ฟ้า พูลวรลักษณ์ : ความประหลาดจาก อเมริกา – เกาหลีเหนือ – เกาหลีใต้

ฟ้า พูลวรลักษณ์
FILE PHOTO: North Korea's leader Kim Jong Un watches a military drill marking the 85th anniversary of the establishment of the Korean People's Army (KPA) in this handout photo by North Korea's Korean Central News Agency (KCNA) made available on April 26, 2017. KCNA/Handout via REUTERS/File Photo ATTENTION EDITORS - THIS IMAGE WAS PROVIDED BY A THIRD PARTY. REUTERS IS UNABLE TO INDEPENDENTLY VERIFY THIS IMAGE. NO THIRD PARTY SALES. SOUTH KOREA OUT

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๙๑)

ฉันเป็นคนให้ความสำคัญกับตัวตน

ฉันมักคิดว่าอะไรคือตัวตน ก่อนจะคิดถึงถูกผิด ก่อนจะมาถึงเหตุผล

มีผู้หญิงคนหนึ่ง เขาให้นมลูก แม้วันนี้ลูกรักจะอายุสี่ขวบ มิไยว่าหมอจะห้ามเธออย่างไร มิไยว่าคนรอบข้างจะเตือนเธอ ว่ามันผิดธรรมชาติ ไม่ควรทำ

แต่เธอก็ทำ

เธอไม่ใช่คนโง่เขลา แต่นี่เป็นเรื่องของตัวตน มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอกับลูกรัก มันเป็นกามารมณ์ กามารมณ์ไม่ใช่เป็นเพียงแค่เรื่องของการร่วมเพศ แต่มันคืออรรถรสทางกายและใจบางอย่าง เธอคงติดใจในรสชาติที่ลูกรักของเธอดูดนมเธอ ส่วนเด็กก็เช่นกัน ติดในรสของการดูดนมแม่

บังเอิญเธอมีลูกคนที่สองในเวลาไล่เลี่ยกับการมีคนแรก บวกกับธรรมชาติที่เธอมีน้ำนมมาก ทำให้เธอมีนมเหลือเฟือให้ลูกคนแรกดูดนมทุกวัน จนวันที่เขาอายุสี่ขวบ จนวันที่เขาเข้าโรงเรียนอนุบาล

เธอคงให้จนกว่านมหมด ซึ่งวันนั้นก็ต้องมาถึง แต่ปัญหาคือ บางสิ่งบางอย่างที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก เราไม่รู้ว่ามันคืออะไร อาจเป็นบวกหรือเป็นลบ

ฉันบอกว่าไม่รู้ เพราะนี่เป็นเรื่องส่วนตัว

อาจเป็นบวก เช่นเด็กคนนี้ ซึ่งมีความอ่อนไหวเป็นพิเศษ อาจกลายเป็นศิลปิน กลายเป็นนักคิด หรือกลายเป็นคนมีเมตตาสูงก็ได้ หรือกลายเป็นคนมีปมด้อย กลายเป็นคนโรคจิต

กาลเวลาจะพิสูจน์

วันนี้ เด็กคนนี้ก็พบตัวเอง ว่าแตกต่างจากเด็กอื่น เขาลุ่มหลงในเต้านมกว่าเด็กอื่น บางครั้ง เขาเอามือไปจับเต้านมคนอื่น เวลาไปโรงเรียน ก็ไม่สนุก เพราะห่างแม่ อยากกลับบ้าน และจะพบว่าเขาไม่เหมือนเพื่อนๆ ที่วันนี้ไม่ได้ดูดนมแม่แล้ว มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น เขาเริ่มแตกแยกกับเพื่อนในห้อง เขาจะพิศวง งงงวย เพราะเขายังเด็ก เขาเกิดปมขึ้นมาในจิต เพียงแต่ไม่รู้ว่ามันจะกลายเป็นปมเด่นหรือปมด้อย เขาจะร้องไห้เวลานั่งโต๊ะกินอาหารกลางวัน ในขณะที่เด็กอื่นพร้อมจะทานอาหาร เขาต้องการดูดนมแม่

ผู้หญิงคนนี้เสี่ยงมากที่ทำเช่นนี้ เธอทำเพราะความต้องการภายในมันเรียกร้อง ยากที่เธอจะฝืนได้

เธอรู้ตัวว่าสังคมไม่เห็นด้วย รู้สึกผิด และอาย สังเกตได้จากการที่เธอไม่กล้าบอกครู หลายครั้งที่เธอต้องแอบให้นมลูก แต่เธอจะให้แน่ เพราะมันเป็นความต้องการลึกๆ ของตัวเองกับของลูกรัก

ฉันรู้จักผู้หญิงคนนี้ แต่ก็ไม่กล้าเตือน เพราะรู้ว่าเธอไม่ฟังฉันแน่ พูดไปก็เปล่าประโยชน์ อย่าว่าแต่ฉันที่ห่างออกเลย แม้แต่พ่อแม่ พี่น้องที่ใกล้ชิดเธอ เธอก็ไม่เชื่อ

ฉันคิดว่า เด็กคนนี้จุติในครรภ์ของเธอ และอยู่ในครรภ์ของเธอนานเก้าเดือน และเธอก็เลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดนานถึงสี่ปี มันเป็นความสัมพันธ์ล้ำลึก เกินกว่าคนนอกจะแทรกแซงได้ คงมีแต่พ่อของเด็กที่มีสิทธิออกความเห็น หากเขาเงียบเฉย คนอื่นก็ได้แต่เป็นผู้ดู มันคลี่คลายเหมือนบทละคร อีกไม่นาน องค์ต่อไปก็จะปรากฏ

สายสะดือเด็กได้ถูกตัดนานมาแล้ว แต่สายสะดือนามธรรมบางอย่างยังคงอยู่ มันเร้นลับ แต่มันอยู่ตรงนั้น ภาษาพระเรียกวิบากกรรม ฉันไม่รู้จะเรียกอะไร แต่ฉันรู้ว่ามันจริง และฉันเรียกมันว่าตัวตน

ผู้หญิงคนหนึ่งอายุสี่สิบกว่า กับพ่อของเธอ มีความผูกพันกันลึกซึ้ง วันหนึ่งพวกเขาทำเรื่องราวบางอย่าง ที่ฉันไม่เห็นด้วย แต่ฉันก็ไม่กล้าขวาง เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของพ่อลูก มีสายสะดือที่มองไม่เห็นเชื่อมโยงพวกเขาอยู่

ฉันไม่แน่ใจว่า การเข้าไปขวาง จะเป็นบวกหรือลบ

การไปเหยียบถูกสายสะดือเส้นนี้ ใครจะได้รับบาดเจ็บ

ฉันได้แต่มอง

ฉันปล่อยวางเหตุผล และปล่อยวางเรื่องถูกผิด เพราะตัวตนลึกซึ้งกว่า จริงกว่า

คงมีแต่พระผู้มีศีลบริสุทธิ์ ที่ปลอดจากสายสะดือเหล่านี้

แต่แปลกที่ฉันทำใจได้โดยสงบ เหมือนฉันเป็นคนเจียมตัวอย่างที่สุด

ความน่าคิดอยู่ที่ สังคมที่เราอยู่นี้ สายสะดือที่มองไม่เห็นนี้ยั้วเยี้ยไปหมด มันไขว้สลับไปมา มนุษย์ทุกคน ทุกสถาบัน ทุกองค์กร มีสายสะดือเหล่านี้ เกาะกันเป็นกลุ่ม เป็นพวง

หากเราจะมองประเทศไทย เราต้องมองตัวตนของมัน มันจริงกว่า ที่จะมองด้วยเหตุผล มองด้วยความถูกผิด

และสายสะดือเหล่านี้ อันตรายยิ่งนัก เราอาจเหยียบถูกมันเมื่อไหร่ก็ได้ อาจถูกมันพันคอเข้าก็ได้ หากโชคร้าย ก็ถึงตาย

ใครจะคิดว่าฉันอยู่ในโลกที่เป็นตำบลกระสุนตก

เพียงแค่มองสามประเทศต่อไปนี้

๑ อเมริกา

๒ เกาหลีเหนือ

๓ เกาหลีใต้

เราจะเห็นภาพประหลาด ซึ่งอธิบายไม่ได้ด้วยเหตุผล

มีชาวอเมริกันหลายสิบล้านคน สนับสนุนทรัมป์ ซึ่งกำลังนำพาพวกเขาไปสู่สงครามกลางเมืองหรือสงครามโลก แต่คนเหล่านี้ก็ยังเบิกบานใจ ยังเหนียวแน่น ไม่เปลี่ยนใจ แต่ไม่ใช่เพราะพวกเขาต้องการสงครามกลางเมืองหรือสงครามโลก มันเป็นอะไรบางอย่างที่ดึงพวกเขา เป็นเชือกเส้นใหญ่ เป็นอาการเหมือนภูมิแพ้ ที่ลามไปทั่วร่าง มันแรงระดับเผ่าพันธุ์มนุษย์ เพราะมันลามไปอีกหลายประเทศ

ในเกาหลีเหนือ ผู้คนยิ้มแป้น แสนสุขในแสนยานุภาพทางการทหารของตัวเอง โดยไม่ยอมคิดไกลไปอีกนิด ว่าอาวุธเหล่านี้หากใช้แล้วจะนำพาอะไรมา หากสงครามเกิด จะมีผลอย่างไร ทุกคนยิ้มปากไม่หุบ

ในเกาหลีใต้ แม้เงานิวเคลียร์จะปกคลุมอยู่บนหัว ประชากรกลับยังมีพลัง ยังสนุกสนาน เหมือนความตายไม่มีผล ช่างเหมือนนครที่เคยถูกกวาดล้างครั้งไบเบิล ที่ก่อนจะถูกกวาดล้าง ผู้คนจะเฉลิมฉลอง จัดงานปาร์ตี้กันอย่างสนุกสนาน ทำไมช่างเหมือนกันอย่างนี้

สิ่งเหล่านี้อธิบายไม่ได้ด้วยเหตุผล แต่มันไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้น หรือผิดปกติอะไร ที่จริงเกิดขึ้นรอบตัวของเราทุกวัน เพียงแต่เราต้องมองละเอียดเข้าไป เห็นตัวตนของพวกมัน เห็นสายสะดือที่พันกันยั้วเยี้ย

มันจริงกว่าจริง

จริงจนทำให้ฉันผงะ

เรากำลังเต้นรำไปสู่ความตาย

ที่แปลกคือ หากเราต้องเดินไปสู่ความตาย ทำไมเราต้องเต้นรำด้วย