เหมือนกับคำประกาศอย่างที่เรียกว่า “ปฏิญญา ทำเนียบรัฐบาล”มาจากความใจกว้างในทางการเมืองของคสช.

สามารถ “มอง” ได้

แต่หากเทียบรายละเอียดระหว่าง “ปฏิญญา ทำเนียบขาว” กับ “ปฏิญญา ทำเนียบรัฐบาล”

ก็จะมองเห็น “จุดต่าง”

จุดต่างตรงที่ “ปฏิญญา ทำเนียบขาว” จะกำหนดวันเลือกตั้งในปี 2561 ภายหลัง “กฎหมายลูก” เสร็จสิ้น

แต่ “ปฏิญญา ทำเนียบรัฐบาล” ประกาศออกมาเลย

1 ไม่ต้องรอกฎหมายลูก 1 ไม่ต้องรอถึงปี 2561 หากระบุลงไปเลยว่าเดือนพฤศจิกายน 2561 เลือกตั้ง

ทำไมจึงไม่ประกาศตั้งแต่อยู่ “ทำเนียบขาว”

 

สะท้อนให้เห็นว่าภายหลัง “ปฎิญญา ทำเนียบขาว” ปรากฏจากกรุง วอชิงตันมายังประเทศไทย

ได้เกิด “ปฏิกิริยา” ติดตามมา

เป็นปฏิกิริยาในเชิงหวาดระแวง ในแง่ง ในเงื่อนปมของแต่ละถ้อยคำอันกำกวม

ก่อให้เกิดความเชื่อค่อนข้างสูง

เชื่อว่าชะตากรรม”ปฏิญญาณ ทำเนียบขาว”จะดำเนินไปเช่น เดียวกับ “ปฏิญญา นิวยอร์ค” และ “ปฏิญญา โตเกียว”

นั่นก็คือ ต้องประสบกับ “โรคเลื่อน”

ทั้งๆที่ 2 ปฏิญญาประกาศต่อหน้าผู้นำญี่ปุ่น และประกาศต่อหน้าผู้นำในที่ประชุมสหประชาชาติ

“ปฎิกิริยา” นี้เองที่ก่อให้เกิดสภาพ “กดดัน”

 

จากนี้จึงนำไปสู่การทำให้ชัดเจน แจ่มแจ้งระหว่าง “ปฏิญญา ทำ เนียบขาว” กับ “ปฎิญญา ทำเนียบรัฐบาล”

ระบุลงไปเลยว่าเดือนพฤศจิกายน 2561 “เลือกตั้ง”

ผลก็คือ ตลาดหลักทรัพย์ขานรับ”ปฏิญญา ทำเนียบขาว”ด้วยความคึกคัก

ทะลุ 1,7000 จุดอย่างสง่างาม

ผลก็คือ พรรคการเมืองต่างๆบังเกิดความกระปรี้กระเปร่า คึกคักโดยถ้วนหน้า ไม่ว่าจะพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าจะพรรคเพื่อไทย

ไม่เสียแรงที่ก่อ”ปฏิกิริยา”และ”กดดัน”