เกิดอะไรขึ้นกับคนจีนยุค “ต้นราชวงศ์ชิง” ที่เคยรบเก่ง กลับอ่อนแอ

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ | ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๔๗)

 

สิ่งที่น่าคิดเป็นอันมาก คือเกิดอะไรขึ้นกับคนจีน ในยุคสมัยต้นราชวงศ์ชิง ที่ชิงเข้ามายึดครองประเทศจีน

เพราะชิงนั้นเมื่อยึดครองจีนได้ไม่นาน เรียกว่าแค่หนึ่งหรือสองชั่วอายุคน ทหารชิงก็รบไม่เก่งอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ พวกเขารบเก่งจริง แต่เมื่อได้เมืองจีนแล้ว ความสุขสบายทำให้พวกเขาเปลี่ยนไป จนจำแทบไม่ได้ ทหารชิงกลายเป็นคนอ่อนแอ กลัวตาย

แต่กระนั้นคนจีนกลับยอมเป็นทาสชิง มีคนจีนไม่น้อยที่กระตือรือร้นที่จะรับใช้ชิง

เรียกว่าชิงอ่อนแอลงแล้ว แต่จีนอ่อนแอยิ่งกว่า เจ้านายยิ่งอ่อนแอ ยิ่งขูดรีดจากทาสที่อ่อนแอกว่า

เกิดอะไรขึ้นกับคนจีนหนอ ฉันพยายามทำความเข้าใจ เหมือนมีความเร้นลับ ความเย็นยะเยือกอะไรบางอย่างในจิตคนจีน ที่อยากเป็นทาสแมนจู

คิดจากแรกเริ่มที่ชิงยกทัพเข้ามา ด้วยกำลังที่น้อยกว่ามาก แต่คนจีนก็ไม่สามัคคีกัน ต่างแก่งแย่งทำลายกันเอง เห็นแก่ตัวอย่างสุดๆ แต่เพื่ออะไรหรือ เพื่อจะได้ตกเป็นทาสหรือ

พวกเขาทำเช่นนี้ทำไม

มองดู นี้เป็นเรื่องที่บัดซบที่สุดในโลก สมควรสิ้นชาตินานมาแล้ว แต่ก็ยังอยู่ และกำลังพัฒนาจะไปเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก มันย้อนแย้งกัน

ที่จริง เหตุการณ์ทำนองนี้ก็เคยมีมาแล้ว เพียงแต่ไม่ Complete แบบนี้ เช่น ในสมัยราชวงศ์เหนือใต้ ทางใต้ยังเป็นจีน ทางเหนือปกครองโดยชาวต่างชาติ หลายชาติ หลายแว่นแคว้น การปกครองดังกล่าวไม่ได้สมบูรณ์ เพราะคนจีนจากเหนือสามารถอพยพหนีลงใต้ได้ มาอยู่กับคนจีนด้วยกัน และการปกครองเหล่านี้ก็ไม่ได้เนิ่นยาวนานเหมือนสมัยชิง ที่นานถึงสองร้อยกว่าปี

แน่ละ มีคนจีนบางคนไม่ยอมชิง พวกเขาสู้จนตัวตาย บางคนก็หลบหนีไปอยู่ตามป่าเขา บางคนหนีไปบวช บางคนซ่อนตัวในที่ต่างๆ ประกอบอาชีพต่างๆ และเก็บความทระนงไว้อย่างซ่อนเร้น เสียใจ เจ็บแค้น แต่ก็ต้องทน

แต่โดยรวมพวกเขาคือคนกลุ่มน้อย คนกลุ่มใหญ่คือคนที่ยอมเป็นทาสแต่โดยดี

ที่แปลกคือ พวกเขายอมเป็นทาสอย่างกระตือรือร้น มีอะไรจูงใจพวกเขาหนอ

 

สิ่งที่เห็นได้ชัดคือระบบของชิง เป็นระบบที่สดกว่า เรียบง่าย และเป็นพลังของชาติที่เกิดใหม่ ส่วนของจีนนั้น เป็นระบบที่หมดอายุแล้ว มันฟอนเฟะ เน่าเปื่อย แต่ไม่อาจรู้สึกตัวได้ เพราะในแง่หนึ่งมันก็มีประสิทธิภาพสูง

นี้ก็น่าประหลาด เพราะชิงเมื่อยึดครองจีนได้แล้ว ก็หันมาใช้ระบบของจีน แสดงว่ามันคงมีข้อดีจริง

เพียงแต่ชิงเวลาใช้ระบบของจีน มันไปผนึกรวมกับคุณสมบัติของชนชาติใหม่ที่เพิ่งเกิด จึงแตกต่างกับราชวงศ์หมิงที่เน่าซ้อนเน่า เรียกว่ามีข้อดีเพิ่มขึ้น แต่ทว่า มันก็จริงได้แค่ระยะเวลาหนึ่ง

ไม่ช้าความหมดอายุของมันก็ตามมาหลอน

ความย้อนแย้งนี้เติบใหญ่เต็มที่ในยุคสมัยของเฉียนหลง ซึ่งเข้าสู่ครึ่งทางของชิงพอดี ด้วยเพราะยุคสมัยของเฉียนหลงยาวนานยิ่งนัก เขาปกครองจีนนานถึงหกสิบสี่ปี เป็นยุคที่ชิงยิ่งใหญ่สูงสุด มีพรมแดนใหญ่สุด

แต่ก็แสดงอาการตกต่ำชัดเจนในทุกด้าน

เขาทำสงครามตลอดหกสิบสี่ปีนี้รวมสิบครั้ง และทุกครั้ง หากนับกันจริงๆ คือแพ้

หากแต่ด้วยความเป็นมหาอำนาจ ซึ่งทำให้เขาสามารถระดมทรัพยากรของชาติ ส่งกำลังทหาร และอาวุธที่ใหญ่โตกว่ามาก เหมือนเขาเป็นมหาอำนาจที่ไปรังแกชาติเล็กๆ แม้ดำเนินยุทธวิธีผิดพลาด ทำการสงครามอย่างหละหลวม ประมาท มีแม่ทัพนายกองที่โง่เขลา อ่อนแอ แต่ท้ายที่สุด ชิงก็ยังเอาชนะสงครามเหล่านี้ได้หมด

แต่เรียกว่าได้แบบหืดขึ้นคอ หรือได้แบบต้องลงทุนมากมาย

คิดตามหลักเศรษฐศาสตร์ คือแพ้ชาติเล็กๆ เหล่านั้น แม้จะมีผู้นำที่เก่งกว่า แต่ท้ายสุดก็ต้องถอดใจ เพราะเจอชาติมหาอำนาจที่ทุ่มไม่อั้น

โดยรวมคือเฉียนหลงยังรักษาหน้าของเขาไว้ได้ แต่ความเสื่อมโทรมของชิงได้ปรากฏขึ้นชัดเจน ไม่มีฮ่องเต้ของประเทศจีนคนไหนจะโชคดีเท่าเฉียนหลงอีกแล้ว

แต่เขาก็ผลาญทรัพย์สมบัติที่บรรพบุรุษสะสมไว้จนหมด เรียกว่า เล่นจนหมดบุญ

 

มันเป็นยุคเสื่อมสุดของชิง ในเชิงความคิดด้วย เพราะแรกเริ่มชิงยังมีอาการอยากได้จีน และฮ่องเต้หลายองค์ก็ยังเต็มใจจะทำตัวเป็นฮ่องเต้ที่ดีของคนจีน

แต่ทว่า เมื่อมาถึงยุคเฉียนหลง ด้วยความยิ่งใหญ่ของชิงที่ขึ้นมาสู่จุดสูงสุด เขากลับคิดถึงแต่อาณาจักรแมนจู โดยมีจีนเป็นส่วนหนึ่ง เขาจึงทระนง เย่อหยิ่ง และยิ่งกดขี่คนจีนกว่าเดิม วันที่เขาคิดถึงแต่อาณาจักรแมนจู คือวันแรกของการตายของแมนจู

ทันใดนั้นข้อเท็จจริงอันหนึ่งก็ปรากฏขึ้น นั่นคือชาวแมนจูมีจำนวนน้อยนิด ที่วันนี้ยังอยู่ได้เพราะคนจีนยอมเป็นทาส ยังเต็มใจ กระตือรือร้นที่จะรับใช้พวกเขา ระบบนี้เองที่เป็นตัวปัญหา และมันคือระบบที่หมดอายุแล้วของคนจีนนี่เอง ที่เป็นฐานกำลังของชิง

แม้มันจะเป็นอาหารที่หมดอายุแล้ว แต่ทำไมยังกินได้ มันทำให้ร่างกายบวมฉุ ป่วยไข้ แต่นับวัน มันก็ยังโตใหญ่ กลายเป็นซอมบี้ยักษ์

 

หลังยุคของเฉียนหลง คือระยะเวลาประมาณหนึ่งร้อยปี ที่ชิงแสดงอาการป่วยไข้ของซอมบี้ และหนักหนาขึ้นเรื่อยๆ

คนจีนยิ่งมีความเป็นคนน้อยลง ดวงตายิ่งว่างเปล่า สมองยิ่งกลวงว่าง นี้คืออาการของผีดิบ หลังจากเสพอาหารซอมบี้เหล่านั้นมาช้านาน

คนจีนเป็นชาติที่ประหลาด มันเป็นยักษ์ที่มีโรคประจำตัวหลายอย่าง และแสดงอาการออกมาเป็นระยะๆ

๑๐

แต่นี้คืออาณาจักรของซอมบี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก มันมีพรมแดนกว้างใหญ่ถึง ๑๔ ล้านกว่าตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ๓๐ เท่าของประเทศไทย สมัยนั้น มีประชากรราว ๔๕๐ ล้านคน ต่อให้มันเป็นซอมบี้ มันก็ยังยิ่งใหญ่ และทำอะไรมันได้ยากมาก

นี้คือความแปลกประหลาดของมนุษย์ ที่อุดมไปด้วยเนื้อมวลของชีวิต มันค่อยๆ ตื่นขึ้นมาทีละน้อย ค่อยๆ ปรับตัวทีละนิด

ใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งร้อยปี จึงกลายมาเป็นจีนปัจจุบันนี้

 

๑๑

ทุกวันนี้ จีนที่มีเนื้อที่ราวเก้าล้านกว่าตารางกิโลเมตร หรือราว ๑๙ เท่าของประเทศไทย และมีประชากร ๑.๔ พันล้านคน มีกำลังเศรษฐกิจยิ่งใหญ่ กลับมาเป็นมหาอำนาจในโลก เหมือนการเริ่มต้นใหม่ แต่โรคประจำตัวไม่ได้หายไปไหน มันเพียงมีอาการซ่อนตัว หลบมุม

๑๒

ชิงนั้นร้ายกาจ หลักแหลม มันมีกฎเหล็กที่ว่า ผู้ชายต้องทำตาม ผู้หญิงยกเว้น หมายถึงการไว้ผมเปีย ผู้ชายจีนทุกคนต้องไว้ผมเปีย หากใครขัดขืน ก็ต้องถูกตัดหัว แต่ผู้หญิงไม่ต้อง เขาทำเช่นนี้เพื่อกดจิตของคนจีนให้ตกเป็นทาส เป็นบททดสอบ คนที่จิตใจไม่ยอมไว้ผมเปีย แสดงว่าเป็นคนมีศักดิ์ศรี คนแบบนี้ก็ไม่เอาไว้ ต้องฆ่าให้หมด

สิ่งเล็กนิดเดียวนี้ จับจุดอ่อนของคนจีนไว้ได้พอดี ชิงรู้วิธีการเลือกคนจีนที่มีจิตใจเป็นทาส เลือกได้มากมาย เหลือเฟือในการใช้สอย คนที่มีจิตใจอิสระ ฆ่าทิ้งให้หมด ไม่เก็บไว้ให้เสียข้าวสุก

หากเป็นนักวิทยาศาสตร์ ชิงชาญฉลาดยิ่งนักในการคัดสรร

 

๑๓

ชิงมีกฎอีกว่า คนเป็นต้องทำตาม คนตายยกเว้น หมายถึงคนจีนที่ยังมีชีวิตต้องทำตัวตามกฎของชิง แต่เมื่อตายแล้ว เขากลับปล่อย อยากทำอะไรก็ทำ อยากตัดผมก็ได้ อยากทำศพแบบดั้งเดิมอย่างไรก็เชิญ พวกเขาไม่สนใจ การปล่อยวางเช่นนี้ เพราะชิงกลัวคนเป็น ไม่กลัวคนตาย

๑๔

ในบรรดาคนต่างชาติที่มายึดครองเมืองจีน มีชาวแมนจูนี่แหละที่ Paradox สูงสุด ด้วยเพราะโดยอุดมคติของพวกเขา คือต้องการเอาคนจีนเป็นข้าทาส สิ่งใดจะร่ำรวยยิ่งกว่าได้คนจีนมาเป็นทาส แต่ชาวจีนมีจำนวนมหาศาล และมีอารยธรรมที่สูงกว่า หากพวกเขาทำตัวเหมือนคนต่างชาติอื่นๆ ที่ยอมให้อารยธรรมจีนย่อยสลายแต่โดยดี ในช่วงเวลาอันสั้น พวกเขาก็กลายเป็นคนจีน ความขัดแย้งก็ไม่มี แต่เพราะพวกเขามีความทรนงในชาติตระกูลของตน ไม่กล้าทรยศต่อบรรพบุรุษ จึงพยายามคงความเป็นแมนจูเอาไว้

แต่ทว่า พวกเขาหลีกเลี่ยงอารยธรรมของคนจีนไม่ได้ เรียกว่ากลืนไม่เข้า คายไม่ออก จึงต้องย้อนแย้งไปมาอยู่อย่างนี้ ยาวนานนับร้อยปี แต่มันก็สร้างรอยบาปไว้ด้วยในเวลาเดียวกัน ในบรรดาคนต่างชาติที่มายึดครองเมืองจีน ชาวแมนจูนี้สร้างรอยแผลที่ลึกที่สุด

และท้ายสุด ชาวแมนจูก็ต้องโดนย่อยสลายแบบสิ้นเชิง วันนี้ไม่มีชาติแมนจูอีกแล้ว พวกเขาถูกดูดซึมหายไปในมวลของชาวจีน