ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 4 - 10 พฤศจิกายน 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
ในศาสนาผียกย่องหญิงมีสถานะสูงกว่าชาย หรือหญิงมีอำนาจเป็นใหญ่เหนือชาย เพราะ
(1.) ผู้หญิงเป็นเจ้าของบ้านและที่ดิน (ส่วนผู้ชายเป็นผู้อาศัย)
(2.) ผู้หญิงเป็นหัวหน้าพิธีกรรมทางศาสนาผี (ส่วนผู้ชายอยู่นอกพิธีกรรม) และเป็นหัวหน้าเผ่าพันธุ์ (Chiefdom)
(3.) พิธีแต่งงาน หญิงเป็นเจ้าสาว แปลว่า ผู้เป็นนาย (ส่วนชายเป็นเจ้าบ่าว แปลว่า ผู้รับใช้)
(4.) สายโคตรตระกูลสืบทางฝ่ายหญิง (ดังนั้น สมัยโบราณการสืบราชสันตติวงศ์เป็นไปตามสายแม่ จึงมีระบบวังหลวงกับวังหน้ามักเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน)
(5.) เรื่องเล่าหรือคำบอกเล่าสมัยเริ่มแรกถูกบอกเล่าโดยหญิง และโดยทั่วไปหญิงที่บอกเล่าได้รับยกย่องเป็นร่างทรงของผีฟ้า เมื่อผีฟ้าลงทรงแล้วเล่าเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์
(6.) ได้รับยกย่องเป็นมด หรือหมอมด หมายถึงผู้มีพลังอำนาจสูงส่ง (เหนือผู้ชาย) เพราะผู้หญิงมีมด คือช่องคลอดที่บันดาลความมีชีวิตของมนุษย์คือลูก (ซึ่งผู้ชายทำไม่ได้)
ส่วนหมอ หมายถึง ผู้ชำนาญในการใดการหนึ่ง เช่น ชำนาญการรักษาความเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยพิธีกรรมทางศาสนาผี (บางทีถูกเรียกว่าหมอผี) เป็นต้น ดังนั้น หญิงผู้บอกเล่าบางทีถูกเรียกควบรวมว่ามดหมอ หรือหมอมด (ซึ่งยังไม่พบนิยามหรือคำอธิบายตรงไปตรงมามากกว่านี้)
หมอมดบางสถานการณ์ต้องทำหน้าที่หมอขวัญ เพื่อทำขวัญ (หมายถึง สู่ขวัญ, เรียกขวัญ, ส่งขวัญ) คือการสื่อสารกับผีฟ้าช่วยบันดาลสิ่งที่ต้องการให้ผู้รับทำขวัญ หรือให้เป็นที่รับรู้ทั่วกันของคนทั้งชุมชนซึ่งร่วมพิธีกรรมนั้น
เข้าทรง
ศาสนาผีเชื่อว่าผีกับคนติดต่อสื่อสารกันได้ โดยผ่านการเข้าทรงของร่างทรงหรือคนทรง มีความหมายดังนี้
(1.) เข้าทรงหมายถึงขวัญของคนตาย คือผีหรือผีขวัญเข้าสิงสู่ร่างของผู้รับการเข้าสิงซึ่งเป็นหญิง เรียกร่างทรงหรือคนทรง
(2.) ร่างทรงเป็นสื่อหรือตัวกลาง (medium) ซึ่งผีอาศัยชั่วคราวในการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์หรือคนในชุมชน
(3.) หญิงที่เป็นร่างทรงผีฟ้าต้องเป็นบุคคลพิเศษ มีสายตระกูลหัวหน้าเผ่าพันธุ์หรือชนชั้นนำ ที่รับสืบทอดจากร่างทรงก่อนหน้านั้นจึงรอบรู้คำทำนายทั้งหลาย
ผีฟ้า มีอำนาจเหนือธรรมชาติสูงสุดอยู่บนฟ้า หมายถึง ผู้เป็นใหญ่บนฟ้า บางทีเรียกเจ้าแห่งฟ้า หรือเจ้าฟ้า เป็นแหล่งรวมพลังขวัญของคนชั้นนำที่ตายแล้วของเผ่าพันธุ์ ถูกส่งขึ้นฟ้ารวมพลังเป็นหนึ่งเดียวกับผีฟ้าเพื่อปกป้องคุ้มครองคนที่ยังไม่ตายอยู่ในชุมชนให้มีความอุดมสมบูรณ์ (ต่อมาผีฟ้าถูกเรียกอีกชื่อว่าแถน ซึ่งได้จากภาษาฮั่นว่าเทียน แปลว่าฟ้า หมายถึงผู้เป็นใหญ่บนฟ้า)
(4.) การกระทำและข้อความทำนายทายทักของร่างทรง ถูกทำให้เชื่อว่าล้วนเป็นจริงจากผีซึ่งมีอำนาจเหนือธรรมชาติ
(5.) คำทำนายเกี่ยวข้องการทำมาหากินและโรคภัยไข้เจ็บที่จะมีหรือไม่มีในข้างหน้า เพื่อชุมชนเตรียมรับมือล่วงหน้า
(6.) การเข้าทรงและมีคำทำนายเป็นพิธีกรรมรวมหมู่เพื่อคลายความตึงเครียดของคนทั้งชุมชนเกษตรกรรม “ยังชีพ” ที่ล้าหลังทางเทคโนโลยี ต้องพึ่งพาน้ำฟ้าน้ำฝนตามฤดูกาลที่ผันแปรตลอดเวลา โดยไม่อาจคาดการณ์ล่วงหน้าด้วยตนเอง
ร่างทรง
คําทำนายเกี่ยวกับความอุดมสมบูรณ์ เป็นความทรงจำที่ได้จากการสั่งสมประสบการณ์ตรงหลายชั่วอายุของคนในตระกูลหัวหน้าเผ่าพันธุ์หรือคนชั้นนำ ซึ่งถ่ายทอดด้วยวิธีบอกเล่าปากต่อปากเป็นที่รับรู้ทั่วไป
ดังนั้น ผู้หญิงที่เป็นร่างทรงผีฟ้าต้องเป็นบุคคลพิเศษที่มีสายตระกูลหัวหน้าเผ่าพันธุ์หรือคนชั้นนำ จึงเป็นเจ้าพิธีทำขวัญ (หมายถึงสู่ขวัญ, เรียกขวัญ, ส่งขวัญ) เพื่อบอกผีฟ้าบันดาลสิ่งที่ต้องการให้ผู้รับทำขวัญ หรือให้คนทั้งชุมชนมีความร่มเย็นเป็นสุขและอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ว่านยาข้าวปลาอาหาร
[ประเพณีอีสานเรียกเข้าทรงว่า “เทียม” (หมายถึงไม่แท้) และเรียกร่างทรงว่า “นางเทียม” (หมายถึงไม่ใช่ร่างแท้) หรือ “ล่าม” (หมายถึงตัวกลาง) ส่วนประเพณีล้านนาเรียกร่างทรงว่า “ม้าขี่” (ไม่รู้หมายถึงอะไร?)]
จากร่องรอยความเป็นมาทั้งหมดนั้น ทำให้เชื่อว่าร่างทรงซึ่งเป็นผู้หญิงมีพลังอำนาจติดต่อสื่อสารได้กับผีฟ้าคือหัวหน้าเผ่าพันธุ์ ซึ่งสอดคล้องกับหลักฐานโบราณคดีโครงกระดูกเพศหญิงเรียก “เจ้าแม่โคกพนมดี” ราว 3,000 ปีมาแล้ว (ขุดพบที่บ้านโคกพนมดี อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี) และรูปพิธีเข้าทรงมีขับลำคลอแคนและฟ้อนหลายพันปีมาแล้ว (ลายเส้นบนเครื่องมือสำริดพบที่เมืองดงเซิน เวียดนาม)
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/iRHg4WPH4Q
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) October 31, 2022