การตั้งโจทย์ | ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

การตั้งโจทย์

 

วันก่อนมีน้องคนหนึ่งมานั่งคุยเรื่องเป้าหมายในชีวิต

เธอฟังพี่สุรชัย พุฒิกุลางกูร illustrator อันดับ 1 ของโลกบรรยาย แล้วอยากทำงานได้แบบพี่สุรชัย

ไม่ได้เปลี่ยนไปทำงาน illustrator

แต่อยากทำงานให้ได้แบบพี่สุรชัย

ตั้งแต่เก็บรายละเอียดทุกเม็ด

ทำงานแบบเกิน-เกิน คิดเกินงาน ไม่ใช่ทำงานแค่เท่าที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งทำให้ผลงานของเขาเหนือความคาดหมายทุกชิ้น

นอกจากอยากทำงานให้ได้แบบพี่สุรชัยแล้ว เธอยังอยากให้งานของตัวเองก้าวไปสู่ระดับโลกให้ได้

ผมชอบฟังคนหนุ่มสาวที่มีเป้าหมายในชีวิต

ยิ่งมีเป้าหมายสูงๆ เขาจะมีพลังในการเล่าเรื่อง

ทั้งเสียง ทั้งสายตา

ฟังแล้วมีพลังดี

น้องคนนี้ก็เช่นกัน เธอเล่าเรื่องธุรกิจที่ทำอยู่ ทำหลายอย่างแต่ส่วนใหญ่จะกลางๆ

กำไรดี แต่ยังไม่สุด

เพราะความปรารถนาของเธอ คือ อยากให้งานที่ทำไประดับโลกให้ได้

น้องคงอยากได้คำแนะนำจากผมว่าควรทำอย่างไรดี

“ยังมีความสุขกับการทำงานใช่ไหม”

เจอคำถามแบบนี้ เธออึ้งไปนิดนึง

“สุขกับงานค่ะ แต่ไม่สุขกับการทำได้กลางๆ”

ผมนั่งฟังน้องพักหนึ่ง แล้วรู้สึกในใจว่าเธอมาปรึกษาผิดคนแล้ว

“รู้ไหมว่าปรัชญาชีวิตของผมคืออะไร”

เธอส่ายหน้า

ผมเริ่มไล่เรียงชื่อหนังสือชุด “ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ” ให้ฟัง

…ชีวิตไม่ยาก ถ้าตั้งโจทย์ง่าย

…มองโลกง่ายง่ายสบายดี

…ฝันใกล้ใกล้ ไปช้าช้า

…ความรู้สึก คือ เหตุผลอย่างหนึ่ง ฯลฯ

ฟังชื่อหนังสือแล้ว แววตาของเธอเริ่มเปลี่ยนไป

คงรู้แล้วว่ามาปรึกษาผิดคนแน่ๆ

ผมเลยแถมให้อีกเล่ม

…ฝันเรื่อยเรื่อย เหนื่อยก็พัก

 

ผมเชื่อแบบนี้จริงๆ ครับ

สมัยเรียน ครูจะเป็นคนตั้งโจทย์ข้อสอบให้เราตอบ

มีทั้งยากและง่าย

ถ้าเราตอบตรงกับที่ครูคิด เราก็จะได้คะแนน

ตอบผิดก็ไม่ได้คะแนน

แต่ชีวิตของเรา คนที่ตั้งโจทย์ให้กับเรา

คือ ตัวเราเอง

โจทย์ชีวิตจะยากหรือง่าย อยู่ที่เรา

ถ้าเราตั้งโจทย์ชีวิตยาก เราต้องใช้พลังสูงมากในการก้าวไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้

ถ้าไปไม่ถึงเป้าหมาย เราจะทุกข์

เพราะผิดหวัง

แต่ถ้าไปถึงเป้าหมาย เราจะมีความสุข

เพราะสมหวัง

ในมุมกลับ ถ้าเราตั้งโจทย์ชีวิตง่าย เราจะใช้พลังน้อย

โอกาสที่จะมีความสุขสูงกว่าการตั้งโจทย์ยาก

วิธีคิดนี้ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตแบบมีไฟส่องหน้าอยู่บนเวที

คนกลุ่มนี้ต้องใช้วิธีคิดอีกแบบหนึ่ง

…แพ้ได้แต่ไม่ยอม

…พลิกมุมคิดชีวิตเปลี่ยน

…ความหวัง ไม่เห็นไม่ใช่ไม่มี

…จะข้ามมหาสมุทร อย่าหันกลับไปมองชายฝั่ง ฯลฯ

เป็นชื่อหนังสือของผมเหมือนกันครับ 555

ผมใช้วิธีคิดนี้ในการทำงานตลอด

แต่อยู่ภายใต้กรอบ “ชีวิตไม่ยากถ้าตั้งโจทย์ง่าย”

การตั้งโจทย์ชีวิตจึงเป็นศิลปะรูปแบบหนึ่ง

ลอกเลียนแบบกันไม่ได้

 

น้องมีเป้าหมายเรื่องความสุขในชีวิต 5 เรื่อง

เรื่องแรก สุขภาพแข็งแรง ผอมลง มีเวลานอน ได้ไปในที่ที่อยากไป

เรื่องที่ 2-4 เป็นเรื่องงานล้วนๆ อยากไปถึงระดับโลก

ส่วนเรื่องที่ 5 อยากมีแฟน แต่ไม่อยากมีลูก

“ทำได้แค่ 3 ใน 5 ก็ชนะแล้ว” ผมบอก

เธออึ้งอีกครั้ง

“อยากได้ 5 ใน 5 ค่ะ”

คงเป็นวิธีคิดแบบ “เด็กหน้าห้อง”

คนเรียนเก่งมักอยากได้เกรด 4 ทุกวิชา

บางคนถึงขั้นได้เกรด 4 แบบแค่ผ่านเส้นเกรด 4 ไม่ได้

ต้องได้เต็ม 100

ส่วนผมไม่ใช่ “เด็กหน้าห้อง” และ “เด็กหลังห้อง”

เป็น “เด็กกลางห้อง” ครับ

ไม่เอาแค่ผ่านเหมือน “เด็กหลังห้อง”

ยังอยากได้เกรดดีๆ หน่อย

ทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้

ถ้าวิชาไหนได้ 4 ก็ดีใจ

สอบ 5 วิชาได้เกรด 4 สัก 3 วิชาก็ถือว่าชนะแล้ว

แต่ไหนๆ น้องก็เสียเวลามาปรึกษาแล้ว ผมก็เลยเสนอว่าให้ลองทำโจทย์ทีละข้อดีไหม

เอาชนะทีละเรื่อง

เป็นวิธีการทำโจทย์ยากให้เป็นโจทย์ง่าย

อย่างข้อแรก ก็ให้แบ่งเป็น 4 ข้อย่อย

1. สุขภาพแข็งแรง

2. ผอมลง

3. มีเวลานอน

4. ได้ไปในที่ที่อยากไป

ทำทีละ 1 ข้อย่อยจะได้ไม่ยากไป

ทำได้ 1 ข้อ ก็มีความสุข 1 ครั้ง

คิดดูสิครับ แค่ข้อใหญ่ข้อเดียวก็มีความสุขได้ 4 ครั้งแล้ว

“เป็นวิธีการหาความสุขแบบค้ากำไรเกินควร” ผมสรุป

 

“งั้นหนูเปลี่ยนเป้าหมายเหลือข้อเดียว” น้องบอก

“อะไร”

“อยากมีความสุข”

ผมนึกถึงคำสอนของพระไพศาล วิสาโล ขึ้นมาทันที

รีบขโมยมาเป็นของตัวเอง

ผมบอกน้องว่าเป้าหมายนี้ทำได้ไม่ยาก

“ก็แค่ตัดคำว่า ‘อยาก’ ทิ้งไป”

เพราะคำว่า “อยากมีความสุข”

ถ้าตัดคำว่า “อยาก” ทิ้ง

ก็จะเหลือแต่คำว่า…

…มีความสุข

ตัดทิ้งความอยากได้เมื่อไร

มีความสุขทันที •

 

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ | หนุ่มเมืองจันท์

www.facebook.com/boycitychanFC