ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 ตุลาคม - 3 พฤศจิกายน 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | ยานยนต์ |
ผู้เขียน | สันติ จิรพรพนิต |
เผยแพร่ |
จัดเต็ม ‘บีเอ็มดับเบิลยู i7’ ใหม่ ‘เลาจน์’ เคลื่อนที่-พลังไฟฟ้า
ค่าย “บีเอ็มดับเบิลยู” น่าจะเป็นแบรนด์จากยุโรปค่ายแรกๆ ที่ส่งยานยนต์พลังงานไฟฟ้า เข้ามาอวดโฉมในเมืองไทย
ส่วนหนึ่งเพราะเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย บวกกับประเทศบ้านเกิดอย่างเยอรมนี สนับสนุนและออกข้อบังคับมากมาย เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมไร้มลพิษจากควันของเครื่องยนต์สันดาปภายใน
ที่ผ่านมาเคยส่งรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาชิมลางแบบเล็กๆ ก่อนทำตลาดจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ
ปัจจุบันบีเอ็มฯ มีรถยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี ทำตลาดประกอบด้วยรุ่น iX, iX3 และ i4
ส่วนรถยนต์ในเครือคือมินิ มีรุ่น “มินิ เอสอี” (Mini SE)
สังเกตได้ว่าส่วนใหญ่เป็นรถขนาดเล็ก
จนล่าสุดบีเอ็มฯ จัดรุ่นใหญ่ไฟกะพริบ เจาะตลาดผู้บริหารโดยเฉพาะกับรุ่น “i7 xDrive60 M Sport” ซีดานพรีเมียมขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
เป็นยานพาหนะที่ใช้รับรองผู้นำประเทศต่างๆ ที่เข้ามาร่วมประชุม APEC ในไทยด้วย
มาภายใต้แนวคิด “FORWARDISM” ก้าวสู่ศักราชใหม่แห่งสุนทรียภาพแห่งการขับขี่และการขับเคลื่อน
ถือเป็นรุ่นท็อปสุดของค่าย ที่แม้จะเป็นรถไฟฟ้าล้วน แต่สาวกที่อาจไม่นิยมรถขุมพลังแบบนี้ อาจต้องรอสักนิดเพราะคาดว่าจะมีรุ่นเครื่องยนต์ทางเลือกออกมาไม่ว่าจะป็นดีเซล หรือปลั๊กอินไฮบริด
รุ่นที่นำเข้ามาทำตลาดเป็นแบบฐานล้อยาว โดยในรุ่นหลังๆ ของซีรีส์ 7 จะเป็นแบบนี้ทั้งหมด จึงไม่ค่อยได้เห็นสัญลักษณ์ตัว “L” หลังชื่อรุ่นเหมือนสมัยก่อน
ฐานล้อให้มามากถึง 3,215 ม.ม.
ขณะที่มิติตัวถังใหญ่ขึ้นกกว่ารุ่นเดิม รวมทั้งสูงขึ้นเพื่อชดเชยพื้นที่วางแบตเตอรี่ ไม่ให้ผู้โดยสารรู้สึกอึดอัดเกินไป
กระจังหน้าขนาดใหญ่แบบไตคู่ ซึ่งรุ่นนี้พิเศษขึ้นไปอีกเพราะมีเส้นไฟล้อมรอบ
ไฟหน้าเรียวเล็กแบบ Adaptive LED พร้อมปรับองศาเมื่อเข้าโค้ง ซึ่งจะอยู่ต่ำจากระนาบของกระจังหน้าเล็กน้อย
ส่วนจุดที่น่าจะเป็นไฟหน้าติดชุดไฟส่องสว่างตอนกลางวัน “Iconic Glow” ร่วมกับสวารอฟสกี้ เจ้าพ่อคริสตัลระดับโลก ประดับเพิ่มความหรูหราและดูไฮเทคเพิ่มขึ้น
มีกิมมิกเบาๆ เมื่อปลดล็อกรถ ไฟที่กระจังหน้าจะสว่างขึ้น เช่นเดียวกับไฟส่องสว่างตอนกลางวันจะติดระยิบระยับ
มือเปิดประตูแบบฝังในตัวรถซึ่งเป็นดีไซน์ในช่วงหลังๆ บริเวณเสา C มีกราฟิกสามเหลี่ยมดูสปอร์ตและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ผู้โดยสาร
ไฟท้ายทรงตัวแอล แบบไฟวิ่ง
ใต้โลโก้ฝากระโปรงท้ายมีปุ่มกดเปิดกระโปรงท้าย แทนมือจับแบบเดิม
ล้ออัลลอย M aerodynamic 21 นิ้ว ตกแต่งสี Titanium Bronze
ภาพรวมถือว่าออกแบบได้ความสปอร์ตมากขึ้น เรียกว่าจะขับเองหรือนั่งเป็นผู้บริหาร ตามแต่ใจปรารถนา
แน่นอนว่าจุดเด่นที่สุดคือความสะดวกสบายภายใน
เน้นความหรูหราด้วยโทนดำตัดกับสีเงิน และประดับด้วยคริสตัล พร้อมไฟแอมเบี้ยนไลต์รอบคัน คอนโซลกลางสีดำเงาเปียโนแบล็ก
ความหรูหราไม่ต่างจากนั่งอยู่ในเลาจน์
พวงมาลัยเอ็ม 3 ก้านท้ายตัดพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น จับกระชับมือ
เรือนไมล์ดิจิทัลเชื่อมกับจอกลางขนาดใหญ่ โค้งเข้าหาผู้ขับขี่เพื่อความสะดวกและง่ายต่อการมองหรือควบคุม
มี BMW Head-up Display และฟังก์ชั่น Augmented View ติดตั้งมาเป็นครั้งแรก
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 4 โซน
ระบบเกียร์ไฟฟ้าพร้อมปุ่มควบคุมแบบหมุนไปมา ใช้แรงเบามือควบคุมได้แทบทุกอย่างบนตัวรถ
เบาะนั่งทั้งตอนหน้าหลังมีฟังก์ชั่นนวด ระบบอุ่นเบาะทุกที่นั่ง ระบบระบายอากาศที่เบาะนั่ง
ที่เปิดประตูจากภายในเป็นแบบปุ่มกด
หลังคากระจกพาโนรามา “Sky Lounge” พร้อมเส้นแสง LED ที่ปรับเปลี่ยนได้ทุกเส้น
ที่นั่งด้านหลังใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะรถรุ่นนี้ส่วนใหญ่แล้ว “คนซื้อไม่ได้ขับ คนขับไม่ได้ซื้อ”
เรียกว่าเป็นรถผู้บริหารที่นั่งด้านหลังมากกว่า บริเวณที่เท้าแขนข้างประตูทั้ง 2 ฝั่งติดตั้งจอควบคุมขนาด 5.5 นิ้ว ซึ่งรุ่นเดิมจะเป็นแท็บเล็ตติดตั้งบริเวณที่เท้าแขนตรงกลาง
จอควบคุมตรงนี้ใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะปรับตำแหน่งเบาะนั่ง หรือกระทั่งเปลี่ยนโหมดการขับขี่เพื่อให้ผู้โดยสารตอนหลังสบายที่สุด
ส่วนจุดเดิมเปลี่ยนเป็นที่ชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย ส่วนที่เหลือให้วางแขนสบายๆ
จอเพื่อความบันเทิงสำหรับที่นั่งด้านหลัง ปกติจะเป็นจอเล็กๆ ติดตั้งหลังพนักพิงศีรษะของคู่เบาะหน้า
แต่สำหรับรถรุ่นนี้ปรับเป็นจอขนาดใหญ่ 31.3 นิ้ว ความละเอียด 8K ที่จะสไลด์ลงมาจากเพดาน เรียกว่าเห็นกันเต็มตาสุดๆ
กระหึ่มไปอีกกับระบบเสียงรอบทิศทาง Bowers & Wilkins Diamond ลำโพง 39 จุด
เมื่อปรับการขับขี่เป็นโหมดดูภาพยนตร์ ม่านบริเวณกระจกข้างและกระจกหลังจะเลื่อนขึ้นมา ทำให้ห้องโดยสารไม่ต่างจากโรงหนังขนาดย่อมๆ
ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว พละกำลังรวม 400 กิโลวัตต์ หรือ 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 745 นิวตันเมตร
ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ และแน่นอนไม่พลาดกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า “BMW xDrive” และเทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ 5 ช่วยเพื่ออรรถรสในการขับขี่ซึ่งบรรจุอยู่ในรุ่นก่อนหน้าอย่าง “iX”
แบตเตอรี่แรงดันสูง 105.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนติดตั้งด้านล่างตัวถัง
อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 19.6-18.4 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/100 กิโลเมตร
อัตราเร่งสุดจี๊ด 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 4.7 วินาที
ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง
พิสัยทำการต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง 625 กิโลเมตร แม้ใช้จริงอาจไม่ถึงตามพฤติกรรมขับขี่ของแต่ละคน แต่ต่ำๆ ต้องมีระดับ 560-570 กิโลเมตร
สามารถชาร์จพลังงานจาก 10-80% ที่สถานีชาร์จกำลังสูง 195 กิโลวัตต์ ได้ใน 34 นาที
หรือหากใครเร่งรีบแล้วอยู่ใกล้สถานีชาร์จไฟฟ้าแรงสูง ชาร์จไฟเพียง 6 นาที สามารถวิ่งเพิ่มอีก 100 กิโลเมตร
ช่วงล่างแบบถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ ส่วนรุ่นท็อปเป็นแบบ Executive Drive Pro
ระบบความปลอดภัยต่างๆ ขอละไว้แล้วกันเพราะให้มาแบบจุกๆ เรียกว่าบอกไม่มีอะไรจะง่ายกว่า
มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย
i7 xDrive60 M Sport (First Edition) 7,599,000 บาท
i7 xDrive60 M Sport 7,849,000 บาท
i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso 8,599,000 บาท
ทุกรุ่นมาพร้อมแพ็กเกจบำรุงรักษา BSI Standard 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง •
ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022