อาฟเตอร์ช็อก โน้ส ‘เดี่ยว’ พี่ป้อมโชว์ ‘เดี่ยว’ แค่บันเทิง พี่ศรีเจอใส่ ‘เดี่ยว’ นอกเวที

“เดี่ยว 13” โน้ส-อุดม แต้พานิช นักทอล์กโชว์คนดัง จัดแสดงเมื่อเดือนมิถุนายน มีประชาชนซื้อบัตรเข้าชม รับฟังแน่นขนัด ขณะนั้นไม่ปรากฏว่ามีปฏิกิริยาใดๆ ออกมา

กระทั่งมีการนำ “เดี่ยว 13” ไปเผยแพร่ทางเน็ตฟลิกซ์ ช่องทางบันเทิงออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงและมีผู้รับชมจำนวนมาก

จนกลายเป็นประเด็นถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 โดยเฉพาะช่วงทอล์กแสดงความคิดเห็นในเชิงเสียดสีการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างตรงไปตรงมา และตรงใจคนส่วนใหญ่ในสังคม

เมื่อมีคนชอบ ก็ต้องมีคนไม่ชอบเป็นเรื่องธรรมดา ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความไม่พอใจ อ้างว่าทอล์กโชว์ของ โน้ส อุดม ไม่ให้เกียรติผู้นำประเทศ ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อสาธารณชน และผิดกฎหมาย

เรื่องราวลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ เนื้อหาในเดี่ยว 13 ถูกนำมาขยายกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล

บรรดา “นักร้อง” องครักษ์ต่างออกมาปกป้องผู้นำฝ่ายอำนาจ

ไม่ว่า นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย หรือนายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร

นายศรีสุวรรณ หรือพี่ศรี ประกาศท้าชน กล่าวหาโน้ส อุดม ให้ท้ายม็อบก้าวล่วง พร้อมทิ้งท้าย “เดี๋ยวเจอกัน”

แม้แต่ นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ก็ยังร่วมแห่ เดี่ยว 13 มีหลายส่วนที่คิดว่าไม่เหมาะสม ในฐานะที่เรามีรัฐบาล มีผู้นำ บางอย่างคิดว่าก็เกินเลยไป

ส่วนที่โน้ส อุดม เคยทอล์กโชว์ “เดี่ยว” เสียดสีผู้นำแล้วหลายคน รวมถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายอนุชา กลับมองว่า ค่อนข้างไม่เหมือนกัน การวิจารณ์อาจมีความแตกต่างกันบ้าง หากบอกว่าเหมือน คงไม่ใช่

บรรดาเพจเฟซบุ๊กสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ยัดเยียดคำว่า “ตลกชังชาติ” ให้โน้ส อุดม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่แสดงปฏิกิริยาความคิดเห็นใดๆ ต่อเดี่ยว 13 มีแต่เพจกองเชียร์กับองครักษ์นอกทำเนียบเป็นทุกข์เป็นร้อนแทน

กระนั้นก็มีความเห็นสวนทางมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ชนิดเบรกอารมณ์กองเชียร์จนคะมำ

“ผมตามดูคุณโน้สมาตลอด ชื่นชมในความสามารถ ส่วนเรื่องวิจารณ์รัฐบาล เขาก็พูดมาทุกการแสดงเดี่ยว ส่วนตัวคิดว่าเขาพูดเพื่อความบันเทิง คนดูก็มีวิจารณญาณในการฟังอยู่แล้ว”

“ไม่ควรนำมาเป็นเรื่องราวใหญ่โตอะไร” พล.อ.ประวิตร กล่าวสรุปตบท้าย

สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย โดยนายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมฯ แถลงประเด็น “เดี่ยว 13” ว่า

รัฐธรรมนูญมาตรา 34 วรรคหนึ่ง บัญญัติ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อสารความหมายโดยวิธีอื่น การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทำมิได้

การแสดงของโน้ส อุดม เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็น ถ่ายทอดความรู้สึก วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลที่ล้มเหลว หาใช่การแสดงข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือกล่าวหา ใส่ร้ายผู้อื่นให้ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด

อีกทั้งรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลสาธารณะที่ต้องยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนได้

ประกอบกับการแสดงความคิดเห็นดังกล่าว ยังสอดคล้องกับความรู้สึกของประชาชนที่เห็นด้วยส่วนใหญ่ ที่เป็นเจ้าของประเทศ เจ้าของอำนาจอธิปไตย ตลอดจนเป็นผู้เสียภาษีให้กับรัฐ

ถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงที่ได้รับผลกระทบจากการทำงานของรัฐบาลที่ล้มเหลว ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา จึงย่อมมีสิทธิตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์

เห็นว่า รัฐบาลควรปล่อยให้ประชาชนได้ตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรี ให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็นในรูปแบบใด

สำคัญที่สุด รัฐบาลหรือผู้มีอำนาจต้องไม่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือดำเนินคดีกับผู้เห็นต่าง อันจะทำให้บ้านเมืองเข้าสู่ความขัดแย้งและนำไปสู่การใช้ความรุนแรงแบบไม่จบสิ้น

กรณีดังกล่าว น่าจะเป็นประโยชน์และอุทาหรณ์ให้เห็นว่า ความคิดเห็นที่แตกต่างของประชาชน เป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่สวยงามในระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม ซึ่งประชาชนเหล่านั้นสามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้กฎหมายเดียวกัน

มิได้สร้างความขัดแย้งหรือก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้นในสังคมไทย เพราะเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตนั้น เป็นของประชาชนคนไทยทุกคน

ขณะที่ประเด็นการเมืองเกี่ยวกับ “เดี่ยว 13” เริ่มเบาลง กลับเกิดเรื่องกับนายศรีสุวรรณ จรรยา ถึงขั้นเจ็บตัว

วันที่ 18 ตุลาคม นายศรีสุวรรณ เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ตรวจสอบโน้ส อุดม ในการแสดงเดี่ยว 13

ฐานใช้ถ้อยคำบางคำพูด อันอาจมีลักษณะส่งเสริมให้บุคคลร่วมชุมนุมสาธารณะที่ผิดกฎหมาย ขัดต่อความมั่นคงของรัฐและหรือละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น และ/หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

แถมยังมีบางคำพูดอาจเข้าข่ายยุยงส่งเสริมผู้ชุมนุม

ระหว่างที่ นายศรีสุวรรณ กำลังให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อนายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล หรือลุงศักดิ์ อายุ 62 ปี อดีตผู้ชุมนุมเสื้อแดงจู่โจมถามนายศรีสุวรรณ เกี่ยวกับคดีนายกฯ 8 ปี

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว เห็นนายศรีสุวรรณบอกจะดำเนินคดีกับคนที่ออกไปชุมนุม

แต่ยังไม่ทันที่ “พี่ศรี” จะได้ตอบ นายวีรวิชญ์ ก็ปล่อยหมัดชกเข้าใบหน้า เตะซ้ำ ท่ามกลางความแตกตื่นตกใจของผู้สื่อข่าวและผู้อยู่ในเหตุการณ์ ก่อนมีคนเข้ามาแยกพานายศรีสุวรรณ เข้าไปภายในอาคาร

นายวีรวิชญ์ หรือลุงศักดิ์ เปิดใจการ “ใส่เดี่ยว” ครั้งนี้ ว่า

คือการตบสั่งสอน เพราะนายศรีสุวรรณร้องทุกเรื่อง แต่พออีกฝ่ายกลับไม่ร้องให้ตรวจสอบด้วย และที่สำคัญ นายศรีสุวรรณ ประกาศว่าใครชุมนุมจะแจ้งความ แจ้งจับให้หมด จึงต้องการสั่งสอน

แม้ความรุนแรงไม่ใช่เรื่องที่สังคมควรสนับสนุน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนมุมของการถูกกดขี่จากฝ่ายเครือข่ายอำนาจ ในการใช้กฎหมายไม่เป็นธรรมเป็นเครื่องมือกระทำต่อฝ่ายคิดเห็นต่าง กลายเป็นความคับแค้นกดทับ จนระเบิดออกมา

หลังเหตุการณ์ นายศรีสุวรรณ แจ้งความเอาผิดนายวีรวิชญ์ ฐานทำร้ายร่างกาย

วันถัดมา นายวีรวิชญ์ โดนตำรวจกองปราบปรามบุกจับกุม คาลานจอดรถช่อง 3 เป็นหมายจับค้างเก่า คดีทำร้ายร่างกาย นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน เมื่อปี 2564

นายสนธิญา สวัสดี ยังเดินหน้าร้องเรียนต่อกองบัญชาการตำรวจนครบาล ให้ตรวจสอบเอาผิดโน้ส อุดม ในประเด็นเดียวกับนายศรีสุวรรณ

ต้องติดตามผลคำร้องนี้จะไปสุดทางตรงไหนอย่างไร

เดี่ยวไมโครโฟน โน้ส อุดม ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 13

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช่นายกฯ คนแรกที่ โน้ส อุดม นำมาเป็นวัตถุดิบ ในการเสิร์ฟเสียงหัวเราะให้คนดู

ปี 2551 “เดี่ยว” โน้ส อุดม ร้องแร็พพาดพิง รัฐบาลขิงแก่ ที่เข้ามาหลังการรัฐประหาร 2549 แซะไล่ไปถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. ที่ทิ้งความลำบากและความยากจนไว้

พูดแซวนายทักษิณ ชินวัตร ที่โดนทำรัฐประหารและอยากกลับประเทศไทย

โอ๊ค พานทองแท้ ที่ไปดูทอล์กโชว์ครั้งนั้นถึงกับเผยความรู้สึก “สนุก สะใจ โดนเยอะเลย อยากให้พ่อมาดูด้วย”

โน้ส เคยแปลงเพลง รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง มอบให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ที่เขาว่าหล่อ มีดี ยกเว้นอำนาจตัดสินใจ ลูกศิษย์ท่านชวน ไม่คด ไม่งอ ไม่โกงใคร เลือกตั้งได้แต่คนหน้าเดิม

แม้แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ไม่รอด โดนแซะเรื่องการพูด การใช้ภาษา และการอ่านโพย

แต่ที่ผ่านมาอดีตนายกฯ ที่ถูกโน้ส กล่าวพาดพิงบนเวที “เดี่ยว” ต่างเข้าใจถึงความปกติธรรมชาติในการแสดงทอล์กโชว์ จึงไม่มีใครทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่มีกองเชียร์ข่มขู่ใช้กฎหมายจะเอาผิด

ในทางกลับกันการดำเนินการของ “2 นักร้อง” เจ้าประจำ ได้สะท้อนถึงช่วงขาลงของผู้ที่ตนเองต้องการปกป้อง ที่มักจะอ่อนไหว เปราะบางต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์เชิงลบมากเป็นพิเศษ รวมถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้าน

ไม่เพียงกรณีเดี่ยว 13 การลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม จ.นนทบุรี ก็เช่นกัน

พล.อ.ประยุทธ์ ที่เข้าสู่ช่วงบั้นปลายอำนาจ ต้องเปลี่ยนจุดตรวจอย่างกะทันหันและยกเลิกไปในที่สุด หลังการข่าวแจ้งว่า มีผู้ชุมนุมกลุ่มต่อต้านจัดเตรียมถุงอุจจาระ ถุงเลือด และถุงน้ำปลาร้า ไว้รอต้อนรับ

กรณีที่เกิดกับ “พี่ศรี” หลายคนกังวลจะเป็นตัวอย่างให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ

ทำให้จากนี้ต้องจับตาการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ อาจเป็นไปด้วยความยากลำบาก ต้องระแวดระวังต่อการเผชิญหน้าแบบจู่โจมสายฟ้าแลบจากประชาชนที่เบื่อหน่ายในตัวผู้นำอย่างถึงที่สุด เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่รู้จะแสดงออกอย่างไร

เหล่านี้คือแรงสะเทือน อาฟเตอร์ช็อก “เดี่ยว 13”

สัญญาณเตือนถึงใครบางคน ควรไปต่อหรือพอแค่นี้ กับการเลือกตั้งที่ใกล้มาถึง