ฟ้า พูลวรลักษณ์ : หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (131) : ชีวิต

ฟ้า พูลวรลักษณ์

คนบางคนต้องการแต่งงาน

๒ คนบางคนไม่ต้องการแต่งงาน

ในกรณีนี้ฉันก็เห็นว่า พวกเขามีเหตุผลไปคนละแบบ

๑ คนบางคนไม่ต้องการมีลูก

๒ คนบางคนต้องการมีลูก แต่ไม่ต้องการมาก

๓ คนบางคนต้องการมีลูก เท่าที่ธรรมชาติจะให้เธอ

๔ คนบางคนต้องการมีลูกมากที่สุดเท่าที่จะมีได้ ดั่งนางพญาผึ้ง

คิดดู ก็ถูกไปคนละแบบ

๑ คนบางคนมีลูกแล้วไม่สนใจว่าพ่อของเด็กคือใคร

๒ คนบางคนมีลูกแล้วจำเป็นต้องให้เด็กรู้ว่าใครคือพ่อ

คิดถึงการมีลูก ก็เกิดความแตกต่างมากมาย

และที่ฉันพูดมาแล้วนี้ คือเพศหญิงปกติ

ยังไม่ได้คิดถึงเพศชายปกติ

ยังไม่คิดถึงรักร่วมเพศ หรือเพศที่สาม

รักร่วมเพศที่ประสบความสำเร็จ คือคู่ที่อยู่และดูแลกันไปจนตาย สมเป็นคู่ชีวิต

ในสมัยนี้ รักร่วมเพศ หากอยากมีลูกก็มีได้ ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ด้วยการขอบริจาคไข่ หรือขอบริจาคตัวอสุจิ ด้วยการอุ้มบุญ ฯลฯ

มันก็เกือบเท่าคู่ชีวิตธรรมดา

แต่แน่ละ รักร่วมเพศย่อมต้องมีอะไรบางอย่างที่คู่ชีวิตธรรมดาไม่มี ความเร้นลับของสิ่งต้องห้าม ความแปลกของสิ่งผิดธรรมชาติ ก็เพื่อมาชดเชยความงดงามของความธรรมดา

ในความเสียเปรียบ มันก็มีส่วนได้เปรียบ อยู่ที่การใช้

น้อยกว่า แต่ก็ไม่แน่ว่าจะด้อยกว่า

จะแพ้ก็เพียงคำเดียว คือคำว่า มันน่าจะดีกว่านี้

คำนี้วนเวียนอยู่ในสมองของฉัน ยังตัดไม่ขาด

งานแต่งงานของรักร่วมเพศ เป็นอีกกรณีหนึ่งที่น่าคิด เพราะฉันคิดว่า งามสมรสมีมาเพื่อพ่อแม่ของบ่าวสาว เป็นการกล่าวอำลาพ่อแม่ และเป็นการให้พวกเขามาส่งข้ามฟาก แต่กรณีนี้ ยกเว้นพ่อแม่ที่เป็นรักร่วมเพศด้วย พ่อแม่ปกติจะภาคภูมิใจแล้วหรือ พวกเขาอาจอับอาย งานนี้กลับกลายเป็นความทรมาน หรือไม่ก็แสดงว่าคู่บ่าวสาว ไม่สนใจพ่อแม่ สนใจแต่ตัวเอง

แต่ในมุมกลับ งานสมรสของรักร่วมเพศ กลับแสดงความรักของพ่อแม่ว่าสูงสุด และยอมรับได้ในทุกสิ่ง ขอให้เป็นเพียงความสุขของลูก มันกลับแสดงความใจกว้างและความยิ่งใหญ่ของพ่อแม่ เนื่องจากพ่อแม่เป็นคู่ชีวิตปกติ การยอมรับสิ่งแตกต่างได้

ต้องอาศัยใจ

ครั้นมาถึงตอนเลี้ยงลูก

๑ บางคนเลี้ยงแบบรักสูงสุด รักจนให้นมลูกจนเด็กอายุหลายขวบ ให้ดูดนมเล่น แม้จะไม่มีน้ำนม เลี้ยงจนเด็กอ่อนแอ และช่วยตัวเองไม่ได้ พร้อมจะให้ลูกตายคาอก ที่น่าพิศวงคือ ไม่มีใครว่ากล่าวหรือตักเตือนได้ เพราะอำนาจแห่งความรักเป็นใหญ่ คนที่ไม่ยอมฟังคำเตือนของใคร ฉันเรียกพวกเจ้าหญิงนิทรา เพราะชีวิตเหมือนอยู่ในความฝัน ครึ่งหลับครึ่งตื่น

๒ บางคนเลี้ยงลูกอย่างเข้มงวด เหมือนปั้นดินเหนียว อยากให้ลูกเป็นไปดั่งใจ

๓ บางคนแทบไม่เอาใจใส่ลูกเลย เลี้ยงลูกแบบไส้เดือนกิ้งกือ ทิ้งไว้บนพื้นดิน ให้พวกเขาเล่นเอง เรียนรู้เอง อาจเพราะไม่ว่าง หรือเพราะเลี้ยงไม่เป็น หรือเพราะมีหลักคิดว่า นี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเลี้ยงลูก เด็กจะได้เข้มแข็ง ช่วยตัวเองได้

๔ บางคนเลี้ยงเท่าที่ตัวเองทำได้ โดยพอประมาณ ไม่ทอดทิ้งแต่ก็ไม่กังวล

๑ บางคนแต่งงานแล้ว ก็พร้อมหย่า ถือการแต่งงานเป็นเพียงประสบการณ์หนึ่งของชีวิต

๒ บางคนแต่งงานแล้ว รักษาไว้เท่าเกียรติแห่งชีวิต

คนจัดงานใหญ่ และเชิญแขกเหรื่อมามาก หากคิดว่านี้เป็นเกียรติแห่งชีวิต ก็สมควร

แต่หากคิดว่านี้เป็นเพียงประสบการณ์ครั้งหนึ่ง กลับอันตรายอย่างยิ่ง เพราะหากมันดีดกลับ มันแรงเท่าความใหญ่ของงาน

ฉันคิดถึงการเดินทางไกล และพบว่ายิ่งการเดินทางไกล สมองอย่างเดียวไม่พอ

มันยังต้องมีอย่างอื่นด้วย เช่น ความรัก

เพราะการเดินทางไกล หากไร้รัก ในที่สุด ใจจะฝ่อ จะว้าเหว่

ยิ่งไกลเท่าไร ยิ่งว้าเหว่เท่านั้น

หากเดินทางใกล้ ยังพอได้ ใจยังทนรับได้

การเดินทางไกลต้องการใจด้วย ต้องการความอบอุ่น ต้องการมิตรภาพ

ลำพังความฉลาดอย่างเดียว ไปไกลแค่ไหน ก็คือตาย

คนมีจิตสำนึก ไม่ใช่เครื่องจักร

หากไร้ใจ มีแต่สมอง ในที่สุดสมองนั้นก็จะกลายเป็นสมองกล

ยิ่งฉันมีอายุมาก ฉันยิ่งเหมือนคนเป็นอัลไซเมอร์ ฉันจะลืมเลือนเรื่องราวมากมาย แต่ก็รู้สึกดี เหมือนฉันเป็นคนไม่ติดยึด หนังแต่ละเรื่อง ดูซ้ำได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งดูยิ่งลึกซึ้ง ยิ่งดูก็ยิ่งเห็นอะไรมากมาย ที่แปลกคือ ฉันคิดไม่ถึงว่า จะเห็นอะไรเพิ่มเติมอีก แต่แล้วก็เห็น นี้เป็นอัลไซเมอร์ชนิดไหนกัน ดีจริง มันกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ โตวันโตคืน มันเป็นส่วนกลับของอัลไซเมอร์

ลืมไปแล้ว เพื่อจะได้ดูใหม่อย่างละเอียด ในอีกหลายมุมมอง

ฉันกลับจำได้ว่า นี้ไม่ใช่มุมมองเดิม

๑ปู่ย่าตายายต้องจากเราไป

๒ พ่อแม่ต้องจากเราไป

๓ พี่น้องต้องจากเราไป

พี่น้อง บางครั้งจากเราไป ไม่ใช่เพราะตายจาก หากแต่เพราะทะเลาะกัน เกลียดกัน หรือเพราะในนั้นมีคนเสียสติ จนไม่อาจสื่อสารกันได้ ก็ถือเป็นการจากไปเช่นกัน

ในตอนเด็ก ทะเลาะกันตอนเช้า ตกบ่ายก็ลืม

แต่กาลต่อมา บางคนทะเลาะกันแล้ว ก็จำไปชั่วชีวิต นานเท่าไรก็ไม่ลืม

หากทะเลาะกัน ฉันเป็นอัลไซเมอร์ ไม่ช้าก็ลืม จำไม่ได้ว่าเราทะเลาะกันเรื่องอะไร

แต่หากมีคนเสียสติ ฉันก็ฝ่าด่านนี้ไม่พ้น คนคุยไม่รู้เรื่อง พยายามเท่าไรก็คุยไม่รู้เรื่องเท่าเดิม ท้ายสุดก็ต้องเดินออกมา

จำได้แต่ใบหน้า กิริยาท่าทางของเขาหรือเธอในอดีต

๑๐

ฉันพยายามจำกัดเรื่องเฉพาะในหนึ่งครอบครัว แต่มันก็ยังยั้วเยี้ยไปหมด เหมือนฝูงลูกเต่านับหมื่นนับแสน วิ่งลงทะเล เหมือนลูกงูยั้วเยี้ย นับพันนับหมื่น ว่ายน้ำอยู่ในปากแม่น้ำ

ทางเลือกมีมากเหลือเกิน ทุกทางเลือกคือชีวิต

ยังไม่ทันออกนอกบ้านเลย ก็ตาลายเสียแล้ว