หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๕๐) | บทความพิเศษ ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ | ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๕๐)

 

ในปัจจุบันนี้ ฉันหมดความสนใจในปัญหา

๑ การเมืองภายในประเทศ

๒ การทะเลาะเบาะแว้งของพี่น้องของฉัน

ด้วยเพราะเห็นว่า พวกมันไร้สาระ นานเกินไป เหมือนนวนิยายที่เขียนได้อืดมาก ข้ามไปสักเล่มสองเล่ม ก็ยังไม่ไปไหน ข้ามไปตอนจบเลยก็ยังได้

เมื่อฉันอายุ ๖๐ ปี ฉันเปลี่ยนโหมดของการใช้ชีวิตตัวเอง มาเป็น Defensive นั่นคือการใช้พลังงานเป็นอันมาก ในการดูแลสุขภาพตัวเอง ไม่ใช่เพราะกลัวตาย หากแต่เพราะอยากมีชีวิตที่ปกติ เหมือนวัยเด็ก

หากเปรียบเป็นประเทศ ฉันก็อยู่ในโหมดการป้องกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็มีปัญหาทางสุขภาพบ้าง เล็กๆ น้อยๆ เหมือนมีปัญหาตรงพรมแดนบ้าง

จวบจนวันหนึ่ง ในปีที่ฉันอายุ ๖๙ เกิดเรื่องใหญ่ มีความเป็นไปได้ว่าฉันจะเป็นโรคหัวใจ อันนี้เท่ากับว่า มีการรุกรานเข้ามาในประเทศของฉันแล้ว

ฉันควรทำอย่างไรดี

 

ฉันเป็นคนคอเลสเตอรอลสูงมานานแล้ว นานราวยี่สิบปี คือคอเลสเตอรอลรวมของฉัน และ LDL อยู่ที่ 250-300 เป็นมานาน ไม่รู้ทำไมถึงสูง เพราะฉันก็ไม่ได้กินอาหารมันแต่อย่างใด อาจเพราะพันธุกรรม นับได้ว่า นี้คือจุดอ่อนในตัวฉัน เวลาเจอหมอ หมอบอกให้ฉันกินยาลดไขมัน แต่ฉันก็ยังไม่ทำ ด้วยเพราะไม่ชอบการกินยาประจำ

อีกทั้งเรื่องของคอเลสเตอรอล ฉันก็ยังไม่เชื่อเท่าไร ฉันจึงบอกว่า รอดูไปก่อน ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่ฉันก็คอยจับตาดูมันอยู่ เป็นเช่นนี้มานานถึงยี่สิบปี ไม่มีเรื่องราวใดเลย ทุกอย่างปกติ

แต่เพิ่งไม่นานมานี่เอง ที่เวลาฉันไปว่ายน้ำ มีอาการแน่นหน้าอก รู้สึกทุกข์ทรมาน แปลกมาก เพราะฉันว่ายน้ำประจำมานมนาน อยู่ๆ ก็เป็น มันเกิดอะไรขึ้นหรือ

หมอบอกให้ฉันทำ CT-Scan เพื่อเอ็กซเรย์หัวใจ แต่มันต้องฉีดสี ซึ่งฉันไม่ชอบเลย ฉันจึงบอกว่าขอคิดดูก่อน และตรวจสอบตัวเอง ฉันสังเกตว่า

๑ ความดันของฉันปกติดี

๒ หัวใจของฉันเต้นปกติดี สม่ำเสมอ

๓ น้ำหนักของฉัน Perfect กล่าวคือ ฉันสูง ๑๗๒ และน้ำหนัก ๕๙ ก.ก.

มองกระจก ฉันมีเรือนร่างที่งดงาม โปร่งโล่ง สบาย

ซ้ำร้ายหนัก ฉันออกกำลังกายสม่ำเสมอ เหมือนฉันกินยาหม้อโบราณชนิดหนึ่ง เป็นยาวิเศษ ที่หาได้ยากในโลก มองเหมือนง่าย แต่มองรอบกาย ฉันไม่เห็นใครทำอย่างฉันเลย ฉันออกกำลังกายเป็นกิจวัตร เป็นความสุขส่วนตัว ในการมีชีวิตอยู่ ใครที่ไหนจะได้กินยาแบบนี้

ที่จริงปัญหาก็มีแค่เวลาว่ายน้ำเท่านั้น มันเป็นความทรมานที่รบกวนจิตใจของฉัน

 

ฉันสนใจคำว่า Iatrogenic Injury เป็นอันมาก มันคือโรคภัย หรืออาการบาดเจ็บ ที่ได้รับจากหมอ หรือโรงพยาบาล ฉันไม่รู้แน่ชัดว่ามีคนไข้แบบนี้มีกี่เปอร์เซ็นต์ อาจจะ ๑๐% หรือมากถึง ๕๐% ฉันไม่รู้ แต่ทว่า มันเป็นอาการของโรคภัยชนิดหนึ่ง บางคนพิการ บางคนเกิดโรคใหม่บางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บางคนถึงกับเสียชีวิต

คิดง่ายๆ คนฉีดวัคซีน มีกี่คนที่มีผลข้างเคียง และโทษของมันนั้นลึกปานไหน ก็ยากจะกล่าวได้ บางคนเป็นโรคเรื้อรัง บางคนโรคประจำตัวบางอย่างที่เคยควบคุมได้ กลับมากำเริบ บางคนอาจถึงขั้นเสียชีวิต

ดังนั้นเอง สภาวะที่ปลอดภัยที่สุด คือการคอยระวัง อย่าให้มีสิ่งใดแปลกปลอมเข้ามา เป็นดีที่สุด แต่ทว่า มนุษย์เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่ต้องหาหมอ หรือไปโรงพยาบาล

เบื้องต้น ฉันยอมกินยาลดไขมัน

และภายในหนึ่งเดือน คอเลสเตอรอลของฉันก็ลดลง เป็นปกติ

แต่ทว่า ฉันก็กินเดือนเว้นเดือน เหมือนท้าทายมัน เพราะเพียงแค่สองสัปดาห์ที่หยุดกินยา คอเลสเตอรอลก็กลับมาเหมือนเดิม เท่ากับคอเลสเตอรอลของฉัน เหมือนน้ำขึ้นน้ำลง

ในแต่ละเช้า ฉันถามตัวเองว่า

๑ จะไปเอ็กซเรย์หัวใจดีไหม จะได้รู้เรื่องไปเลย

๒ รอดูไปก่อน ออกไปเดินเล่น ทำความรู้จักกับหัวใจตัวเองก่อน

ฉันไม่กลัวตาย แต่กลัวเป็นอัมพาตหรืออัมพฤกษ์

แต่ฉันรู้ว่า ในขณะที่กำลังรับมือกับปัญหาหัวใจ ปัญหาอื่นอาจแทรกเข้ามาอย่างคาดไม่ถึง เช่น ปัญหาตับ ไต และปัญหาสมอง

ปัญหาสมอง อาจถูกมองข้าม เช่นเดียวกับที่ว่า ในขณะนี้ ฉันอาจลืมอะไรไปบางอย่าง อาการวูบดับไปเฉยๆ เกิดขึ้นได้ในสมอง ฉันไม่ต้องการ ในขณะที่กำลังกังวลใจเกี่ยวกับหัวใจ แต่ในฉับพลัน เกิดความเสื่อมทางสมอง

คุณไม่ตายเพราะหัวใจ ก็ตายเพราะสมอง หรือตับไต

เมื่อมนุษย์อายุยืนขึ้น เขาจะพบตัวเอง วันหนึ่ง

หัวใจที่นอนไม่หลับ

ไตที่เร้นลับ

ตับอ่อนที่จำศีล

สมองหยุดจำ

เหตุผลหายไป

 

ฉันถามตัวเองว่า หากให้ฉันตายวันนี้ หรือเดี๋ยวนี้ จะเป็นอย่างไร ฉันพบว่า เป็นเรื่องธรรมดา เพราะฉันไม่มีความห่วงใยสิ่งใด และได้ใช้ชีวิตมาเพียงพอแล้ว มองสิ่งรอบตัวเหมือนการอำลา ซึ่งก็สวยงามดี ทั้งแผ่นฟ้าหรือแผ่นน้ำ

ฉันอาจสนใจโลกนี้ แต่ก็เพียงในฐานะผู้ดู เพราะฉันเข้าใจกฎไตรลักษณ์เป็นอย่างดี ไม่ได้ติดยึดในสิ่งใด ปัญหาของโลก มันเกินกำลังที่ฉันจะทำอะไรได้ ฉันเพียงทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด

ที่จริง ฉันมีความเคารพวิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่ สำนึกในบุญคุณของมัน ด้วยเพราะหากไม่มีมัน ฉันคงตายตั้งแต่ตอนอายุ ๑๐ ขวบแล้ว

ในวัยนั้น ฉันเป็นไส้ติ่งอักเสบ และได้ทำการผ่าตัด หากฉันเกิดในสมัยก่อน ที่ไม่มีการผ่าตัด ฉันเสียชีวิตไปแล้ว ในยุคก่อน ไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคที่ร้ายแรงมาก ใครเป็นก็คือตาย มีอีกชื่อหนึ่งว่า Side Sickness

ฉันจำได้ สมัยฉันเป็นเด็ก หมอฟันตรวจพบว่า ฉันมีฟันคุดอยู่ถึงสี่ซี่ ที่แฝงอยู่ข้างใน ยังไม่โต เขาจึงทำการผ่าตัดเอามันออก มองกระจกแล้วรู้สึกตัว หากฉันเกิดในสมัยโบราณ ฉันคงมีปากที่น่าเกลียดน่าชัง

๑๐

เทคโนโลยีในการสร้างคุณภาพแห่งชีวิต ในการเพิ่มอายุให้แก่มนุษย์ มันก็ได้ดูดเอาบางสิ่งออกไปด้วย เหมือนมนุษย์ที่มีอายุยืนขึ้นนี้ มีชีวิตอยู่ ด้วยการอยู่ในเตาอบ ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี แบบขาดมันไม่ได้ มันไม่ใช่ทางสายกลางในความรู้สึกของฉันเลย เหมือนมนุษย์ต้องใส่ท่อออกซิเจนเวลานอน ต้องกินยาประจำ

นี้มิใช่การมีชีวิตในขวดโหลหรอกหรือ

 

๑๑

ฉันมีอุดมคติเกี่ยวกับชีวิต และชีวิตแบบนั้น มีความสง่างาม มีพลัง มีพื้นฐานที่ดี การรักษาพื้นฐาน เป็นอะไรที่เกิดขึ้นทุกวันเวลา ทุกขณะจิต จนตัวเองจะลืมมันไป ไม่ได้สังเกต เหมือนลมหมายใจเข้าออก แต่ทว่า มันจะต้องต่อสู้กับเทคโนโลยี กีดกันมันออกไป ให้เหลือน้อยที่สุด

ฉันเหมือนคนกินยาโบราณของแพทย์ฮัวโถ เป็นยาสูตรพิเศษ นั่นคือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทุกวัน การกินอาหารที่ดี การมีดวงจิตที่สม่ำเสมอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือเบสิก ที่จริงก็ทำได้ไม่ยากเลย แต่ทว่า แปลก ฉันเหลียวมองรอบตัว ก็ไม่เห็นมีใครทำได้ แสดงว่าที่จริง มันคือยาที่หายากเป็นที่สุด

ฉันเคารพการแพทย์สมัยใหม่ แต่ก็เคารพพลังชีวิตนับแต่โบราณ อยากมีชีวิตแบบคนโบราณด้วย และนั่น ฉันต้องแสวงหาทางสายกลาง อยากมีชีวิตที่มีคุณภาพที่ดี และมีพลังของคนโบราณ ฉันพบว่าคนสมัยใหม่ขาดหายอะไรไปบางอย่าง เหมือนพลังชีวิตไม่อาจเปล่งได้เต็มที่ เหมือนเสียงที่ร้องได้ไม่สุด

โลกยุคอนาคต คุณอาจตัดสมองไปแช่ไว้ในขวดโหล และมีชีวิตอยู่ได้หมื่นปี แต่มันเป็นชีวิตที่ไร้เรือนร่าง

หมอทั้งหลายคงไม่ชอบฉันเป็นอย่างยิ่ง เหมือนคนที่ไม่เชื่อฟังหมอเลย ขาดความนับถือ แต่ที่จริง ฉันคิดว่า ฉันเดินสายกลางอย่างที่สุด เพียงแต่เส้นทางนี้มีน้อยคนเดิน

มันเป็นทางสายกลางที่เงียบเหงา