ออลนิว ‘ยาริส เอทีฟ’ มิติใหม่อีโคคาร์ สวยสปอร์ตขึ้น-ออปชั่นเน้นๆ แน่นคัน / ยานยนต์ สุดสัปดาห์ : สันติ จิรพรพนิต

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์

สันติ จิรพรพนิต

[email protected]

 

ออลนิว ‘ยาริส เอทีฟ’ มิติใหม่อีโคคาร์

สวยสปอร์ตขึ้น-ออปชั่นเน้นๆ แน่นคัน

 

เริ่มแล้วงานคาร์โชว์ “Big Motor Sale 2022” ที่ไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 19-28 สิงหาคมนี้ ปีนี้มีรถใหม่เข้ามาประชันกันเพียบ

หนึ่งในนั้นเป็นรถเล็กอีโคคาร์ โตโยต้า “ยาริส เอทีฟ” (YARIS ATIV)

เอทีฟเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 มาแบบโมเดลเชนจ์ ถือว่าปรับเปลี่ยนไปพอสมควรทั้งภายนอก-ภายใน

เจนแรกเปิดตัวเมื่อปี 2560 สร้างปรากฏการณ์ผงาดเป็นอันดับ 1 ในตลาด Subcompact sedan ด้วยยอดขายรวม 133,000 คัน

ที่น่าสนใจคือการออกแบบต่างๆ ของเอทีฟ วิศวกรนำพฤติกรรม และความต้องการของลูกค้าชาวไทยมาเป็นพื้นฐานด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น ถือเป็นอีโคคาร์รุ่นแรกๆ ที่อัดออปชั่นไฮเทคมาล้นคัน ชนิดเพื่อนร่วมเซ็กเมนต์มองค้อน เนื่องจากตั้งราคาไม่หนีกันมาก

เรียกว่าเป็นมิติใหม่ของกลุ่มรถเล็กก็ว่าได้

โดยไทยเป็นประเทศแรกที่เปิดตัวรถรุ่นนี้

ออกแบบพัฒนาโดย “ไดฮัทสุ” บริษัทในเครือที่ชำนาญเรื่องรถเล็กเป็นพิเศษ

มองผาดๆ เรียกว่าเป็นคัมรี หรืออัลติสย่อส่วนก็ว่าได้ อันเป็นเทรนด์ในปัจจุบันที่รถแทบทุกเซ็กเมนต์ในแบรนด์เดียวกัน จะออกมาคล้ายๆ กัน

ตัวถังสไตล์ “Fastback style” เป็นที่นิยมในรถยุโรปหลายรุ่น หรูหรามากขึ้น และยังส่งผล ให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศต่ำเพียงแค่ 0.284

กระจังหน้าขนาดใหญ่สีดำเงาดูโดดเด่น รับกับไฟหน้าเรียวเล็กแบบ LED มีระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ และไฟส่องสว่างตอนกลางวันแบบ LED Light Guiding

ต่ำลงมาเป็น Vortex Generator ดีไซน์ช่องลมพิเศษ ช่วยให้รถทรงตัวนิ่งในทุกช่วงความเร็ว

ไฟเลี้ยวสีเดียวกับตัวรถ ส่วนรุ่นท็อปใช้สีดำ

หลังคาด้านท้ายลาดเอนมีเอกลักษณ์

ไฟท้ายแบบ LED Light Guiding พร้อมไฟเลี้ยว LED แบบ Sequential

ล้ออัลลอยปัดเงาสีทูโทนขนาด 16 นิ้ว

ภายในรุ่นทั่วไปเน้นโทนดำ ส่วนรุ่นท็อปใช้สีแดงดูสปอร์ตมากขึ้น

พวงมาลัย 3 ก้านหุ้มหนังนุ่มพิเศษพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น ปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ ECO / Normal / Power

มาตรวัดแบบ Digital พร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว

คอนโซลหน้าหุ้มหนังสังเคราะห์แบบ Premium Soft Touch พร้อมตกแต่งด้วยแถบสีเงินเมทัลลิก

มีไฟ Ambient Light ภายในห้องโดยสาร บริเวณคอนโซลกลาง / ด้านบน / แผงประตูด้านหน้า ปรับได้ 64 เฉดสี

ช่องปรับอากาศตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียม

ตรงกลางเป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto

ลำโพง Pioneer Premium Speaker 6 ตำแหน่ง

ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ระบบกรองฝุ่น PM2.5 พร้อมสถานะแจ้งเตือนระดับฝุ่นภายในห้องโดยสาร

เจาะช่องปรับอากาศ สำหรับผู้โดยสารตอนหลังมาให้ด้วย

ช่องต่ออุปกรณไฟฟ้า 12V บริเวณคอนโซลด้านหน้า

ช่องต่อ USB 4 ช่อง บริเวณคอนโซลด้านหน้า และด้านหลังคอนโซลกลาง

คันเกียร์ขนาดเหมาะมือมีระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB และระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ ABH

ที่วางแก้วของผู้ขับขี่แบบพับเก็บได้ วางอยู่ใกล้ช่องแอร์สำหรับคงความเย็นให้เครื่องดื่ม

เบาะนั่งมีปีกเบาะค่อนข้างใหญ่ ส่วนด้านหลังมีที่วางเท้าและเฮดรูมกำลังดี

ส่วนหนึ่งมาจากฐานล้อที่ยาวขึ้น สามารถปรับพื้นที่ในห้องโดนสารให้กว้างขวาง

ขุมพลังเครื่องยนต์ Dual VVT-iE ขนาด 1.2 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 94 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที

แม้เครื่องยนต์ไม่ได้ปรับเปลี่ยนมากนัก แต่พัฒนาให้แรงขึ้นและกระฉับกระเฉงกว่ารุ่นเก่า

ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Sequential Shift

ตามสเป๊กประหยัดน้ำมันสูง 23.3 กิโลเมตร/ลิตร

ระบบช่วงล่างด้านหน้า แม็กเฟอร์สันสตรัตพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมและคอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง

ความปลอดภัยจัดหนักล้นคัน อาทิ ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยดึงกลับอัตโนมัติ

ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งแบบผิดวิธี โดยรถจะช่วยเบรกหากการออกตัวแรงผิดปกติ

ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ All-Speed

กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor)

ส่วนระบบ ACTIVE SAFETY อื่นๆ เช่น ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 6 ตำแหน่ง, ระบบป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ฯลฯ มีมาให้ครบๆ

เรียกว่าออปชั่นใส่จัดหนักจัดเต็ม ชนิดเทียบได้กับรุ่นใหญ่อย่าง “คัมรี” ก็ว่าได้

ยาริส เอทีฟ มีให้เลือก 7 สี 4 รุ่นย่อย ราคา 539,000-689,000 บาท

ส่งท้ายกับคู่แข่งอีกรุ่น “นิสสัน อัลเมร่า” ที่ชิงจังหวะเปิดตัวรถรุ่นพิเศษก่อนหน้ายาริส เอทีฟ เพียงวันเดียว

คือรุ่น “อัลเมร่า สปอร์ตเทค-เอ็กซ์” เฉลิมฉลองอายุ 10 ปี ของอัลเมร่า

ความหมายอักษร “เอ็กซ์” (X) คือเลข “10” ของโรมันนั่นเอง

เน้นรูปโฉมสะดุดตา โฉบเฉี่ยวมากขึ้นกับกระจังหน้าสีดำเงา ไฟหน้า DTRL พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน

ล้ออัลลอย 16 นิ้วดีไซน์สปอร์ต ปลายท่อไอเสียแบบโครมเพิ่มความสปอร์ต สติ๊กเกอร์โลโก้ Sportech-X ที่ข้างประตู และบริเวณท้ายรถ

โฉบเฉี่ยวด้วยสีแบบทูโทน คือตัวถังภายนอกสีขาวสตอร์มไวต์ ตัดกับสีดำเงาที่หลังคา เสา A/B/C กระจกมองข้างและสปอยเลอร์หลัง

ภายในเบาะนั่งพรีเมียมสีดำเดินด้ายสีเบอร์กันดี “Quole Modure” ไม่สะสมความร้อน มาพร้อมโลโก้ Sportech-X ในจุดต่างๆ ภายในห้องโดยสาร เช่น เบาะหน้า ฐานคันเกียร์ พรมปูพื้น และแป้นเหยียบแบบสปอร์ต

เพิ่มไฟ Ambient Light เป็นอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ

ระบบอินโฟเทนเมนต์ Nissan Connect รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนผ่าน Android Auto และ Apple CarPlay

จอเครื่องเสียงรถยนต์ระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว และระบบเชื่อมต่อ Bluetooth, USB และ AUX-IN

ระบบนำทาง (Navigation System) ผ่าน Google Map และระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Recognition)

เครื่องยนต์ HRA0 ขนาด 1.0 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 100 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 152 นิวตัน-เมตร (Nm)

หายห่วงเรื่องความแรง

ความปลอดภัยเต็มพิกัด เด่นๆ เช่น ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ, ระบบช่วยเบรกอัจฉริยะ, ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง, ระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน ฯลฯ

“อัลเมร่า สปอร์ตเทค-เอ็กซ์” ราคา 695,000 บาท

ใครสนใจต้องรีบสักนิดเพราะเป็นรุ่นพิเศษ ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 300 คันเท่านั้น •