หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๔๑)/บทความพิเศษ ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ

ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๔๑)

 

โลกเราทุกวันนี้แปรเปลี่ยนมากมิติ แม้แต่คาร์ล มาร์กซ์ ก็มองไม่เห็น เขาไม่มีทางมองเห็นโลกวันนี้ มองเห็น YouTube หรือ Google มันเป็นตัวเปลี่ยนเกม ชนชั้นมีอยู่จริง แต่ทางไปมีมากกว่าหนึ่ง

ลัทธิคอมมิวนิสต์ไม่ใช่ความฝัน แต่มันเป็นทางเลือกหนึ่งในหลาย และเพิ่งจะก่อรูปเป็นความจริงในสมัย ร.๖ ก่อนหน้านั้น มีเพียงประกายแห่งความฝัน เราคิดไม่ออกหรอก เหมือนที่เราคิดไม่ออกหรอกว่าจักรวาลนี้หน้าตาเป็นอย่างไร ทั้งที่มันมีหน้าตา

ฉันลองเดินทางกลับไปในอดีต ลองเดินกลับเข้าไปในโรงเรียนมัธยมของฉัน เพียงแต่ฉันโกงเวลา ด้วยการพกเอา Google ไปกับฉัน เพียงแค่นั้น โลกก็เปลี่ยนไปเลย ฉันกลายเป็นชีวิตกายสิทธิ์ ที่ทรงฤทธิ์ด้วยความว่องไว ความรอบรู้ มีอย่างมหาศาล ในทุกเรื่องที่ฉันคิด หรือพูดคุย

มันว่องไวเพราะเป็นดาวเทียม

 

ชนชั้นมีมาช้านานแล้ว เรียกได้ว่า มีมาพร้อมกับการมีมนุษย์ แต่ทว่าความคิดเกี่ยวกับชนชั้นเพิ่งจะมีในสมัยของคาร์ล มาร์กซ์ (1818-1883)

เขาเป็นนักคิดที่ยิ่งใหญ่ ทำให้คนชนชั้นเดิมนอนไม่หลับเลยทีเดียว ฉันสังเกตว่ายากจะหาใครไปเถียงเอาชนะเขาได้ เพราะความคิดของเขาล้ำยุค แต่มันจริงแค่ไหน อันนี้เป็นปริศนา คู่ปรับของเขา คือกาลเวลา

ในแง่หนึ่ง เขาเป็นจอมโกหกตัวยง เป็นสุดยอดของผู้ก่อความเท็จ ด้วยเพราะสิ่งที่เขาพูด จริงเกือบหมด และแยบยล หากแต่ทว่า มันใช้ไม่ได้เลย หากเราจะปฏิบัติ เกิดอะไรขึ้นหนอ

หากฉันมี Quantum ยิ่งน่าคิดใหญ่ ทุกวันนี้ ชาติที่กระตือรือร้นอย่างที่สุดในการพัฒนา Quantum Computer คือชาติจีน อาจเพราะนี่เป็นชาติใหญ่ ที่ต้องการก้าวกระโดด และคอมพิวเตอร์ควอนตัมจีนชื่อ จิ่วจาง สามารถตรวจจับโฟตอนหรืออนุภาคของแสงได้สูงสุดถึง ๗๖ โฟตอน นี้คือก้าวแรกของการเข้าไปสู่ Quantum Advantage ซึ่งเป็นความเร็วอันน่าทึ่งในการประมวลผล

มันเร็วกว่า Supercomputer ที่เร็วที่สุดในโลก ณ ปัจจุบันถึง ๑๐๐ ล้านล้านเท่า และเร็วกว่า Quantum Computer ของ Google ถึง ๑ หมื่นล้านเท่า

หรือเทียบได้ว่า จิ่วจางสามารถประมวลผลข้อมูลที่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ปัจจุบันต้องใช้เวลา ๒,๕๐๐ ล้านปี เหลือเพียงไม่กี่นาที

หรือควอนตัมคอมพิวเตอร์ของกูเกิลประมวลผลข้อมูลใช้เวลา หนึ่งหมื่นปี จิ่วจางใช้เวลาเพียง ๓ วัน

แต่มันน่าสะพรึงกลัวมาก ด้วยเพราะตัวมันไม่อาจอยู่ได้โดดๆ มันต้องอิงอาศัย การเมือง การทหาร เศรษฐกิจ มาประคอง หากคุณเร็วขนาดนั้น แต่อย่างอื่นย้อนหลังหลายพันปี จะเกิดภัยพิบัติ มันแตกร้าว เป็นกระเปาะ แตกหักยับเยิน ในหลายมิติ

 

เราจะเถียงกันทำไม ในเมื่อมีสิ่งอื่นที่เหนือล้ำกว่า แทรกเข้ามา ที่จริงก็เหมือนสุภาษิตโบราณ ตาอินกับตานา เถียงกันแทบตาย ตาอยู่ก็แทรกเข้ามา คว้าพุงปลาไปกิน

เรากำลังคุยกันอยู่ แต่มีมือที่สาม มือที่มองไม่เห็น มือที่ล้ำลึกกว่า

ทุกชีวิตจะต้องมี

ผู้คอยตามล่าตัวเรา

ผู้แข่งขันกับเรา

ปรสิตในตัวเรา

ทุกหนึ่งชีวิตที่อุบัติขึ้น จะต้องมีสิ่งเหล่านี้ตามมา

๑๐

ดูเหมือนมนุษย์จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นยกเว้น เพราะเราได้พัฒนาจนสิ่งเหล่านี้หายไป หรือปรับตัว จนไม่ใช่ปัญหาใหญ่

๑๑

ผู้ล่าเรา ได้ลดน้อยลง จนเกือบไม่มีแล้วในโลก

สิ่งมีชีวิตอื่นใดที่จะแข่งขันกับมนุษย์บนโลก ก็หามีไม่

มีแต่ปรสิตที่ยังมีอยู่

ปรสิตพวกนี้ อายุยืนกว่ามนุษย์ ด้วยเพราะตราบใดที่มีมนุษย์ พวกมันก็ยังมีอยู่ แต่ทว่า แม้มนุษย์คนสุดท้ายตายแล้ว มันก็ยังดำรงอยู่ได้ เพียงแต่ปรับตัว หาที่อยู่ใหม่

ปรสิตของมนุษย์ จึงร้ายกาจกว่ามนุษย์

 

๑๒

ถ้าเรามองอวกาศตามความเป็นจริง อวกาศเป็นสถานที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดจะอยู่ได้

อวกาศเป็นที่สุดแห่งอันตรายและความสงบนิ่ง

มันเงียบ

แต่แปลกที่ว่าจิตมนุษย์นี้เหมือนอวกาศ มันไม่มีฤดูกาล ไม่มีวัยชราหรือวัยเด็ก ที่จริงแล้ว มันเป็นนิรันดร์กาล

๑๓

แต่อวกาศเป็นพรมแดนอันกว้างใหญ่ ที่มนุษย์จะต้องศึกษา และการศึกษานั้น ย้อนกลับมาเปลี่ยนตัวมนุษย์ ในทุกทาง

๑๔

อาจมีวันหนึ่งมนุษย์มีพัฒนาการสูงสุด เราสร้างยานอวกาศจิ๋ว เล็กเท่า Thumb Drive ภายในมีมนุษย์เหมือนจริง จำนวนนับไม่ถ้วน

ยานอวกาศแบบนี้ต่างหาก ที่ราคาถูก สร้างได้ไม่สิ้นสุด และเดินทางไกลได้ เท่าที่จะไกลได้

หากมนุษย์อยากสร้างยานอวกาศจริงๆ อยากออกอวกาศจริงๆ ในที่สุดมนุษย์จะไม่เหมือนเดิม เราจะถูกบีบบังคับให้เปลี่ยนแปลง เพื่อปรับตัวให้เข้ากับพรมแดนใหม่นั้น

มนุษย์เหมือนจริงคืออะไรนะ ฉันยังไม่เข้าใจมันอย่างแท้จริงเลย แต่มันมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ

๑๕

มื่อโลกนี้ซับซ้อนขึ้น เราจึงจำเป็นต้องทำสิ่งรอบตัวให้ง่าย ไม่เช่นนั้นเราก็อยู่ไม่ได้

ในที่สุด เราก็พบว่า เราจำเป็นต้อง simplify ตัวมนุษย์เอง

วันนั้นต้องมาถึง สิ่งที่ปรากฏจะน่าตื่นตะลึง วันที่เราพบตัวเองในรูปแบบที่เรียบง่ายที่สุด

ทุกวันนี้ เราก็สัมผัสกับการ simplify ตัวมนุษย์เองบ้างแล้ว เวลาเราท่องไปในธรรมชาติ เวลาเราไปแคมปิ้ง เวลาเราต้องใช้ชีวิตนานๆ ในป่าเขา แต่วันหนึ่งเราจะเรียบง่ายกว่านั้นอีก

 

๑๖หากมีสองโลก

โลกหนึ่งมีหนังแต่ไม่มีหนังสือ

โลกหนึ่งมีหนังสือแต่ไม่มีหนัง

โลกไหนจะดีกว่ากัน

หากต้องเปรียบเทียบ หรือต่อสู้กัน ฉันคิดว่าโลกที่มีหนังสือแต่ไม่มีหนัง น่าจะเหนือกว่า มันอาจช้ากว่าเล็กน้อย แต่ลึกซึ้งกว่า ละเอียดอ่อนกว่า ดวงจิตกว้างใหญ่กว่า

มองเผินๆ เหมือนโลกที่มีหนังแต่ไม่มีหนังสือจะไวกว่า ลึกกว่า แต่ทว่า มันเป็นภาพลวงตา ความเป็นภาพลวงตานี่เองที่น่ากลัว เพราะมนุษย์จะเกิดดวงจิตที่หยาบกร้าน ก่อนจะไปไหน เลินเล่อ และประมาท

แต่ในความเป็นจริง เราอยู่ในโลกที่มีทั้งหนังและหนังสือ กระนั้นมันก็ไม่ได้เท่ากัน มนุษย์ทุกวันนี้อ่านหนังสือน้อยลงๆ หากแต่ดูหนังมากขึ้น เรียกว่า 80-90% โลกของเรานี้ กำลังกลายเป็นโลกที่มีแต่หนังไม่มีหนังสือ มันค่อยเคลื่อนขยับไปทางนั้น

ฉันรู้สึกถึงอันตราย

 

๑๗เราอาจดับก่อน ด้วยหนีไม่พ้นอันตรายนั้น ความหยาบของจิตตัวเราเอง

หากเราศึกษาประวัติศาสตร์ เราจะพบว่า มนุษย์ยังไม่เคยเจออันตรายที่แท้จริงเลย

เช่น สงครามโลกครั้งที่สอง สงครามกับพวกฟาสซิสต์ หากเราเกิดในยุคนั้น เราคงหวาดกลัว ไม่รู้ใครจะชนะ เราคงรู้สึกชีวิตมนุษย์ตกอยู่ในอันตราย

แต่นั่นเพราะเราอยูในเหตุการณ์ มองอะไรได้ไม่ชัด ไม่กว้าง นักประวัติศาสตร์มองเห็นกว้างไกลกว่านั้นมาก โอกาสชนะของฟาสซิสต์เกือบเป็นศูนย์ ด้วยพลังของฝ่ายพันธมิตรเหนือกว่ามาก คนที่รู้ดีที่สุดคือเชอร์ชิล แต่คนที่รู้ดีที่สุดนี้ ก็ยังเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น

พูดอีกทีหนึ่ง เหมือนมีดาวเคราะห์น้อยวิ่งมาเฉียดโลก แต่เฉียดสุดนี้ คือยังห่างจากโลกหลายแสนกิโลเมตร