‘บิ๊กบี้’ จัดทัพ ‘ฉก.คอแดง’ ส่อง ‘โมฬีคอแดง’ บก.ทบ.-ทท. ‘บิ๊กอ๊อบ’ คุมหัวใจทัพไทย

‘บิ๊กบี้’ จัดทัพ ‘ฉก.คอแดง’ จับสัญญาณ ‘บิ๊กโต’ นั่ง เสธ.ฉก. ส่อง ‘โมฬีคอแดง’ บก.ทบ.-ทท. ‘บิ๊กอ๊อบ’ คุมหัวใจทัพไทย

นอกจากกระชับอำนาจใน ทบ. จากการโยกย้ายนายพล ต่อด้วย ผบ.หน่วยคุมกำลัง ทั้งระดับผู้บังคับการกรม และผู้บังคับกองพันแล้ว

บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ในฐานะผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็ก รักษาพระองค์ 904 (ผบ.ฉก.ทม.รอ.904) หัวหน้าทีมทหารคอแดง ทบ. ยังจัดทัพ ฉก.ทม.รอ.904 ใหม่ด้วย

โดยมีบิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.ทบ. เป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ตามเดิม ท่ามกลางการถูกจับตามองในฐานะตัวเต็ง ผบ.ทบ.คนใหม่ แทน พล.อ.ณรงค์พันธ์ ที่จะเกษียณกันยายน 2566

แต่ที่ฮือฮาคือ การที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ยังไว้วางใจให้บิ๊กโต พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ผช.ผบ.ทบ. เป็น เสธ.ฉก.ทม.รอ.ต่อไป หลังจากที่เคยเป็นมาตอนเป็นแม่ทัพภาคที่ 1

ประเด็นนี้จึงยิ่งทำให้ พล.อ.สุขสรรค์ ถูกจับตามองมากขึ้น เพราะเป็นแคนดิเดต ผบ.ทบ.อีกคน ที่ไม่อาจมองข้าม แม้ว่า พล.อ.เจริญชัย เพื่อนเตรียมทหาร 23 จะเป็นตัวเต็งก็ตาม

พลเอก สุขสรรค์ หนองบัวล่าง , พลเอก เจริญชัย หินเธาว์

ทั้ง พล.อ.เจริญชัย และ พล.อ.สุขสรรค์ กลายเป็นคู่ชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ.ไปแล้ว โดยที่ พล.อ.เจริญชัย ทหารเสือราชินีคอแดง ถูกมองว่าเป็นน้องรักสายตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม เติบโตมาจากกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) มาด้วยกัน

ขณะที่ พล.อ.สุขสรรค์ เป็นบูรพาพยัคฆ์คอแดง ที่เติบโตมาจากกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร.2 รอ.) เป็นบูรพาพยัคฆ์พันธุ์แท้ ที่เติบโตมาใน พล.ร.2 รอ. กองพลบูรพาพยัคฆ์ มากับทั้ง 3 ป. จะเรียกว่าเป็นลูกรักบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพราะอยู่ ร.2 รอ.มาด้วยกัน แต่ก็เป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เติบโตมาใน พล.ร.2 รอ.ด้วยกัน

และที่สำคัญคือ ใกล้ชิดสนิทสนม และเป็นขั้วสายอำนาจเดียวกันกับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ แบบที่เรียกว่าเป็นทีม ฉก. (ทม.รอ.904) ด้วยกัน ทำงานเข้าขา มองตารู้ใจกัน

เพราะคำว่า “ทีม ฉก.” ด้วยกันนี้ ไม่ได้หมายความว่าเป็นทหารคอแดง และอยู่ใน ฉก.ทม.รอ.904 ด้วยกัน แต่หมายถึงการเป็น “สายพระราม 5” ที่มีบทบาทต่อแนวทางของ ฉก.ทม.รอ.904 ด้วยกัน จึงทำให้ไม่อาจมองข้าม พล.อ.สุขสรรค์ ในฐานะแคนดิเดต ผบ.ทบ.ได้

ยิ่งเมื่อได้ไฟเขียวให้ทำหน้าที่ เสธ ฉก.ทม.รอ.904 ต่อด้วยแล้ว นาทีนี้จึงกล่าวได้ว่า พล.อ.สุขสรรค์ มาแรงไม่น้อย

แถมทั้งยังมีกระแสข่าวสะพัดมาตลอด ถึงคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ส่งสัญญาณว่าใครจะเป็น ผบ.ทบ. ระหว่าง พล.อ.เจริญชัย ที่ พล.อ.ประยุทธ์เรียกชื่อเล่นแบบติดปากว่า “ต่อ” และ พล.อ.สุขสรรค์ ที่เรียกว่า “โต” ที่ล้วนเป็นน้องรักที่สนิทสนมคุ้นเคยทั้งคู่

แต่ท้ายที่สุด คนที่จะเลือก ผบ.ทบ.คนต่อไป ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี หรือ รมว.กลาโหม เพราะกันยายน 2566 ในเวลานั้น ไม่มีใครหยั่งรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับมาเป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้งพฤษภาคม 2566 หรือไม่

บทบาทสำคัญยังอยู่ที่การตัดสินใจของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ และปัจจัยในสายอำนาจพระราม 5

พลเอก ณรงค์พันธ์ สวมชุดพระราชฐาน หมวกโมฬี

ทั้งนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า การแต่งตั้งโยกย้ายในส่วนของกองทัพบก ที่เป็นทหารคอแดง ฉก.ทม.รอ.904 นั้น ปลอดการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร ไม่อาจชี้ได้ว่าจะเลือกใคร

เช่น การที่บิ๊กปู พล.ท.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ขึ้นจากรองแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 เลยเบียดบิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ ที่ขณะนั้น เป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 และเต็งหนึ่ง แถมเป็นบูรพาพยัคฆ์คอแดงสายตรง 3 ป. โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร แต่ต้องถูกโยกเข้า บก.ทบ. เป็นพลเอก ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ.

ดังนั้น ไม่ว่ากันยายน 2566 ใครจะเป็นนายกฯ หรือ รมว.กลาโหม ใครเป็นรัฐบาลก็ตาม จะไม่อาจชี้ได้ว่า ใครจะเป็น ผบ.ทบ. แต่อาจมีส่วนในการเลือก ผบ.เหล่าทัพ ที่ไม่ได้เป็นทหารคอแดงได้ เพราะกันยายน 2566 นี้ ก็จะมีการเปลี่ยน ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ. ที่เกษียณ ส่วน ผบ.ทหารสูงสุดนั้น แม้บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ จะเกษียณราชการ

แต่ก็คาดกันว่า ผบ.ทหารสูงสุดคนใหม่ก็อาจจะเป็นทหารคอแดงอีก ที่ก็จะทำให้ฝ่ายการเมืองไม่อาจแทรกแซงได้

พลเอก ณรงค์พันธ์ สวมชุดพระราชฐาน หมวกโมฬี

ผบ.ทบ.คนต่อไปนั้น หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย โอกาสของ พล.อ.เจริญชัยก็อาจจะสูงขึ้น เพราะแม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจไม่มีอำนาจแทรกแซงโดยตรง แต่ก็อาจจะต้องอาศัยบทบาทของบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. น้องรัก ที่ยังคงมีความสัมพันธ์อันดีกับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ เมื่อนั้น อาจจะต้องมีการวัดพลังกับสายพระราม 5 เกิดขึ้นอีกครั้ง

แต่มีการตั้งข้อสังเกตกันในกองทัพบกว่า จากการจัดโผโยกย้ายทั้งระดับนายพล พันเอกพิเศษ พันเอก พันโท หรือโผผู้บังคับการกรม และผู้บังคับกองพัน ที่ผ่านมา สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่อย่างใกล้ชิดแนบแน่น ระหว่าง พล.อ. อภิรัชต์ กับ พล.อ.ณรงค์พันธ์

อย่างน้อย ในเวลานี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็เลือกที่จะให้ พล.อ.สุขสรรค์เป็น เสธ.ฉก.ทม.รอ.904 เรียกได้ว่า เป็น ผบ.ฉก. และ เสธ.ฉก. คู่ใจ แม้ว่าก่อนหน้านี้ ก่อนการแต่งตั้งโยกย้ายนายพล เคยมีความพยายามที่จะให้ พล.อ.สุขสรรค์เป็น เสธ.ทบ.ก็ตาม แต่ติดปัญหาเรื่องการจัดวางฝ่ายอำนวยการ และทหารคอเขียวใน 5 เสือ ทบ. จึงทำให้ พล.อ. สุขสรรค์มาเป็น ผช.ผบ.ทบ.

เพราะหากเทียบสายสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ณรงค์พันธ์ กับ พล.อ.เจริญชัย และ พล.อ.สุขสรรค์ แล้ว เป็นที่รู้กันดีว่าสนิทสนมใกล้ชิดกับ พล.อ.สุขสรรค์มากกว่า

อีกทั้งเคยมีเรื่องคาใจกัน ตอนโยกย้ายครั้งที่ผ่านมาที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเปลี่ยนตัว ผบ.ทบ. จะย้าย พล.อ.ณรงค์พันธ์ เพื่อดัน พล.อ.เจริญชัยน้องรักขึ้น ผบ.ทบ.เลย เพราะเกรงว่าโยกย้ายกันยายน 2566 ตนเองจะได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัยหรือไม่ โดยเฉพาะเป็นข่าวสะพัดในเตรียมทหารรุ่น 23 ในเวลานั้น

แต่ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ได้แตะต้อง พล.อ.ณรงค์พันธ์แต่อย่างใด เพราะแบ๊กอัพของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ในสายพระราม 5 ก็ไม่ธรรมดา จนที่สุดนอกจากนั่งเป็น ผบ.ทบ.ต่อเป็นปีที่ 3 แล้วยังกระชับอำนาจตนเองในการจัดโผโยกย้ายแบบเบ็ดเสร็จอีกด้วย

ขณะที่ พล.ท.พนา แคล้วปลอดทุกข์ แม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ ทำหน้าที่รอง เสธ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วยเพราะเพิ่งมาเป็นทหารคอแดงเมื่อสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา หลังฝึกหลักสูตรทหารรักษาพระองค์หรือหลักสูตรทหารคอแดง จบมาจึงยังไม่คุ้นชินกับการทำงานใน ฉก.ทม.รอ.904

ขณะที่ทหารคอแดงที่เติบโตขึ้น ก็ต้องย้ายไปอยู่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) กันมากขึ้น

จากเดิมที่มีแค่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ และ พล.อ.เจริญชัย และบิ๊กอ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ที่ตอนนั้นเป็นหัวหน้าคณะฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา เท่านั้น

หลัง 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ก็เพิ่มมาอีก 3 คนคือ พล.อ.สุขสรรค์ ผช.ผบ.ทบ. และ พล.อ.ธราพงษ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. สายบูรพาพยัคฆ์คอแดง และบิ๊กรุณ พล.ท.กันตพจน์ เศรษฐรัศมี จากรองแม่ทัพภาคที่ 1 สายทหารม้าคอแดง มาเป็นรอง เสธ.ทบ.

ส่วน พล.อ.ทรงวิทย์ สายวงศ์เทวัญคอแดง ถูกส่งจาก บก.ทบ.ข้ามไปเป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด

แม้ พล.อ.ธราพงษ์ จะเป็นที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. แต่เนื่องจากบิ๊กเกรียง พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ที่ขึ้นมาเป็น ผช.ผบ.ทบ. ที่ดูแลสายงานส่งกำลังบำรุง ยังคงเดินไม่สะดวก เพราะบาดเจ็บจากเหตุ ฮ.ตก จึงยังต้องใช้ที่พยุงตัว จึงทำให้ไม่สะดวกในการออกงานที่เป็นพิธีการ จึงทำให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์มักจะให้ พล.อ.ธราพงษ์มาร่วมงานในฐานะผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบกร่วมพิธีแทน

ใน บก.ทบ.ยามนี้ เมื่อมีงานพิธีการ จึงมีนายพลคอแดงที่แต่งชุดพระราชฐาน และสวมหมวกโมฬี หัวแหลม รวมถึง 5 คน

นอกจากนั้น พล.อ.ณรงค์พันธ์ได้มอบหมายงานตามภารกิจ ทบ.ต่างๆ รวมทั้งการให้คำแนะนำในการปฏิบัติงานโครงการพระราชดำริ โครงการทหารพันธุ์ดี และโครงการจิตอาสาพระราชทาน ซึ่งถือว่าเกี่ยวโยงกับการเป็นนายทหารคอแดง

แม้ว่าการแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพลที่ผ่านมาจะถูกมองว่า อกหัก ผิดหวัง จากแม่ทัพภาคที่ 1 ก็ตาม แต่ด้วยผลงานที่ทำมา และการเป็นนายทหารคนดี และการเป็นทหารคอแดง จึงคาดกันว่า ในโยกย้ายกันยายน 2566 พล.อ.ธราพงษ์ อาจจะได้รับการพิจารณาขยับเป็น 5 เสือ ทบ.

เพราะที่ผ่านมา นายทหารคอแดงที่เกษียณราชการ ก็ล้วนมีตำแหน่งสุดท้ายใน ทบ. เป็นตำแหน่งหลัก เช่น บิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธรรมนูญ วิถี เกษียณจาก ผช.ผบ.ทบ. ก่อนได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ทำหน้าที่ข้าราชบริพารในพระองค์

ขณะที่ บก.ทัพไทย มีนายพลคอแดงในตำแหน่งหลัก 3 คน โดยยังคงมีบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุดคอแดง นั่งเป็นปีที่ 3 ที่คาดกันว่า บิ๊กอ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รอง ผบ.ทหารสูงสุดคอแดง จะขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนต่อไป และจะเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคอแดงคนที่ 2

อีกทั้งบทบาทหน้าที่ที่ พล.อ.ทรงวิทย์ ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.เฉลิมพลให้ดูแลรับผิดชอบ เป็นงานด้านยุทธการและการข่าว ซึ่งเป็นสายงานที่ พล.อ.ทรงวิทย์เคยได้รับมอบหมายเมื่อครั้งที่เป็นหัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาอยู่ที่กองทัพบก

อีกทั้งงานใน ฉก.ทม.รอ 904 พล.อ.ทรงวิทย์ ก็เคยดูแลด้านงานยุทธการมาอยู่แล้ว จึงเสริมกัน และถือว่าเป็นงานสำคัญ เพราะคุมทั้งศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) หรือที่ได้ฉายาว่า CIA เมืองไทย ที่คุมงานข่าวกรองทหาร และศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้ายสากล (ศตก.) รวมทั้งกรมยุทธการทหารทและกรมข่าวทหาร ซึ่งถือว่าเป็นหน่วยสำคัญ และมีบทบาทสำคัญของกองทัพไทย

โดยเฉพาะในห้วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่เรื่องของงานการข่าวมีความสำคัญยิ่ง รวมถึงการประสานงานด้านการข่าวกับมิตรประเทศ ซึ่ง พล.อ.ทรงวิทย์ มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษ เพราะจบจากโรงเรียนนายร้อยทหารบกเวอร์จิเนีย VMI เพราะเมื่อครั้งที่อยู่กองทัพบก พล.อ.ณรงค์พันธ์ ก็มอบหมายให้ดูแลสายงานการข่าวและยุทธการ รวมทั้งการฝึกร่วมกับมิตรประเทศด้วย

การเรียนจบจากโรงเรียนนายร้อยต่างประเทศ ที่เคยกลายเป็น “จุดอ่อน” ตอนอยู่ในกองทัพบก จนทำให้ติดม่านประเพณีที่ไม่จบโรงเรียนนายร้อย จปร. จนไม่สามารถลงตำแหน่งหลักเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 หรือขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ไม่ได้ แต่เมื่อมาอยู่กองบัญชาการกองทัพไทยกลายเป็น “จุดแข็ง”

ขณะที่นายทหารคอแดงอีกคนที่ บก.ทัพไทย อย่างบิ๊กบุ๋ม พล.อ.สุวิทย์ เกตุศรี ทหารม้าคอแดง น้องเลิฟของ พล.อ.เฉลิมพล เสียจังหวะตั้งแต่โยกย้ายครั้งที่ผ่านมา ที่ไม่ได้ขยับ ยังเป็นผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและความมั่นคง (ผอ.ศปร.) ต่อไป ไม่ได้ขึ้นเป็น เสธ.ทหาร หรือแม้แต่ ผบ.หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) จึงทำให้โอกาสในการขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ถูกปิดประตูลงไปแล้ว เพราะจะเกษียณกันยายน 2567

ท่ามกลางการจับตามองว่า ทหารคอเขียวภายใต้การนำของบิ๊กจ่อย พล.อ.ธิติชัย เทียนทอง เสนาธิการทหาร ว่าจะสามารถชิงเก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุด ได้หรือไม่ เพราะโยกย้ายกันยายน 2566 จะเป็นจุดชี้ชัดว่า ผบ.ทหารสูงสุด จะต้องเป็นทหารคอแดงหรือไม่

แม้ พล.อ.ทรงวิทย์จะย้ายออกจากกองทัพบกแล้ว แต่ยังคงอยู่ใน ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย เช่นเดียวกับ พล.อ.เฉลิมพล เพราะล้วนเป็นนายพลคอแดงที่อยู่ใน ฉก.ทม.รอ.904 มาตลอด

แต่ทว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ในฐานะ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 และเป็น ผบ.ทบ. จึงยังคงมีบทบาทสำคัญ มีเพาเวอร์ในการจัดทัพทหารคอแดงใน ทบ.

ท่ามกลางกระแสข่าวสะพัดว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ได้วางตัวคนที่จะเป็น ผบ.ทบ.ไว้ในใจแล้ว

พลโทพนา แคล้วปลอดทุกข์
พลเอก ธราพงษ์ มะละคำ
พลโท กันตพจน์ เศรษฐรัศมี
พลเอก เจริญชัย หินเธาว์
พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี
พลเอกสุขสรรค์ หนองบัวล่าง