ไม่หยุด ระวังจะพังทั้งรัฐบาล | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

ไม่มีข่าวการเมืองไหนร้อนแรงเผาใจคนไทยเท่ากับข่าวรัฐบาล “ขายแผ่นดิน” จากการออกมติคณะรัฐมนตรีให้ต่างชาติซื้อที่ดินในประเทศได้คนละ 1 ไร่ หากนำเงินมาลงทุน 40 ล้านบาท

เพราะสำหรับคนไทยทั่วไป ข่าวนี้หมายถึงโอกาสที่ตัวเองและลูกหลานจะไม่มีวันเป็นเจ้าของที่ดินได้เลย

ปัญญาชนบางคนอวดฉลาดด้วยการบอกว่าที่ดินเมืองไทยส่วนใหญ่เป็นของ “เจ้าสัว” จนคนไทยทั่วไปไม่มีวันได้เป็นเจ้าของที่ดิน คนแบบนี้จึงพูดฉอดๆ ต่อไปว่า ข่าวรัฐบาล “ขายแผ่นดิน” เป็นแค่ “วาทกรรม” ที่ไม่ต้องกังวล เพราะต่อให้ไม่มีต่างชาติมาซื้อที่ดิน คนไทยก็ไม่ใช่เจ้าของที่ดินอยู่ดี

สำหรับนักแสดงความเห็นแนวพูดไปเรื่อยแบบนี้ “ชาติ” คือวาทกรรม เพราะคนที่อยู่ในประเทศไทยทุกคนไม่ได้มีบรรพบุรุษเป็นคนไทย และเมื่อโคตรเหง้าคนไทยมาจากจีน, ลาว, เขมร, พม่า ฯลฯ คนไทยจึงไม่ต้องสนใจเรื่อง “ขายแผ่นดิน” เพราะบรรพบุรุษของทุกคนไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆ

ฟังดูแล้วเหมือนคนที่เดือดร้อนเรื่อง “ขายแผ่นดิน” โง่ชะมัดญาติ, ฟังดูแล้วเหมือนคนไทยทั้งประเทศไม่ใช่เจ้าของที่ดินสักแปลง, ฟังดูแล้วคนที่คิดเรื่องชาติเป็นคนโง่บัดซบ

และฟังดูแล้วทุกคนไม่ควรเดือดร้อนเรื่อง “ขายแผ่นดิน” หากไม่ได้นามสกุลเดียวกับสองเจ้าสัวที่ผูกขาดประเทศไทย

นอกเหนือจากคนกลุ่มที่อวดฉลาดว่าทุกคนซึ่งบรรพบุรุษไม่ใช่คนไทยแท้ๆ อย่าไปสนใจเรื่อง “ขายแผ่นดิน” รัฐบาลก็พยายามล่อลวงให้คนไทยไม่สนใจเรื่อง “ขายแผ่นดิน” ด้วย ตัวอย่างเช่น โฆษกรัฐบาลที่เอาแต่อวยว่านโยบายนี้นำเงินเข้าประเทศ หรือตัวนายกรัฐมนตรีที่ไม่เคยพูดเรื่องนี้ด้วยตัวเองเลย

หลังจากถูกประชาชนก่นด่าหลายวันเรื่อง “ขายแผ่นดิน” คุณวิษณุ เครืองาม เป็นคนในรัฐบาลคนแรกที่ตอบคำถามมากกว่าทีมโฆษกที่แถลงแบบนกแก้วนกขุนทอง นั่นคือคุณวิษณุตอบว่าการขายที่ดินให้ต่างชาติไม่ใช่ “ขายชาติ” เพราะไม่มีใครเอาที่ดินหนีบจั๊กแร้ออกไปนอกประเทศไทย

ตรงข้ามกับรัฐบาลและแก๊งอวดฉลาดที่พยายามบอกว่าเรื่องให้ต่างชาติซื้อที่ดินเป็น “วาทกรรม” ที่ไม่ต้องกังวล ความรู้สึกของประชาชนที่ต่อต้านเรื่องนี้ยิ่งนานก็ยิ่งพุ่งแรงไม่หยุด เพราะสำหรับคนธรรมดาที่ไม่ใช่รัฐบาลหรือแก๊งอวดฉลาด ที่ดินหรือที่อยู่คือปัจจัย 4 ที่มนุษย์ทุกคนต้องมี

ด้วยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เปิดทางให้คนต่างชาติหิ้วเงินเข้าไทย 40 ล้านมีสิทธิซื้อที่ดินได้ 1 ไร่ซึ่งตกทอดเป็นมรดกสู่รุ่นลูกรุ่นหลานได้ทันที คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เปิดทางให้คนต่างชาติเป็นเจ้าของที่ดินในไทยไม่จำกัด เพราะมติคณะรัฐมนตรีไม่ได้กำหนดเพดานจำนวนคนต่างชาติที่มีสิทธิซื้อที่ดินไว้เลย

ตรงข้ามกับคำอธิบายว่าการขายแผ่นดินหรือ “ขายชาติ” เป็นแค่ “วาทกรรม” วินาทีที่คุณประยุทธ์ออกมติคณะรัฐมนตรีให้คนจีน, คนรัสเซีย, คนพม่า, คนฝรั่งเศส ฯลฯ มีสิทธิซื้อที่ดินในไทย 1 ไร่ คือวินาทีที่คุณประยุทธ์ทำให้กำลังซื้อที่ดินในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างเหนือการคาดการณ์

ถ้ามีคนต่างชาติสนใจนโยบายนี้ของรัฐบาล 1,000 คน ที่ดินที่ชาวต่างชาติมีสิทธิแย่งคนไทยซื้อก็จะมีจำนวน 1,000 ไร่ และถ้ามีคนจีนสนใจนโยบายนี้ของรัฐบาล 10,000 ราย ที่ดินของคนไทยที่จะถูกชาวต่างชาติแย่งซื้อก็จะพุ่งขึ้นเป็น 10,000 ไร่ ซึ่งจะทำให้ราคาที่ดินในตลาดพุ่งสูงขึ้นทันที

เมื่อที่ดินราคาสูงขึ้นเพราะจำนวนความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้น หรือเพราะการ “ลากราคา” ของเจ้าสัวเจ้าของที่ดินเองเพื่อหวังเก็งกำไรในอนาคต โอกาสที่คนไทยจะได้เป็นเจ้าของที่ดินก็ยากขึ้นจากเดิมที่ทุกวันนี้ก็ยากอยู่แล้ว เช่นเดียวกับโอกาสที่คนไทยจะเป็นเจ้าของบ้านซึ่งสร้างบนที่ดินจริงๆ

บ้านคือปัจจัย 4 ของมนุษย์ทุกคนเหมือนเสื้อ, เหมือนยา และเหมือนอาหาร ความต้องการมีบ้านจึงเป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ คนไทยที่ไม่พอใจเรื่องต่างชาติแย่งซื้อที่ดินหรือเจ้าสัว “ลากราคา” ไม่ใช่เพราะเขาบ้าชาตินิยม แต่เพราะเขาไม่พอใจที่ต้องมีชีวิตยากลำบากขึ้นเพื่อได้สิ่งที่ควรมี

ก่อนที่รัฐบาลจะเปิดทางให้ต่างชาติซื้อที่ดิน รัฐบาลเคยอนุญาตให้ต่างชาติซื้อคอนโดฯ และห้องชุดทุกแห่งในประเทศได้ 49% เท่ากับหากคอนโดฯ หนึ่งตึกมี 100 ห้อง ก็จะมีเจ้าของเป็นคนจีน, คนรัสเซีย และคนประเทศอื่น 49 ห้อง และในที่สุดปัญหาการลากราคาห้องจนคนไทยเข้าถึงได้ยากก็จะตามมา

รัฐบาลอ้างว่าตั้งเงื่อนไขไม่ให้ต่างชาติฮุบที่อยู่คนไทยมากไป แต่ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า “คนต่างชาติ” โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในไตรมาส 2 ปี 2565 ไปแล้ว 2,326 หน่วย เพิ่มขึ้น 15.1% มีมูลค่า 12,114 ล้านบาท หรือสูงสุดใน 5 ไตรมาสโดยคนจีนโอนถึง 25.3% ถัดไปคือรัสเซีย

แน่นอนว่าเงื่อนไขของคนต่างชาติในการซื้อที่ดินนั้นแตกต่างจากห้องชุดหรือคอนโดฯ แต่เงื่อนไขที่ต่างกันไม่ได้แปลว่าคนจีนจะไม่กว้านซื้อและเจ้าสัวจะไม่ลากราคา เพราะถึงแม้จำนวนการกว้านซื้อที่ดินอาจจะเรียวแคบกว่าการกว้านซื้อคอนโดฯ แต่ทิศทางใหญ่จะไม่เปลี่ยนไปจากนี้อย่างแน่นอน

รัฐคือองค์กรทางการเมืองที่เกิดขึ้นเพื่อปกป้องทรัพย์สิน, ชีวิต และเสรีภาพของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นรัฐในระบบการเมืองไหนหรือระบอบการปกครองอะไร ความคาดหวังที่ประชาชนมีต่อรัฐหรือรัฐบาลล้วนได้แก่การทำหน้าที่พื้นฐานเหล่านี้ ไม่ใช่ปล้นทรัพย์สิน, ฆ่าชีวิต และจับประชาชนยัดคดี

สำหรับประชาชนที่ไม่ใช่ลูกหลานเจ้าที่ดิน หรือรวยจนไม่ต้องกังวลเรื่องที่ซุกหัวนอน บทบาทของรัฐขั้นต่ำที่สุดที่คนคาดหวังคืออย่าเป็นองค์กรที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ผู้นำของรัฐจึงอาจโง่, บ้ากาม หรือบ้าอำนาจก็ได้

แต่รัฐหรือรัฐบาลจะสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนไม่ได้แม้แต่นิดเดียว

Thailand’s Prime Minister Prayut Chan-O-Cha walks through the Government House in Bangkok on August 22, 2022. (Photo by Jack TAYLOR / AFP)

ทันทีที่คุณประยุทธ์ออกมติ ครม.ซึ่งถูกประชาชนมองว่าเป็นการ “ขายแผ่นดิน” รัฐซึ่งควรดำรงอยู่เพื่อปกป้องประชาชนกลับเป็นฝ่ายที่ถูกประชาชนมองว่าสร้างความเดือดร้อนไปหมด เพราะทำให้โอกาสในการเป็นเจ้าของที่ดินที่ยากอยู่แล้วยิ่งยากขึ้นเป็นทวีคูณ

รัฐบาลพยายามกลบกระแสต่อต้านเรื่อง “ขายแผ่นดิน” โดยอ้างว่าให้ต่างชาติซื้อที่ดินได้แค่ในเขตกรุงเทพฯ, พัทยา และเทศบาล จึงไม่ต้องกังวลว่าคนต่างชาติจะไปไล่ซื้อที่ดินจาก “ชาวบ้าน” หรือ “เกษตรกร” จนที่ดินเป็นของต่างชาติไปหมด แต่ประเด็นที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์กันไม่ใช่เรื่องนี้เลย

ถึงที่สุดแล้ว “ต่างชาติ” ที่ทำให้เกิดการ “ขายแผ่นดิน” คือการเปรียบเปรย (Allegory) ถึงสภาวะที่คนไทยยากจนขั้นไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของปัจจัย 4 อย่างบ้านหรือที่ดิน สาระสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ “ต่างชาติ” กอบโกยที่ดินจากคนไทยไปหมดหรือไม่ แต่คือปฏิกิริยาต่อรัฐซึ่งไม่ทำหน้าที่ที่รัฐควรทำ

เมื่อคนจีนและคนรัสเซียแห่ซื้อที่ดินกลางเมืองคนละ 1 ไร่ตามนโยบายรัฐบาล ราคาที่ดินกลางเมืองที่สูงขึ้นย่อมทำให้ราคาที่ดินนอกเมืองแพงขึ้นไปด้วย เพราะเจ้าสัวหรือนายทุนอสังหาริมทรัพย์ย่อมต้องซื้อที่ดินแปลงใหม่เพื่อค้าขายต่อไปอีก

ที่ดินจึงยิ่งไกลจากคนไทยเกินเอื้อมโดยปริยาย

Photo by Lillian SUWANRUMPHA / AFP

ทันทีที่การลากราคาที่ดินกลางเมืองนำไปสู่การไล่ซื้อที่ดินนอกเมือง ที่ดินของเกษตรกรย่อมเป็นเป้าหมายในการกว้านซื้อของนายทุนอสังหาริมทรัพย์ เม็ดเงิน 40 ล้านที่คนจีนหิ้วเข้าไทยเพื่อซื้อที่ 1 ไร่ที่ทองหล่อจึงทำให้ชาวนาเสนาหรือชาวสวนสามโคกมีโอกาสเป็นคนตกงานไร้ที่ดินในบั้นปลาย

สื่อบางคนแย้งว่ามติ ครม.ไม่ได้ “ขายชาติ” เพราะที่ดินที่รัฐบาลเปิดทางให้ขายต่างชาติคือที่ดินของ “นายทุน” หรือ “บริษัทอสังหาริมทรัพย์” แต่สำหรับประชาชนแล้ว สาระสำคัญของการ “ขายชาติ” ไม่ได้อยู่ที่การขายทรัพย์สินรัฐบาล เพราะทรัพย์สินเอกชนที่เป็นของคนไทยก็ไม่ควรขายอยู่ดี

มีคนอ้างว่าต่างชาติคงซื้อที่ 1 ไร่จากบริษัทจัดสรรที่ดินรายใหญ่ๆ มากกว่าซื้อจากประชาชน แต่นั่นก็ยิ่งเท่ากับยอมรับว่ามติ ครม.นี้เปิดทางให้ “เจ้าสัว” หรือ “เจ้าที่ดิน” ระบายที่ดินเพื่อค้ากำไรได้เต็มที่ แต่คำถามคือ แล้วทำไมคนไทยต้องมีโอกาสซื้อที่ดินยากขึ้นเพื่อความร่ำรวยของเจ้าสัวที่ดิน

มาตรการ “ขายแผ่นดิน” เป็นมติคณะรัฐมนตรีที่รัฐบาลควรถอยก่อนจะเผชิญแรงต้านทางการเมืองที่แม้แต่กองหนุนรัฐบาลก็ยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ต่อไป

แน่นอนว่าคนต่างชาติที่ต้องการอยู่ไทยถาวรมีสิทธิมีที่อยู่อาศัยของตัวเอง

แต่เงื่อนไขที่คุณประยุทธ์กำหนดไว้ทำให้คนไทยกังวลว่าจะเปิดทางให้เจ้าของบ่อน, มาเฟีย และนอมินีต่างชาติหิ้วเงินมาซื้อที่คนละไร่เต็มประเทศ

หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เป็นช่องทางฟอกเงินของธุรกิจนอกกฎหมายระยะยาว