ.ฉลาด เดินตามหลัง

ผู้เขียนเข้าใจว่า พ.ท.สนั่นมีความสุขุม ระมัดระวังอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ขณะเดินลงจากบันได เพราะข้างล่างเครื่องบินมีทหารในชุดสนามถือปืน M 16 เตรียมพร้อมอยู่นับเป็นสิบๆ คนรายล้อมอยู่

จึงต้องการเอานายทหารผู้ใหญ่ท่านนั้นกับผู้เขียนเป็นเกราะกำบัง”

 

เครื่องบินไปได้

“พอลงจากเครื่องบินกำลังจะขึ้นรถตู้ที่ทหารเตรียมไว้ให้ได้เห็น พ.ท.สนั่น กับกลุ่มทหารได้มีปากเสียงกัน และหลังจากนั้นก็ได้ทราบว่า พ.ท.สนั่น ถูกทำร้ายร่างกาย (ได้รับการบอกเล่าจากนางฉวีวรรณ ขจรประศาสน์ ภรรยา พล.ต.สนั่น เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2549 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ว่า ทหารที่ทำร้าย พล.ต.สนั่น ได้เคยไปขออภัยต่อ พล.ต.สนั่น)

คล้อยหลังคณะของ พล.อ.ฉลาด ลงจากเครื่องบินได้ไม่นาน ก็ได้รับแจ้งจากกัปตันว่าเครื่องบินพร้อมที่จะออกเดินทางได้แล้ว ซึ่งสร้างความแปลกประหลาดใจให้กับผู้เขียนเป็นอย่างมาก เพราะไม่ปรากฏว่าได้มีการซ่อมเครื่องบินแต่ประการใดเลย แต่ก็ไม่ได้มีคำอธิบายจากกัปตันหลี่ จิงหลุน ในขณะนั้น เพราะจังหวะและเงื่อนเวลาไม่อำนวย

แล้วเที่ยวบินที่ CI-804 ก็ได้ทะยานออกจากกรุงเทพฯ ไปยังฮ่องกงและไทเปโดยปราศจากคณะปฏิวัติของ พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ และคณะทั้ง 5 คน”