ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ | บนเส้นทางสู่แลนด์สไลด์ ของพรรคเพื่อไทย

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ | บนเส้นทางสู่แลนด์สไลด์ ของพรรคเพื่อไทย

เป็นความจริงเหมือนพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก ว่าเลือกตั้งครั้งหน้าในปี 2566 จะจบด้วยชัยชนะของพรรคเพื่อไทย

แต่ก็เป็นความจริงเหมือนอีกเช่นกันว่าชัยชนะในการเลือกตั้งไม่ได้แปลว่าเพื่อไทยจะได้ตั้งรัฐบาล รวมทั้งยิ่งไม่ได้แปลว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของเพื่อไทยจะได้เป็นนายกฯ จริงๆ

คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา สร้างรัฐธรรมนูญที่ทำให้คุณประยุทธ์ตั้งวุฒิสมาชิกมาเลือกตัวเองเป็นนายกฯ และไม่ว่ากติกาข้อนี้จะแย่เพียงไร ใครจะเป็นนายกฯ ก็ต้องได้เสียงโหวตจากสภาที่ว่า และคุณประยุทธ์เองก็ไม่ยั้งในการจะใช้อภิสิทธิ์ชนกลุ่มนี้บีบให้พรรคการเมืองหนุนตัวเองเป็นหัวหน้ารัฐบาล

ถ้าเพื่อไทยชนะเลือกตั้งปี 2566 เหมือนที่เคยชนะมาแล้วในปี 2562 พรรคร่วมรัฐบาลก็คงหนุนคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อเพราะกระหายอำนาจ, เพราะอ้างว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีทางโหวตชนะ 250 ส.ว.ของคุณประยุทธ์ และเพราะ ส.ว.ทั้ง 250 คนก็คงไม่มีวันโหวตคนอื่นที่ไม่ใช่คุณประยุทธ์จริงๆ

พรรคเพื่อไทยทำถูกแล้วที่ประกาศว่าต้องแลนด์สไลด์เพื่อให้เพื่อไทยตั้งรัฐบาล ต่อให้ช่วงแรกพรรคจะพูดแบบเหนียมๆ เพราะเท่ากับเป็นการบอกว่าไม่ให้เลือกพรรคก้าวไกล, เสรีรวมไทย หรือฝ่ายค้านพรรคอื่น

แต่เกือบปีที่เพื่อไทยพูดเรื่องนี้ทุกวันทำให้ทุกคนเข้าใจวิธีคิดของเพื่อไทยจริงๆ

แม้จะยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่า “แลนด์สไลด์” หมายถึงการได้ ส.ส.กี่คนในสภา ตัวเลขที่เพื่อไทยมีคงไม่มีทางต่ำกว่า 251 หรือเกินครึ่งของ ส.ส.ทั้งหมด เพราะต่อให้ ส.ว.จะร่วมมือกับ ส.ส.อีก 249 หนุนคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ รัฐบาลก็จะแพ้โหวตหรือถูกคว่ำกฎหมายในสภาทันที

แน่นอนว่า 251 ไม่ใช่เรื่องยากเมื่อเทียบกับตัวเลข ส.ส. 265 ที่พรรคเพื่อไทยได้จนหนุนคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ในปี 2554 หรือตัวเลข ส.ส. 376 ที่พรรคไทยรักไทยได้จนหนุนคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ ในปี 2548 แต่ก็เป็นตัวเลขที่สูงขึ้นเท่าตัวจากจำนวน ส.ส. 136 ที่เพื่อไทยได้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา

คำถามทางการเมืองที่สำคัญคือทำอย่างไรที่เพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งจนได้ ส.ส.เพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตามกติกาของรัฐธรรมนูญ

เพื่อไทยเป็นพรรคที่มีเงินเหมือนไทยรักไทยและพลังประชาชน แต่เงินไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้เพื่อไทยและพรรคตระกูลเดียวกันชนะเลือกตั้งทุกครั้งตั้งแต่ปี 2544 แน่ๆ เพราะการเลือกตั้งทุกครั้งก็มีพรรคอื่นที่มีเงินแข่งกับเพื่อไทยเสมอ แต่ไม่มีพรรคไหนเลยที่ชนะเพื่อไทยได้ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา

หากมองย้อนหลังไปสู่ชัยชนะของไทยรักไทย, พลังประชาชน และเพื่อไทย ปัจจัยที่ทำให้พรรคชนะเลือกตั้งเหนือพรรคที่มีเงินและไม่มีเงินอื่นๆ ได้แก่ การมีผู้สมัครระดับเขตที่หวังผลได้, มีนโยบายพรรคที่แข็งแกร่ง และมีแคนดิเดตนายกฯ ที่สร้าง “กระแส” ได้ในเวลาที่รวดเร็ว

ถ้าเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งโดยสูตรปี 2544-2562 สิ่งที่เพื่อไทยต้องทำในการเลือกตั้งปี 2566 ได้แก่ การมีผู้สมัคร ส.ส.ระดับเขตที่ประชาชนเห็นแล้วอยากลงคะแนน, มีนโยบายพรรคที่โดดเด่นพอจะระดมความสนับสนุนวงกว้าง และมีแคนดิเดตนายกฯ ที่สร้างความเชื่อมั่นว่าจะชนะเลือกตั้งได้ทันที

ด้วยความเชื่อว่าชัยชนะในการเลือกตั้งได้มาด้วยการระดม “นักการเมือง” ที่มีฐานเสียงในพื้นที่ระดับขาประจำ รายงานข่าวว่าเพื่อไทยดึง “นักการเมือง” แบบนี้กลับพรรคจึงว่อนในสื่อและในสภาเยอะไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาดึงกลุ่มคุณธรรมนัส พรหมเผ่า กลับพรรค หรือแม้แต่ดีลดึงสามมิตรกลับมา

พูดก็พูดเถอะ นอกจากกลุ่มคุณธรรมนัสและกลุ่มสามมิตรที่เป็นข่าวแล้ว จนสร้างความปั่นป่วนในพรรคและในสภา นักการเมืองกลุ่มอื่นๆ ที่รอเป็นข่าวทำนองนี้ก็ยังมีอยู่อีกมาก

จนพูดได้ว่า “เพื่อไทย” มีการเจรจาเพื่อดึง “นักการเมือง” แบบนี้กลับมาจริงๆ

แน่นอนว่าแทบไม่มีพรรคไหนไม่อยากได้นักการเมืองซึ่งชนะเลือกตั้งต่อเนื่องไปเข้าพรรคตัวเอง และที่จริงเพื่อไทยชนะเลือกตั้งยกจังหวัดหลายแห่งในปี 2562 ก็มาจากการ “เจรจา” ให้นักการเมืองแบบนี้มาอยู่ร่วมกันภายใต้เพื่อไทยจนทุกฝ่ายประหยัดและหายเหนื่อยที่ไม่ต้องแข่งกันเองให้วุ่นวาย

อย่างไรก็ดี ปรากฏการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นในปี 2562 คือพรรคอนาคตใหม่ได้ ส.ส. 81 และเสรีรวมไทยได้ ส.ส. 11 รวมกันเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 5 ของ ส.ส.ทั้งสภาโดยไม่มีใครเคยเป็น “นักการเมือง” หรือ ส.ส.เก่า รวมทั้งแทบไม่มีใครอยู่ในครอบครัว “นักการเมือง” มาก่อนเลย

ภายใต้การเติบโตของโซเชียลมีเดียอย่างไม่เคยเป็นการเมืองเชิงอุดมการณ์กลายเป็นเสาหนึ่งของการต่อสู้ทางการเมืองตั้งแต่ปี 2562 จนคำถามที่เกิดขึ้นทันทีคือ แล้ว “นักการเมือง” แบบคุณธรรมนัส, คุณสมศักดิ์ เทพสุทิน, คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ฯลฯ อยู่ในบริบทไหนในสังคมที่อุดมการณ์มีความสำคัญทางการเมือง

นักการเมืองทุกคนอธิบายเหตุผลที่ทิ้งเพื่อไทยไปหนุนคุณประยุทธ์ว่าถูกอำนาจเผด็จการบีบ บางคนอ้างทหารเอาปืนจ่อหัวแม่, ถูกฟันกลางหลัง, ผัวมีคดี ฯลฯ และในทางกลับกัน พรรคคงอ้างเรื่องนี้ด้วย

แต่พรรคจะธำรงภาพประชาธิปไตยอย่างไรถ้ามีรัฐมนตรีของคุณประยุทธ์มาอยู่พรรคมากไป?

ไทยรักไทยได้ ส.ส. 376 จนตั้งรัฐบาลพรรคเดียวในปี 2548 ได้สำเร็จเพราะพรรคอื่นย้าย ส.ส.มาสังกัดไทยรักไทย

แต่การย้ายพรรคในปี 2566 ต่างกับปี 2548 เพราะสังคมไทยผ่านการต่อสู้ทางการเมืองที่เข้มข้นจนการเมืองมวลชนขยายตัวเช่นเดียวกับการต่อสู้ทางอุดมการณ์

ทุกคนที่ทิ้งเพื่อไทยล้วนเต็มไปด้วย “เรื่องเล่า” ที่เป็นข้ออ้างหนุนเผด็จการ บางคนอ้างทหารเอาปืนจ่อหัวแม่, ถูกฟันกลางหลัง, ผัวมีคดี ฯลฯ และในการกลับพรรคคงอ้างเรื่องนี้ด้วย แต่พรรคจะธำรงภาพประชาธิปไตยอย่างไรถ้ามีคนแบบนี้มากไป ไม่ต้องพูดถึงหลายคนที่โดนอะไรก็ไม่ย้ายค่ายเลย

คุณเฉลิม อยู่บำรุง และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยระบุว่าคุณธรรมนัส, คุณสุชาติ ตันเจริญ, คุณสมศักดิ์ ฯลฯ ทำหน้าที่ ส.ส.ดีจนไม่มีใครว่าหากกลับเพื่อไทย แต่สำหรับประชาชนที่ภักดีต่อพรรคและอุดมการณ์ประชาธิปไตย ความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจย่อมมีแน่ๆ ที่พรรคดึงคนที่เคยทิ้งพรรคไปหนุนประยุทธ์กลับเข้ามา

ทุกวันนี้เพื่อไทยเดินหน้าสู่แลนด์สไลด์ด้วยการเฟ้นหาผู้สมัครที่มีศักยภาพชนะเลือกตั้งอย่างละเอียดแทบทุกเขต, มีทีมพัฒนานโยบายจากยุคไทยรักไทยกลับมาร่วมงาน และมีความพยายามหาผู้ชิงตำแหน่งนายกฯ อย่างรอบคอบ

แต่โจทย์เรื่องอุดมการณ์ประชาธิปไตยคือเรื่องใหญ่ที่ทิ้งไม่ได้เช่นกัน

การเมืองไทยหลังปี 2562 สร้างนักการเมืองสำคัญขึ้นมา 3 คน คือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และ ‘เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส’ สามคนนี้ประสบความสำเร็จทางการเมืองด้วยคนใหม่ๆ และไม่มีอะไรอิงกับ “นักการเมืองเก่า” ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแนวทางทำงานการเมืองที่แตกต่างจากสูตรที่เพื่อไทยใช้เพื่อแลนด์สไลด์อย่างสิ้นเชิง

แน่นอนว่าเส้นทางสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งไม่ได้มีแบบเดียว แต่การเกิดขึ้นของธนาธร, ชัชชาติ และ ‘เสรีพิศุทธ์’ คือหลักฐานว่าความชัดเจนด้านประชาธิปไตยมีผลต่อคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง หรือในทางกลับกันคือความพร่ามัวด้านประชาธิปไตยก็มีผลให้คะแนนเสียงหายไปพรรคอื่นได้เช่นกัน

ถ้าเพื่อไทยไม่ดึงคนอย่างคุณธรรมนัส, คุณสมศักดิ์, คุณสุชาติ, คุณสุริยะ ฯลฯ กลับพรรค โอกาสที่คนเหล่านี้จะไปอยู่กับคุณประยุทธ์และภูมิใจไทยก็จะลามไม่หยุด เพื่อไทยจะเจอโจทย์ในสนามเลือกตั้งที่เหนื่อยจนแลนด์สไลด์ยากขึ้นแน่ๆ แต่การดึงกลับก็อาจทำให้เสียคะแนนได้ด้วยเช่นกัน

ไม่มีปัญหาว่าเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งแน่ๆ แต่แลนด์สไลด์จะได้มากถึงขั้นตั้งรัฐบาลได้หรือไม่คือโจทย์ใหญ่ที่มีหลายเรื่องต้องคิดและทำมากกว่าในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถานการณ์ที่การเลือกตั้งหลังปี 2562 สะท้อนความเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมการเลือกตั้งที่ไม่เหมือนเดิม

ถ้าทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ ก็เตรียมตัวอยู่กับคุณประยุทธ์และพวกไปจนถึงปี 2570 ได้เลย