เผยแพร่ |
---|
แม้จะผ่านร้อนหนาวจากสถานการณ์การเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 มาแล้ว กระนั้น ภาพของพรรคก้าวไกลอันเป็นอวตารแห่งพรรคอนาคตใหม่ก็ยังดำรงอยู่อย่างไม่เสถียร
เห็นได้จากสายตาที่ทอดมองพรรคก้าวไกลแทบไม่แตกต่างไปจากสายตาที่ทอดมองพรรคอนาคตใหม่
ในตอนเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 คนจำนวนไม่น้อยแม้กระทั่งที่เลื่อมใสและศรัทธาพรรคอนาคตใหม่เป็นอย่างสูงก็คาดหมายว่าหากได้ถึง 5 คนก็วิเศษอย่างยิ่ง
จากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 จากการถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 มาถึงเดือนตุลาคม 2565 การประเมินก็แทบไม่แปรเปลี่ยน
นั่นก็คือ ทางหนึ่ง เห็นจุดเด่นของพรรคก้าวไกลดำเนินไปเช่น เดียวกับของพรรคอนาคตใหม่ แต่อีกทางหนึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะได้รับเลือกด้วยจำนวนที่มากเกิน 5 หรือ 10 ได้อย่างไร
ยิ่งพรรคก้าวไกลประกาศนโยบายเชิงปฏิรูปมากมายยิ่งก่อ
ให้เกิดอาการอกสั่นขวัญแขวนเพราะเท่ากับเปิด”แนวรบ”กว้างขวางก่อให้เกิดแรงต้านตามมาอย่างมหาศาล
หากมองจาก”ผู้จัดเจน”เท่ากับสะท้อนการ”สู้ไม่เป็น”เด่นชัด
แม้ว่าในการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 พรรคอนาคตใหม่จะสร้างปรากฏการณ์ได้รับเลือกเป็นจำนวนมากถึง 80 เป็นอันดับ 3 ในพรรคการเมืองด้วยกัน
อาจจะแพ้พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ แต่ก็เหนือว่า พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา
กระนั้น ชัยชนะนี้ก็อยู่ในเงื่อนไขลักษณะพิเศษทางการเมือง
เงื่อนไขหนึ่งก็จากกลไกการเลือกตั้งบัตรใบเดียวที่เอื้อให้พรรคอนาคตใหม่ได้ระบบบัญชีรายชื่อจำนวนมาก เงื่อนไขหนึ่งก็มาจากสถานการณ์ที่พรรคไทยรักษาชาติถูกยุบ
และเงื่อนไขหนึ่งก็มาจากกระแสที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทะยานขึ้นสูงเด่นในขอบเขตทั่วประเทศ จึงทำให้พรรคอนาคตใหม่อยู่ในสแสงแห่งสปอตไลต์
มาถึง ณ วันนี้ กติกาก็เปลี่ยน กระแสก็ตกวูบเป็นลำดับ
สภาพการณ์การมองและประเมินพรรคก้าวไกลจึงแทบไม่แตกต่างไปจากสภาพการณ์การมองและประเมินพรรคอนาคตใหม่เมื่อเดือนมีนาคม 2562
เกจิการเมืองอาจ”ฟันธง” แต่ก็ฟันธงอย่างมี”เงื่อนไข”
ทั้งยังเป็นเงื่อนไขที่ดำรงอยู่อย่างลังเลไม่แน่ใจเหมือนๆกับที่เคยมีบทสรุปต่อพรรคอนาคตใหม่ ภาพของพรรคก้าวไกลจึงถูกมองทั้งด้านลบและด้านบวกไปในขณะเดียวกัน
และคำตอบจะได้มาก็ต่อเมื่อเข้าสู่”การเลือกตั้ง”ที่เป็นจริง