คณะทหารหนุ่ม (12) | สัญญาณบอกเหตุ พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ ถูกหักหลังบนเครื่องบินขณะลี้ภัย

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เล่าต่อไปหลังยอมวางอาวุธ

“ตอนนั้นผมอยู่กับ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ สองต่อสองในห้องรับแขกข้างล่าง ท่านพูดกับผมขึ้นว่า ‘หลานไปเมืองนอกก็ศึกษาหาความรู้นะ ตอนนี้มันเดือนมืด เดือนหงายเมื่อไหร่หลานก็กลับมาจะได้มาช่วยชาติบ้านเมือง’

ผมไม่นึกเฉลียวใจอะไรทั้งสิ้น ท่านพูดด้วยน้ำเสียงปกติ หาพิรุธอะไรไม่ได้เลย แต่ผมก็พูดเสียงเข้มออกไปว่า ‘ท่านนะ ถ้าหักหลังผมยิงล่ะ’

ผมเองก็ไม่ได้ไว้ใจ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เลยเพราะก่อนหน้านี้มีใบปลิวโจมตี พล.อ.เกรียงศักดิ์ ว่าค้าฝิ่นกับขบวนการกองพล 93 ที่ดอยแม่สลอง พล.อ.เกรียงศักดิ์ก็กล่าวหาว่า พล.อ.ฉลาดเป็นคนทำใบปลิว ซึ่งทั้งสองปีนเกลียวกันมาก่อนแล้ว

เมื่อผมคิดว่าคนคนนี้ไว้ใจไม่ได้ ถึงพูดออกไปอย่างนั้น แต่เขาวางเฉย ยังพูดเหมือนไม่ได้ยินประโยคนั้นของผมว่า ‘ขอบรั่นดีลุงแก้วหนึ่งสิ’

ขณะที่ผมเดินไปรินบรั่นดีมาให้ ท่านพูดอย่างใจเย็นว่า ‘ไม่มีจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร องอาจ เดชอิทธิรัตน์ จะหักหลังกันไม่ได้ ฆ่ากันก็ไม่ได้’ ผมคิดว่าเราพูดแรงไป แต่ท่านก็ตอบกลับมาด้วยความสุขุมระมัดระวัง

ขณะผมใคร่ครวญอยู่นั้น พล.อ.ฉลาดก็หิ้วกระเป๋าลงมาจากชั้นบน เราจึงพากันไปขึ้นรถพร้อมจะออกเดินทางไปดอนเมือง โดยที่ผมไม่ได้โทรศัพท์ไปบอกทางบ้านเลยเพราะมัวกังวลกับการแก้ปัญหา

ผมมาทราบภายหลังว่า ระหว่างที่เราเตรียมข้าวของกันนั้น รัฐบาลก็ออกแถลงการณ์อีกฉบับหนึ่งเรื่องส่งตัวพวกเราออกนอกประเทศ มีใจความว่า

‘ตามที่กลุ่มบุคคลผู้เห็นแก่ตัวกลุ่มหนึ่งได้ก่อความไม่สงบ นำกำลังเข้ายึดสถานที่ราชการบางแห่งและบีบบังคับให้ พล.อ.ประเสริฐ ธรรมศิริ เป็นหัวหน้าดำเนินการ ทั้งได้ออกประกาศและคำสั่งหลายฉบับให้ประชาชนชาวไทยได้รับฟังมีความเข้าใจผิดและตื่นตระหนกตกใจนั้น กองอำนวยการรักษาความสงบทั่วไปและกำลังกองทัพของชาติได้ดำเนินการต่อกลุ่มผู้เห็นแก่ตัวกลุ่มนี้เป็นขั้นตอนตามลำดับ จนบัดนี้กำลังทหารประมาณ 300 นายที่ถูกหลอกลวงเข้ามาปฏิบัติการครั้งนี้ได้เข้ามอบตัวต่อทางราชการแล้วทั้งหมด ดังที่แถลงให้ประชาชนได้ทราบไปแล้วนั้น

อย่างไรก็ดี บุคคลที่เป็นหัวหน้า 5 คนของกลุ่มก็ได้ควบคุมตัว พล.อ.ประเสริฐ ธรรมศิริ รองผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.ประลอง วีระปรีย์ เสนาธิการทหารบก ไว้เป็นเครื่องต่อรองแลกเปลี่ยนกับที่บุคคลทั้ง 5 จะขอเดินทางออกนอกประเทศ กองอำนวยการรักษาความสงบทั่วไปได้พิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบแล้วเห็นว่า

เพื่อให้สถานการณ์คืนเข้าสู่สภาพปกติโดยเร็วและเพื่อไม่ให้ต้องสูญเสียนายทหารชั้นผู้ใหญ่ซึ่งดำรงตำแหน่งอีก 2 นาย จึงผ่อนผันให้บุคคลชั้นหัวหน้าของกลุ่มจำนวน 5 คนนี้เดินทางออกนอกประเทศได้ บุคคลทั้ง 5 นี้คือ 1.พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ 2.พ.ท.สนั่น ขจรประศาสน์ 3.พ.ต.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ 4.พ.ต.ศิษฐ์ คงประดิษฐ์ 5.พ.ต.อัศวิน หิรัญศิริ

บัดนี้ผู้มีรายนามทั้ง 5 นี้ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน’

ลงชื่อ พล.อ.อ.กมล เดชะตุงคะ รองผู้อำนวยการรักษาความสงบทั่วไป

 

ขณะที่รัฐบาลออกแถลงการณ์ฉบับนี้เป็นเวลา 20.40 น.แล้ว หลังจากแถลงการณ์ออกไปได้เพียง 5 นาที รถวิทยุกองปราบปรามนำรถโฟล์กสีครีมและปิดท้ายด้วยรถแลนด์โรเวอร์ที่จะนำพวกเราออกนอกประเทศก็เดินทางมาถึงท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมีกลุ่มผู้สื่อข่าวช่างภาพทั้งไทยและต่างประเทศจำนวนมากมารอทำข่าว ขบวนรถของเราจึงอ้อมไปเข้าอีกประตูหนึ่งแล้วถึงได้วกไปยังห้องรับรอง

ผมมองไปยังลานวิ่ง เห็นเครื่องของสายการบินไชน่าแอร์ไลน์เที่ยวบินที่ 84 ซึ่งมีจุดหมายปลายทางที่กรุงไทเปจอดสงบนิ่งอยู่ ปกติเที่ยวบินนี้จะออกเวลา 19.30 น. แต่ต้องเลื่อนเวลาเพื่อคอยพวกเราทั้ง 5 คน

ขณะที่ผมกำลังครุ่นคิดว่าทุกอย่างตรงตามที่บอกก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีคนมาขออาวุธพวกเรา เขาให้เหตุผลว่าจะขึ้นเครื่องแล้วไม่ต้องใช้อาวุธ ขอเก็บไว้ให้

ผมมองเห็นนักบินเดินเข้ามาในห้อง ข้างนอกห้องก็มีรถตู้ที่จะบรรทุกเราไปขึ้นเครื่องจอดรออยู่ ผมและพวกเราก็ตายใจ มอบอาวุธแล้วเดินไปขึ้นรถที่เขาเตรียมไว้ให้ พอขึ้นไปบนเครื่องบินไต้หวันลำนั้น ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อมองไปข้างหลังเห็นคนนั่งกันเต็มหมด แต่ไม่มีใครใส่เสื้อนอกสักคนเดียว มีแต่ใส่เสื้อเชิ้ตธรรมดา แล้วที่นั่งก็เหลือเอาไว้ให้เราเพียง 5 ที่ข้างหน้าเท่านั้น

ผมถึงกับกระซิบบอก พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ ว่าเราถูกหักหลังแล้ว เพราะดูแล้วพวกที่นั่งบนเครื่องนี่เป็นทหารทั้งนั้น”

 

สิ่งบอกเหตุ

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติที่สนามบินดอนเมือง

“ระหว่างที่ผมนั่งอย่างไม่เป็นสุขอยู่นั้น เขาก็เอาอาหารมาเสิร์ฟ คราวนี้ผมทนไม่ได้ถึงกับร้องถามขึ้นว่า ‘คุณ เครื่องยังไม่ขึ้นเลย เสิร์ฟอาหารได้อย่างไร’ คนเสิร์ฟอาหารก็ตอบผมทันทีเหมือนไม่ต้องคิด หรือว่ารู้แล้วจะต้องเจอคำถามนี้จึงตอบได้อย่างทันทีทันควันว่า ‘เครื่องขัดข้อง เราเลยต้องเสิร์ฟอาหารก่อน’ ผมกินไม่ลงและกำลังหาทางแก้ไขอยู่นั้น เวลาผ่านไปสักอึดใจใหญ่ๆ จึงมีคนมาเชิญพวกเราให้ลงจากเครื่อง ก่อนบอกว่าเครื่องขัดข้อง ต้องเปลี่ยนเครื่อง

แต่ก็เชิญเฉพาะพวกเรา 5 คนเท่านั้น”

 

China Airlines

องอาจ เดชอิทธิรัตน์ บันทึกห้วงเวลานี้ไว้ในหนังสือ “เบื้องลึกเบื้องหลัง ความสัมพันธ์ไทย-ไต้หวัน ภายใต้นโยบายจีนเดียว” ดังนี้…

“ในตอนสายๆ ผู้เขียนขณะนั้นทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายการโดยสารของสายการบิน China Airlines ได้รับการติดต่อจากสำนักงานผู้แทนการค้าไต้หวันประจำประเทศไทยให้ช่วยกัน (เก็บ) ที่นั่งไว้ 5 ที่นั่งของเที่ยวบินที่จะเดินทางไปยังกรุงไทเปให้กับคณะปฏิวัติของ พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ ซึ่งทางฝ่ายไทยได้ประสานกับทางรัฐบาลไต้หวันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่เนื่องจากเที่ยวบินดังกล่าว ที่นั่งได้ถูกสำรองเต็มหมดแล้ว เพราะผู้โดยสารชาวต่างชาติต่างต้องการรีบเดินทางออกจากประเทศไทยเพราะเกิดการปฏิวัติรัฐประหาร ผู้เขียนจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่เจรจาขอความร่วมมือกับผู้โดยสาร 5 คนเพื่อสละยกเลิกที่นั่งโดยที่สายการบินยินดีจะจ่ายค่าชดเชยในการเสียเวลาการเดินทาง หรือจะพยายามถ่ายโอน (transfer) ให้ไปขึ้นเที่ยวบินของสายการบินอื่นแทน โดยสายการบินจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง

และท้ายที่สุดก็ได้รับความร่วมมือจากผู้โดยสารคนไทย 5 คนยอมยกเลิกที่นั่งให้

แต่โดยความบังเอิญเที่ยวบินที่ CI- 803 ที่จะเดินทางมาจากฮ่องกงได้เกิดเครื่องยนต์ขัดข้องที่สนามบินฮ่องกง (เป็นเหตุบังเอิญเหมือนกับกรณีของจอมพลประภาส จารุเสถียร ที่เครื่องบินขัดข้องที่ฮ่องกงก่อนบินเข้ามาประเทศไทย) และเลื่อนเวลามาถึงกรุงเทพฯ ประมาณ 18.30 น. จึงได้แจ้งให้ทางสำนักงานตัวแทนการค้าไต้หวันทราบ แต่ได้รับการยืนยันว่า คณะปฏิวัติยังคงจะขึ้นเที่ยวบินดังกล่าวไปไทเป

ในระหว่างที่รอคอยเครื่องบินที่จะเดินทางมาจากฮ่องกง ผู้เขียนได้พยายามติดต่อกับ มร.เสิ่น เค่อฉิน หัวหน้าผู้แทนการค้าไต้หวันประจําประเทศไทย และ Mr.Leo Fong ผู้จัดการใหญ่ของ China Airlines ชาวไต้หวันเพื่อขอคำยืนยันว่าทางไต้หวันยินยอมให้คณะปฏิวัติทั้ง 5 คนขึ้นเครื่อง China Airlines ไปยังกรุงไทยเป แต่ก็ไม่สามารถติดต่อกับบุคคลทั้งสองได้โดยไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ไหน

จนกระทั่งเครื่องบินได้เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ เวลาประมาณ 18.25 น. ภายหลังจากได้ลำเลียงผู้โดยสารขาออกขึ้นเครื่องบินเรียบร้อยแล้วโดยได้ว่างเว้น 5 ที่นั่งในแถวที่ 1 เที่ยวบินดังกล่าวเป็นเครื่องบิน Boeing 707 และเป็นที่นั่งชั้นประหยัด (economy class) ทั้งลำจำนวน 159 ที่นั่ง

ในขณะนั้นได้รับแจ้งจากทางฝ่ายทหารว่า พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ และคณะได้รอคอยอยู่ในห้องรับรองของกองบัญชาการกองทัพอากาศ ถ้าหากเครื่องบินพร้อมแล้วก็จะพาผู้โดยสารไปขึ้นเครื่องบิน

ผู้เขียนจึงได้ประสานกับกัปตันหลี่ จิงหลุน เพื่อขอนำผู้โดยสารทั้ง 5 คนขึ้นเครื่องบิน ประกอบด้วย พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ พ.ท.สนั่น ขจรประศาสน์ และ พ.ต.อัศวิน หิรัญศิริ บุตรชาย พล.อ.ฉลาด พ.ต.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ และ พ.ต.วิศิษฐ์ คงประดิษฐ์

แต่กลับได้รับการปฏิเสธจากกัปตันหลี่ จิงหลุน ว่าขอดูคำสั่งจากสำนักงานใหญ่ที่ได้อนุญาตให้บุคคลทั้ง 5 คนเดินทางไปกรุงไทเป”