ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14 - 20 ตุลาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
ศาสนาผีทำหน้าที่รักษากฎเกณฑ์ทางสังคม ทำให้สังคมแข็งแรงอยูร่วมกันได้
ดังนั้น ศาสนาผีจึงเป็นที่นับถือของคนในเมืองและรัฐ (ขนาดเล็ก) สมัยเริ่มแรกในไทยไม่น้อยกว่า 2,000 ปีมาแล้ว หรือเรือน พ.ศ.500 (สมัยนั้นศาสนาพราหมณ์-พุทธ ยังไม่มาจากอินเดีย)
เมืองอู่ทอง (อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี) พบหลักฐานประวัติศาสตร์-โบราณคดี และธรณีวิทยาว่าเป็นรัฐ (ขนาดเล็ก) มีคูน้ำคันดินล้อมรอบเมื่อ 2,000 ปีมาแล้ว นับถือศาสนาผี มีหินตั้งอยู่บนเขาทางตะวันตก ฯลฯ เป็นพยานว่ามีโครงสร้างทางการเมืองเป็นระบบแข็งแรง
ความเชื่อเรื่องผีในทางวิชาการสากลได้รับยกย่องเป็น “ศาสนา” เรียกศาสนาผี (เช่นเดียวกับศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู)
แต่นักวิชาการไทยจำนวนหนึ่งไม่ยอมรับเป็นศาสนาผี ด้วยเหยียดว่าเป็นเพียง “ความเชื่อ” ชุดหนึ่งเท่านั้น

ศาสนาผีในไทย
ศาสนาผี มีความหมายดังนี้
(1.) นับถือผีมีอำนาจเหนือธรรมชาติ มากกว่า 3,000 ปีมาแล้ว
(2.) ปรากฏการณ์ทั้งหลายไม่ว่าดีหรือร้ายเกิดจากการกระทำของผี
(3.) เชื่อเรื่องขวัญ แต่ไม่เชื่อเรื่องวิญญาณ เพราะศาสนาผีไม่มีวิญญาณ, ไม่มีเวียนว่ายตายเกิด, ไม่มีโลกหน้า, ไม่มีเทวดานางฟ้า, ไม่มีสวรรค์, ไม่มีนรก, ไม่มีเผาศพ ฯลฯ
(4.) ผีกับคนติดต่อสื่อสารกันได้ด้วยการเข้าทรงผ่านร่างทรงซึ่งเป็นหญิง (ไม่มีร่างทรงเป็นชาย แต่มีสมัยหลังมากแล้ว)
(5.) หญิงเป็นใหญ่ (มีอำนาจเหนือชาย) ในพิธีกรรมทางศาสนาผี
(6.) ศาสนาผีรักษากฎเกณฑ์ทางสังคม (เทียบกับศาสนาพุทธ รักษากฎเกณฑ์ทางจิตวิญาณของบุคคล)


ผี คืออะไร?
ผีเป็นคำในตระกูลภาษาไท-ไต-ไทย-ลาว หมายถึงอำนาจเหนือธรรมชาติอยู่ในโลกต่างมิติ ที่จับต้องไม่ได้ และมองไม่เห็น
[เทวดา เป็นภาษาบาลี-สันสกฤต มีความหมายเดียวกับผี]
ผีมี 2 ประเภท ซึ่งให้คุณและโทษต่อมนุษย์ คือ ผีดินกับผีฟ้า (สรุปใหม่จากบทความเรื่อง “จากเสมาอีสานถึงเสมาฟ้าแดด” ของศรีศักร วัลลิโภดม ใน เมืองโบราณ ฉบับเมษายน-มิถุนายน 2565 หน้า 18)
ผีดิน หมายถึงผีบรรพชนพื้นเมืองหลายพันปีมาแล้ว พบทั่วไปในชุมชนเก่าแก่แรกเริ่ม (ก่อนมีผีฟ้า)
ผีฟ้า เป็นผี “นำเข้า” จากตอนบนของโซเมีย หรือตอนใต้ของจีนบริเวณทะเลสาบคุนหมิง มณฑลยูนนาน จากคำจีนว่า “เทียน” (แปลว่าฟ้า) กลายคำเป็น “แถน” หมายถึงผีฟ้า
[ผีมี 2 พวกใหญ่ๆ คือ ผีดีและผีร้าย พบในหนังสือ ผีสางเทวดา ของ เสฐียรโกเศศ (พระยาอนุมานราชธน) พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2495]
ผีฟ้า มีความหมาย ดังนี้
(1.) อำนาจเหนือธรรมชาติสูงสุดอยู่บนฟ้า
(2.) ผู้เป็นใหญ่บนฟ้า บางทีเรียกเจ้าแห่งฟ้า หรือเจ้าฟ้า [เคยใช้เรียกกษัตริย์ว่า “ผีฟ้า” อยู่ในจารึกวัดศรีชุม (สุโขทัย หลักที่ 2) ว่า “ผีฟ้ายโสธรปุระ” หมายถึงกษัตริย์เขมรเมืองนครธม]
(3.) แหล่งรวมพลังขวัญของบรรพชนคนชั้นนำที่ตายแล้วของเผ่าพันธุ์ ซึ่งถูกส่งขึ้นฟ้ารวมพลังเป็นหนึ่งเดียวกับขวัญบรรพชนคนก่อนๆ เพื่อปกป้องคุ้มครองคนที่ยังไม่ตายอยู่ในชุมชนปลอดภัยและมีความอุดมสมบูรณ์
(4.) ผีกับคนติดต่อสื่อสารกันได้โดยผ่าน “ตัวกลาง” คือร่างทรงหรือคนทรงซึ่งเป็นหญิง
(5.) ถูกเรียกอีกชื่อว่าแถน (ราว 2,500 ปีมาแล้ว) ซึ่งได้จากภาษาจีนว่าเทียน แปลว่าฟ้า หมายถึงผู้เป็นใหญ่บนฟ้า [จากหนังสือ พงศาวดารโยนก ของพระยาประชากิจกรจักร (แช่ม บุนนาค) เรียบเรียงเมื่อปลายแผ่นดิน ร.5 พ.ศ.2451] หลังจากนั้นเรียกรวบว่า “ผีฟ้าพญาแถน”
(6.) คนในชุมชนถูกควบคุมอย่างใกล้ชิดจากผีฟ้า ผ่านจารีตประเพณีพิธีกรรม และหมอมด, หมอขวัญ ฯลฯ
(7.) ต้นตอลัทธิเทวราช (ราว พ.ศ.1400) ด้วยการปรับความเชื่อเข้ากับศาสนาพราหมณ์-ฮินดู โดยเชิญขวัญของพระราชาที่สวรรคตขึ้นสวรรค์บนฟ้า เพื่อรวมพลังเป็นหนึ่งเดียวกับเทวะเป็นเทวราชา (ซึ่งไม่มีคตินี้ในอินเดีย)
กิจกรรม “ร่วมเพศ” ในศาสนาผีหลายพันปีมาแล้ว เป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์เพื่อ เจริญเผ่าพันธุ์ และ เจริญพืชพันธุ์
พบหลักฐานโบราณคดีไม่น้อยแสดงการสมสู่ร่วมเพศของหญิง-ชาย หรือสัญลักษณ์การสมสู่ร่วมเพศ เช่น
ภาพเขียนบนเพิงผา หรือผนังถ้ำ, รูปหล่อสำริดประดับฝาปิดภาชนะสำริดใส่กระดูกคนตาย, ปั้นเมฆหญิง-ชายสมสู่ร่วมเพศกันกลางแจ้งพื้นที่สาธารณะ ฯลฯ
เพลงโต้ตอบแก้กันของชาวบ้าน เช่น เพลงปรบไก่, เพลงฉ่อย, เพลงพาดควาย ฯลฯ มีคำหยาบเรียก “กลอนแดง” เป็นสัญลักษณ์สืบเนื่องจากพิธีสมสู่ร่วมเพศ “ขอฝน” หลายพันปีมาแล้วเพื่อเจริญเผ่าพันธุ์และเจริญพืชพันธุ์ •
สุจิตต์ วงษ์เทศ
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022