‘นอกถนน’ / หลังเลนส์ในดงลึก : ปริญญากร วรวรรณ

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ

หลังเลนส์ในดงลึก

ปริญญากร วรวรรณ

 

‘นอกถนน’

 

ถึงแม้ว่าโดยอาชีพจะทำให้ผมต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ “นอกถนน” ซึ่งในที่นี้หมายถึง การสัญจรอยู่บนหนทางค่อนข้างกันดาร หล่มโคลนลื่นไถล หรือรกทึบ ทั้งโดยพาหนะ และการเดินเท้า แต่ผมก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยกับการใช้ชีวิตอยู่บนถนนราบเรียบ บนเส้นทางที่นำผมไปสู่ป่าอันเป็นที่ทำงาน

ผมขับรถเดินทางมากจนกระทั่งคิดว่า นอกจากงานที่ทำอยู่ งานขับรถบรรทุก หรือรถโดยสาร นี่น่าจะเป็นอีกงานที่ทำได้ดี

ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรที่ผมจะขับรถพันกว่ากิโลเมตรบนเส้นทางเดิมๆ ทำกิจวัตรซ้ำๆ โดยไม่รู้ตัว เช่น แวะปั๊มน้ำมันเดิมทุกครั้ง เข้าห้องน้ำ กินข้าวแกงร้านประจำ อะไรทำนองนี้

หากนึกอยากสนุก คือการลุ้นว่าจะถึงปั๊มประจำหรือไม่ตอนที่ไฟเตือนแสดงให้เห็นแล้ว

ผมคงเหมือนกับคนขับสิบล้อหรือรถโดยสารที่ใช้เส้นทางซ้ำๆ จนรู้ว่าช่วงไหนช่องทางบริเวณใดขรุขระ มีหลุมต้องหลบไปซ้ายหรือขวา

ส่วนจุดใดมีตำรวจ หรือด่านตรวจ บรรดารถที่วิ่งสวนมามักส่งสัญญาณเตือน

ปกติผมจะขับรถรวดเดียวจนถึงจุดหมาย นอกจากง่วงและเพลียมากๆ จึงจะจอดนอนในปั๊ม

บนเส้นทางสายหลักๆ ทุกวันนี้ มีปั๊มที่มีทุกอย่างครบวงจร โดยเฉพาะห้องน้ำ ที่ราวจะแข่งขันกัน ทั้งเรื่องความสวยและความสะอาด

 

ผมเป็นคนที่เคารพกฎจราจรแบบเคร่งครัด ไม่ใช้ความเร็วเกินกำหนด ปฏิบัติตามป้ายเตือน ช่องทางขวามีไว้เพื่อแซง

บนทางคดโค้งบนภูเขา ผมไม่ละเลยกับป้ายเตือน ผมเชื่อว่า คนทำทางรู้ดีว่าช่วงไหนอันตราย

เมื่อปฏิบัติเช่นนี้ ผมจึงได้รับรู้ว่า มีคนไม่มากเลยที่จะปฏิบัติเช่นนี้ ผมไม่แน่ใจนักว่า เป็นเพราะสมรรถนะของรถปัจจุบันดีขึ้น ถนนหนทางราบเรียบกว้างขวางหรืออย่างไร

ใช่ว่าผมจะเป็นคนยึดถือกฎระเบียบอะไรนัก เพียงเชื่อว่า กฎจราจรคือพื้นฐานสำคัญง่ายๆ ของคนซึ่งต้องใช้เส้นทางร่วมกัน

ถึงที่สุด ผมก็รับรู้ว่า อาจไม่ใช่กฎจราจรหรือป้ายเตือนต่างๆ หรอกที่ผมเคารพ

สิ่งที่ “เคารพ” จริงๆ คือ คนที่กำลังใช้ถนนร่วมกัน

 

การใช้เส้นทางสายหลัก ครั้งที่ถนนยังไม่ราบเรียบกว้างขวาง สี่เลน แปดเลน ผมพบกับมารยาทดีๆ ของคนขับรถบรรทุก

รถพ่วงพวกเขาจะส่งสัญญาณให้รู้ว่า สภาพข้างหน้าเป็นอย่างไร แซงได้หรือไม่

และจะส่งสัญญาณให้แซงเมื่อปลอดภัย และเมื่อเราเปิดไฟขอเข้าเส้นทางเมื่อแซงมาแล้วเขาจะกะพริบไฟตอบรับ

มารยาทดีๆ สร้างความปลอดภัยให้รถเล็กเพื่อนร่วมทาง

บนถนน เคยมี “น้ำใจ” ที่หาได้ไม่ยาก

และหายไปเมื่อถนนราบเรียบกว้างขวาง

 

ผมชอบขับรถ เรียกว่ารักก็ว่าได้ ผมมักไม่เป็นผู้โดยสาร แม้จะเดินทางร่วมกับคนอื่นๆ เพราะหากนั่งเฉยๆ จะรู้สึกเมื่อยมากกว่า

มีหลายคนแอบบ่นว่าอึดอัด หากเขาต้องโดยสารรถที่ผมขับ นอกจากช้าแล้วยังไม่ยอมแซงขึ้นหน้ารถบรรทุกในช่วงที่ถนนว่างๆ เพียงเพราะบนถนนเป็นเส้นทึบ

ผมมีโอกาสนั่งรถคนอื่นบ้างหลายครั้งซึ่งตัองนั่งอยู่บนรถเร็วๆ จี้ท้ายคันหน้า รวมทั้งแห้งแล้งน้ำใจ ในสภาพเช่นนี้ ผมจะเลี่ยงการนั่งรถโดยผู้นั้นขับอีก

ผมเชื่อมั่นจริงๆ ว่า การขับรถให้ดี ยากยิ่งกว่าขับรถเร็ว

ช้างป่า – ในสังคมของช้างนั้น ทุกตัวเคร่งครัดกับการรักษากฏในการอยู่ร่วมกัน

การใช้ถนนของผมนั้น ก็เพื่อการเดินทางไป “โรงเรียน” ไปพบกับสังคมสัตว์ป่า ในสังคมนั้นผมพบว่า สัตว์ป่ามีกฎระเบียบในการอยู่ร่วมกัน และใช้อย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน หรือต่างเผ่าพันธุ์

การปะทะกันด้วยกำลังด้วยคมเขี้ยว เป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกมันเลือกทำ ก่อนหน้านั้นจะมีการเตือน มีการประกาศอาณาเขต ไม่รุกล้ำกัน

เสือล่าเหยื่อมาได้ ดูเหมือนว่าจะไม่แบ่งปันใครๆ แต่ใช่ว่าสัตว์อื่นๆ จะไม่ได้รับประโยชน์จากเหยื่อนั่น ตั้งแต่สัตว์กินซาก หมี, เหี้ย, นก, แมลง เม่นที่จะมาแทะกระดูก เมื่อสัตว์ตัวหนึ่งตายเพราะคมเขี้ยว ไม่ผิดนักหากจะพูดว่า เป็นเวลาเริ่มต้นงานเลี้ยง

ในการเข้ากินซาก สัตว์ทุกตัวรู้ดีว่า ต้องให้เจ้าของซาก รวมทั้งผู้อาวุโสกว่ากินก่อน

สังคมในป่าเป็นเช่นนี้มาเนิ่นนาน ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร กฎในการอยู่ร่วมกันของพวกมันคงเดิม

 

ถึงวันนี้ ผมบอกใครๆ เสมอว่า ความยุ่งยากและอันตรายอย่างยิ่งประการหนึ่งที่พบในการทำงานคือ ช่วงเวลาเดินทางอยู่บนถนน

ไม่มีถนนสายเปลี่ยวอีกต่อไป มีรถคับคั่ง ในจำนวนนั้นมีไม่มากนักที่เคารพกฎจราจร และมีสิ่งที่เรียกว่าน้ำใจ

ผมใช้ถนนมานานและยังคงอยู่บนถนนเส้นเดิม ใช้ชีวิตไปตามปกติ เคารพกฎจราจรไม่ว่าถนนและคนบนถนนจะเป็นเช่นไร

พยายามรักษากฎในการเดินทาง รวมทั้งเคารพผู้อื่นอย่างเคร่งครัด

เป็นสิ่งเดียวกับที่ “สัตว์” ในป่าเลือกกระทำ

เป็นนิสัยของชีวิตที่อยู่ “นอกถนน” •