ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 ตุลาคม 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | ชายตาหาข้าวเปลือก |
เผยแพร่ |
ว่าแล้วว่าต้องมีตอน 2!!!
จากครั้งที่แล้วที่เขียนเรื่องราวของมัลดีฟส์ ว่า ช่างน่าเบื่อและไม่มีอะไรให้หัวใจเต้นระรัวเลย แถมยังบอกว่าไม่คิดจะมาอีก
พอเราย้ายเกาะอยู่ปั๊บ คดีพลิกเลยค่ะ!!
เรือจากเกาะ Maafushi มารับเราด้วยราคาที่ถูกกว่าเกาะเดิมถึง 3 เท่า แค่นี้หัวใจก็เต้นแรงแล้วใช่ไหมคะ ส่วนค่าเรือที่โรงแรมเก่าชาร์จไปแล้วเขาไม่คืนค่ะ แต่ให้หักเป็นค่าทำกิจกรรมต่างๆ ในโรงแรมไป อย่างเช่น สปา เล่นเรือใบ ซื้อของจิปาถะ
ส่วนเรื่องอาหาร ตอนแรกที่คิดว่าจะต้องผอม แต่ไปๆ มาๆ พออยู่หลายวันเข้า มนุษย์เรามักจะเอาตัวรอดได้เสมอ แต่ละคนก็จะหาสิ่งที่ตัวเองชอบเจอ หรือไม่ก็เอาอันนั้นผสมอันนี้ ประกอบกับมีคนเอาน้ำจิ้มซีฟู้ดไป คราวนี้ก็รอดตายแล้วค่ะ ประกอบเมนูอาหารของตัวเองได้แล้ว
เราจากลาเกาะเก่ามาแบบไม่ไยดี เบือนหน้าสู่เกาะใหม่ทันที แต่พอใกล้ถึงเกาะใหม่ ทำไมเกาะมันดูโทรมๆ มีสิ่งก่อสร้างอยู่หน้าเกาะ เอ๊ะ! มีขยะลอยเต็มเลย
หรือจะเป็นการ “หนีเสือปะจระเข้”
พนักงานที่มารับบนฝั่งยิ้มแย้มใส่เราและดูเป็นมิตรกว่าเกาะเดิมสิบเท่า!!!!
เดินไป 20 ก้าวก็ถึงโรงแรมที่พัก เป็นโรงแรม 3 ชั้นเล็กๆ แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แถมมีร้านไอศกรีม Gelato อยู่หน้าโรงแรมเลย
วันนี้อากาศดี พวกเราไม่รอช้าที่จะถามเรื่องโปรแกรมดำน้ำ พนักงานกระตือรือร้นมาก แถมลดราคาให้เราด้วย เราจึงไม่รอช้าเก็บข้าวของ เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมลงเรือในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา
ในโปรแกรมบอกว่า เราจะได้ไปดำน้ำแบบสน็อกเกิ้ล 2 จุด และได้เล่นน้ำที่สันทรายกลางทะเลอีก 1 จุด โดยมีวิดีโอให้ดูว่าเราจะได้ไปเห็นอะไรบ้าง เป้าหมายคือ ปลากระเบนและเต่า
นั่งเรือฝ่าคลื่นแรกและมีแรงกระแทกยังพอทน แต่พอเรือจอดแล้วเตรียมตัวลงนี่ไม่ไหวจะเคลียร์ เพราะมันโคลงเคลงมาก เรียกว่าแทบจะอ้วกให้อาหารปลาเลยทีเดียว ขึ้นเรือมาทุกคนควานหายาดม บ๊วยเค็มกันเป็นแถว
พอใส่อุปกรณ์ทุกอย่างได้ ทุกคนก็กระโดดลงน้ำอย่างรวดเร็ว เขาจะมีเจ้าหน้าที่ว่ายนำเรา จะพาไปดูปลาตามที่ต่างๆ
แต่บางทีฉันก็แอบฉีกไปว่ายคนเดียวบ้าง เพราะต้องการความสงบจากตีนกบเพื่อน (ฮา)
ในที่สุดก็มีคนเห็นกระเบนสีขาวเทาอ่อนได้ มันว่ายขนานไปกับพื้นทราย ที่รู้ก็เพราะได้เห็นในวิดีโอเขา ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองหรอก
ปะการังมัลดีฟส์ไม่ได้สวยสมบูรณ์แล้วเพราะเขาโดนสึนามิ แต่ปลายังมีมากมายหลากหลาย
ย้ายไปอีกที่ยิ่งหน้าตื่นตาตื่นใจ เพราะปลาเยอะมากแถมน่ารักทั้งนั้น สีสันสดใส ฉันตื่นเต้นทุกครั้งที่เห็นปลาแปลกใหม่ ร้องให้เพื่อนมาดูตลอด ร้องทั้งๆ ที่ใส่หน้ากากนั่นแหละ น้ำทะเลเขาใสจริงๆ ปลาสีสดและเยอะมาก เหมือนแหวกว่ายในตู้ปลา ยิ่งช่วงไหนมีแดดส่องลงมายิ่งเห็นชัด
พอว่ายไปตรงน้ำลึก ก็จะเจอฝูงปลาพันธุ์เดียวกันว่ายวนเวียนอยู่รอบตัวเรามากมาย และในระหว่างที่ว่ายกันเพลินนั้น เจ้าหน้าที่ก็มาสะกิดฉันให้ดูเต่าทะเล!!!!
ในที่สุดเราก็ได้เจอกับเต่าจริงๆ ฉันตื่นเต้นมาก ว่ายขนานไปกับเต่าเลย เต่ามันก็ค่อยลอยตัวขึ้นมา ฉันอยู่เหนือมันห่างไม่เกิน 2 เมตร ฉันโผล่ขึ้นจะบอกเพื่อนๆ ให้มาดูด้วยความตื่นเต้น
แต่รอบๆ ฉันมีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นกำลังดำน้ำอยู่เหมือนกัน พอผู้หญิงญี่ปุ่นคนหนึ่งเห็นเต่า เขาว่ายน้ำแทรกฉันลงไปอย่างรวดเร็ว เอามือไปจับหลังเต่า เต่ามันเลยตกใจว่ายดำลงลึกไปเลย เพื่อนหลายคนเลยเห็นมันไม่ชัด
ไม่รู้นางทำไปเพื่ออะไร จับเต่าแล้วโชคดีหรืออย่างไร แต่มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเลย
พอดำครบ 2 ที่ ก็ไปที่สันทรายกลางทะเล คือมันเป็นเกาะทรายเล็กๆ ล้อมรอบไปด้วยทะเลทั้งหมด น้ำทะเลจะซัดเข้าหาเราจากด้านซ้ายและขวา
นี่เป็นน้ำทะเลที่ใสที่สุดที่เคยเห็นมา แถมน้ำยังอุ่นๆ ไม่หนาวมาก เพื่อนที่ลืมตาในน้ำได้บอกน้ำไม่แสบตาเลย พวกเราถ่ายรูปเล่น แหวกว่ายในน้ำทะเลกันอย่างสนุกสนาน จนได้เวลากลับ
กลับไปเกาะที่ให้เรารู้อีกว่า คนบนเกาะนี้น่ารักมาก มีอัธยาศัยดี แม้จะไม่ได้มีร้านรวงที่เก๋ไก๋ หรือโรงแรมที่สวยงามมากนัก แต่ก็ทำให้พวกเราประทับใจได้มากทีเดียว ที่สำคัญไม่แพงเลย
พอขึ้นเครื่องกลับเจอคนรู้จักมาเที่ยวมัลดีฟส์เหมือนกัน แต่เขาไปพักอีกเกาะ ราคาแพงกว่าเรา 3 เท่า แต่เขาเล่าว่าบริการดีมาก แทบอุ้มเข้าห้อง อาหารเยอะมาก อร่อยด้วย
เรามองหน้ากัน แล้วสรุปได้ว่า “จ่ายเท่าไหร่ก็ได้ตามราคา”
จบนะ!!!