ปรับทัพเลือกตั้งใหญ่/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

ปรับทัพเลือกตั้งใหญ่

 

“คณะกรรมการการเลือกตั้ง” หรือ “กกต.” เคาะการแบ่งเขตเลือกตั้งทั่วราชอาณาจักร และจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขต ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลายเดือน แต่ละจังหวัดพึงมีทั้ง 77 จังหวัด จากสัดส่วนเดิม การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 จำนวน 350 คน/เขต เลือกตั้งใหม่ เพิ่มเป็น 400 คน/เขต

แบ่งเป็นภาค ตามสัดส่วนดังนี้ “ภาคเหนือ” รวม 39 คน จากเดิม 33 คน “ภาคกลาง+กทม.” 122 คน เพิ่มจาก 106 คน “ภาคตะวันตก” 20 คน จาก 19 คน “ภาคตะวันออก” 29 คน จาก 26 คน “ภาคอีสาน” 132 คน จาก 116 คน “ภาคใต้” รวม 58 คน จากเดิม 50 คน

ยังไม่ทันไร สนามเลือกตั้ง “ปักษ์ใต้บ้านเรา” เกิดองศาเดือดปุด-ปุด ดุจไฟพะเนียงแตก นำร่องก่อนใครเขาเพื่อน รู้ทั้งรู้ว่า “สนามแดนสะตอสามัคคี” เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ฐานที่เข้มแข็งสุดๆ ของ “พรรคประชาธิปัตย์” ฝังรากลึกมายาวนาน

“คนใต้” รักและผูกพันกับพรรคสีฟ้า ชนิดถอนตัวไม่ได้ จนเกิดประโยคที่ว่า สนามเลือกตั้งปักษ์ใต้ไม่ว่าจังหวัดไหน ประชาธิปัตย์ส่งเสาไฟฟ้าลงชิงชัย ยังชนะลอยลำ

แต่ศึกเลือกตั้งใหญ่เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2562 “เสาไฟฟ้า” หักโค่น ล้มกระจัดกระจาย หมดรูป ผู้แทนราษฎร เขตเลือกตั้งจาก 50 เขต “ประชาธิปัตย์” ป้องกันแชมป์ไว้ได้เพียง 22 ที่นั่ง

อีก 28 เขต ถูกพรรคพลังประชารัฐ ช่วงชิงไป 14 คน “ภูมิใจไทย” คว้าพุงปลามันไปอีก 8 เสียง และ “พรรคประชาชาติ” กวาดไป 6 ที่นั่ง

ที่น่าตกตะลึง “จ.สงขลา” ที่เปรียบเสมือนเมืองหลวงประชาธิปัตย์ ถูก พปชร.ยึดหัวหาดไป 4 ภูมิใจไทยแซะไป 1 ขณะที่ประชาธิปัตย์ได้เพียง 3 ที่นั่ง หรือขนาดตรัง ถ้ำ “นายหัวชวน หลีกภัย” โดน พปชร.เจาะยางเขตที่ 1 กล่องดวงใจไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

ไม่มีสงครามไหนที่รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ยังไงก็ต้องมีสักครั้งที่ต้องลิ้มรสกับความพ่ายแพ้ “ศึกเลือกตั้ง 2562” ถือเป็นยุคตกต่ำของประชาธิปัตย์ครั้งสำคัญที่สุด ในพื้นที่ภาคใต้

เพราะก่อนหน้านี้ไม่ว่าการเลือกตั้งในยุคใด พรรคไหนเป็นแกนนำฟอร์มรัฐบาล แต่ถิ่นสะตอ ประชาธิปัตย์ยอดไม่เคยตก แตะหลัก 46-50 ที่นั่งเกือบตลอด

แต่ “สถานการณ์เลือกตั้ง 2562” เกิดจุดเปลี่ยนมนต์ที่เคยขลัง ขมังเวทย์เสื่อม ส่งผลสะเทือนค่อนข้างมากหลายประการ

นักการเมืองแถวหน้าของพรรคของจังหวัดภาคใต้ ทยอยตบเท้าลาออก เลือดสะตอไหลไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็น “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” พัทลุง “วิทยา แก้วภราดรัย” นครศรีธรรมราช “ถวิล ไพรสณฑ์-ไพร พัฒโน” ต่างพากันไขก๊อกอย่างไม่สนใจไยดี

 

“การเมืองไม่มีสิ่งแน่นอน ไม่เก่งก็ล้ม เก่งเกินไปก็ถูกล้ม” ระยะหลัง สนามเลือกตั้งปักษ์ใต้ ยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่งดุจกำแพงเมืองจีนของประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองอื่นทยอยกันฟาสต์แทร็ก แหกด่านมะขามเตี้ยเข้าไปตะลุมบอนตีฐานที่มั่นกันจ้าละหวั่นพัลเก เกือบทุกค่าย

ก่อนหน้านี้ “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” ยกทัพหลวง ทั้ง “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เลขาฯ พรรค ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ขนาบด้วย “พิพัฒน์-นาที รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและการกีฬา แม่ทัพภาคใต้ ไปเปิดตัวผู้สมัครที่เวทีศูนย์ประชุมนานาชาติ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จำนวน 7 คนจาก 9 เขต ระดมแฟนคลับมาร่วมเชียร์หน้าเวทีเกือบหมื่นคน

อีกไม่กี่วันต่อมา บุกย่านอันดามัน ยกผลงานเชิงประจักษ์ที่ภูมิใจไทยนำเสนอ เพื่อคนใต้มาอวดสรรพคุณ แบบเห็นอะไรมั้ย เห็นสร้างสะพานเชื่อม อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา ไปยัง อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ทะลุไป จ.สตูล เพิ่มระบบการขนส่งด้านคมนาคม ให้คล่องตัวในอนาคตอันไกล

เจ็บจี๊ดเข้าขั้วหัวใจ คือ อาการไร้ไมตรีของ “หมอหนู” พูดส่อเสียดเบียดตะลุง ว่า “พรรคภูมิใจไทยเรา พูดแล้วทำ” ไม่ได้โม้อมตะไปวันๆ เหมือนบางพรรค ซึ่ง “ดีแต่พูด”

“อนุทิน” ฟาดแสกหน้า จัดหนัก แม้จะไม่ได้เอ่ยนามพรรคการเมืองไหน ตามกฎหมายฟ้องร้องไม่ได้ก็จริง แต่ชาวบ้านและท่านผู้ชมพากันอ้าปากหวอ พอเดาออกบอกถูก

ยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” แค้นเคืองใคร มีหรือไม่เอากลับ เลยมาถองคืน ฟาดกลับ ด้วย พ.ร.บ.กัญชา-กัญชง

คล้อยหลังทัพ “ภูมิใจไทย” ลงไปกวนปีกเล็กน้อย “พรรคสร้างอนาคตไทย” ที่มี “เฮียกวง-สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เป็นประธานใหญ่ ก็ยกพลไปตีป้อมค่ายสนามปักษ์ใต้ ไปกันคณะใหญ่ทั้ง “อุตตม สาวนายน” หัวหน้าพรรค “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เลขาฯ “นิพิฏฐ์” แม่ทัพภาคใต้ เปิดเวทีเขย่าขวดประชาธิปัตย์ที่ จ.ภูเก็ต

ต่อด้วย “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ที่ว่ากันว่า เป็นพรรคที่ตั้งไว้รองรับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ในอนาคต ก็ยังประเมินสถานการณ์ว่า สนามภาคใต้ไม่ใช่ของตายประชาธิปัตย์อีกต่อไป ประกาศศักดา จะปักธงที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี 4 ที่นั่งเป็นอย่างน้อย

หลังจาก “นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว” นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี นำสมาชิกกว่า 20 เขต จำนวน 40 กว่าคน มาคารวะถึงถ้ำที่ซอยอารีย์ 5 เป็นการเปิดตัวงานการเมืองครั้งสำคัญของรวมไทยสร้างชาติ ที่มี “นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” เป็นหัวหน้าพรรคเลยก็ว่าได้

ขณะที่ประชาธิปัตย์ชั่วโมงนี้ ในสนามปักษ์ใต้ ก็ปรับทัพ จัดแถวผู้สมัครเกือบจะครบทุกเขต ทั้ง 14 จังหวัด ไม่เพียงแต่มี “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” เป็นหัวหน้าพรรค หากแต่ยังมี “นายหัวชวน หลีกภัย” ร่วมเป็นที่ปรึกษาใหญ่ ยังเป็นเครื่องหมายการค้าเชิงคุณภาพของด้ามขวานทองอยู่

ประชาธิปัตย์หมายมั่นปั้นมือจะทวงบัลลังก์จ่าฝูงสนามปักษ์ใต้กลับคืนมาให้ได้ ตั้งธงไว้เบื้องต้น 45 ที่นั่ง จาก 58 เขต วางตัวเลขในใจ “พึงได้” จากทุกจังหวัดไว้เรียบร้อย

ขณะเดียวกันภาพรวมใหญ่ คือ เลือกตั้งทั่วประเทศ “ประชาธิปัตย์” เสริมใยเหล็ก ได้ของดี มีชื่อเสียงมาเสริมแกร่งแล้วหลายคนเช่นเดียวกัน

เป็นต้นว่าในภาคอีสาน “ไชยยศ จิรเมธากร” ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่เพิ่งเลื่อนลำดับขึ้นมาใหม่ อดีตผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี 5 สมัย มาเป็นรองหัวหน้าพรรค คุมทัพอีสานในสมัยหน้า

ล่าสุดได้ของดีมีคุณภาพระดับ “มาดามเดียร์-วทันยา บุนนาค” อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้ากลุ่มดาวฤกษ์ จาก พปชร.มาเติมเต็ม สวมที่ชำรุด หายไป ได้สมดุล มีจุดลงตัวที่ดีให้กับพรรคได้อีกราย

“ประชาธิปัตย์” ในภาคใต้-กทม.-อีสาน ต้องดีกว่าเลือกตั้ง 2562 แน่นอน