ฟ้า พูลวรลักษณ์ : หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (123) : หมากรุก

ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

ฉันเป็นคนสนใจหมากรุก แต่ก็เล่นไม่มากนัก เพราะฉันเสียดายเวลา เวลาฉันเห็นคนที่ใช้เวลาทั้งชีวิตหมดไปกับการเล่นหมากรุก ฉันรู้สึกเสียดาย เกมที่เลวที่สุดคือเกมที่คนไม่เก่งสองคนมาเล่นกัน มันเสียเวลา เหมือนวัวสองตัวสู้กัน ก็เท่านั้นเอง

วันหนึ่งฉันเล่นหมากรุกสากลกับคอมพิวเตอร์ เจอเกมหนึ่งที่ประทับใจยิ่งนัก

กล่าวคือ เกมนั้น ฉันเป็นขาว คอมเป็นดำ เกมนั้น pawn หรือเบี้ยของฝ่ายตรงข้ามเรียงตัวกันเป็นทแยงมุมพอดี ปิดกระดานไว้เหมือนกำแพงหิน ทั้งที่หมากในมือของฉันเหนือกว่า

ขอเพียงฉันฝ่าแนวกำแพงนี้ไปได้ ฉันก็จะชนะ

แต่บังเอิญเบี้ยของฝ่ายตรงข้ามปิดไว้พอดี ส่วนหมากของฉัน ก็ไม่มีตัวใดจะไปสั่นคลอนกำแพงนี้ได้ โอกาสจะเกิดแบบนี้ น้อยนัก

เกมนี้ ขอเพียงคนเล่น พอเล่นเป็นสักหน่อยก็จะรู้ว่า ห้ามไปขยับแนวเบี้ยดำนั้น มันเป็นแนวรับที่ perfect ไม่มีอะไรจะดีกว่านี้อีก และฉันกำลังจะยอมรับว่า เกมนี้เสมอ

แต่เกิดเหตุการณ์ที่น่าตื่นตะลึง ฝ่ายดำหลังจากที่เดินไม่ได้อยู่หลายตา ก็ขยับเบี้ยดำ ทันใดนั้นแนวกำแพงนั้นก็ล่มสลาย ไม่น่าเชื่อว่าคอมจะฆ่าตัวตาย เพราะไม่นานเกมก็จบ และฉันเป็นฝ่ายชนะ เกมนี้ประทับใจ เพราะทำให้ฉันลดคลายความหวาดกลัวในสมองกล แม้มันจะฉลาดและรอบรู้ และมีพลังมหาศาล แต่มันก็ซ่อนความโง่เขลาที่ยิ่งใหญ่ไว้ด้วย เรียกได้ว่ามัน senseless เมื่อรู้จุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม ทำให้ฉันสบายใจขึ้นมาก

จากวันนั้นมาทำให้ฉันมองสมองกลเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง

เกมแบบนี้ไม่ธรรมดา เกมแบบนี้ที่ฉันชอบเล่น มันเป็นเกมประหลาด มันเกิดขึ้นเอง ฉันชอบเกมที่เป็นการต่อสู้ระหว่างมิติ ของสองสิ่งที่แตกต่างกันมาก ฉันหลีกเลี่ยงเกมที่แบนราบ เหมือนการต่อสู้ของวัวสองตัว มันเสียเวลาเปล่า ต่อให้เล่นเป็นแสนเกม หมดเวลาเป็นร้อยปี ก็ไม่ไปไหน

คนบางคนดำเนินชีวิตแบบมีเป้าหมาย ชีวิตแบบนี้สนุกยิ่งนัก เพราะการมีเป้าหมายเด่นชัด เขาจะไปถึงเป้าหมายหรือไม่ก็ตาม แต่การต่อสู้ไปสู่เป้าหมายนั้นคือชีวิต พูดอีกทีคนแบบนี้มีอุดมการณ์ มีหลักการ มีแผนการ

คนบางคนชีวิตไม่มีเป้าหมาย แต่มีความต้องการ และชีวิตขับเคลื่อนด้วยความต้องการ ชีวิตแบบนี้ไร้ทิศทาง ไร้แผนการ ไร้อุดมการณ์ มีแต่ความอยาก มีแต่ความต้องการ

คนแบบหลังมีจำนวนมากกว่า เรียกว่าเก้าต่อหนึ่ง หรือมากกว่านั้นอีก เท่ากับโลกนี้ มีน้อยคนที่จะมีแผนการ น้อยคนจะมีอุดมการณ์ หากถามว่าใครมีความเป็นชีวิตกว่ากัน ใครมีความสุขกว่ากัน คงตอบไม่ได้ เพราะก็เป็นชีวิตเท่ากันทั้งคู่

แต่เส้นชีวิตจะแตกต่าง พลังแตกต่าง คนที่ขับเคลื่อนด้วยความอยาก เส้นชีวิตจะวนไปวนมา จนไร้รูปร่าง อาจจบลงด้วยการเป็นอาชญากร อาจติดคุก หรืออาจเป็นชาวบ้านที่แสนจะธรรมดาที่สุด

คนที่ขับเคลื่อนด้วยหลักการ มีเส้นชีวิตที่โดดเด่น อาจเป็นเส้นตรง หรือโค้ง พวกเขาอาจไปไม่ถึงไหน แต่การเดินทางนั้นก็คือคุณค่าของชีวิต

สมัยอยู่มหาวิทยาลัย คืนวันหนึ่งฉันเล่นหมากรุกโชกิกับเพื่อน หมากรุกโชกิเป็นหมากรุกที่แปลกกว่าหมากรุกชนิดอื่น ตรงที่หมากตัวใดที่ถูกฆ่าก็จะกลายมาเป็นเชลยของฝ่ายตรงข้าม และสามารถวางกลับลงไปบนกระดาน เล่นใหม่ได้

ด้วยการพลิกด้าน และคราวนี้จะกลับกลายเป็นหมากของฝ่ายตรงข้าม มีคุณสมบัติตามแต่ตัวอักษรที่จารึกไว้ ดังนั้นเองเกมโชกิจึงเหมือนสงครามที่มีทั้งภาคพื้นดินและภาคสวรรค์ มีภาคมนุษย์และภาควิญญาณ ภาคมนุษย์คือหมากปกติที่วางอยู่บนกระดาน

ส่วนเชลยที่ไม่รู้ว่าตัวไหน และพร้อมจะโผล่ลงไปวางบนตำแหน่งไหนก็ได้บนกระดานนั้น คือภาควิญญาณ

๑๐

หากวิญญาณนั้นให้คุณ ก็เรียกได้ว่า นี้คือเทพ หากให้โทษ ก็เรียกได้ว่านี้คือปีศาจ นี้จึงเป็นการต่อสู้ที่สนุกยิ่งนัก ช่างเหมือนวรรณกรรมคลาสสิคแต่โบราณ เช่น อีเลียต มหากาพย์ภารตะ รามายณา ฯลฯ คือมีเทพเจ้ามาช่วยด้วย มีอิทธิฤทธิ์ มีปาฏิหาริย์

๑๑

เกมของราตรีนั้นน่าประทับใจยิ่งนัก เพราะฉันกำลังจะแพ้ หมากของฉันร่อยหรอ เหลือเพียงไม่กี่ตัว

เชลยที่ฉันจับได้ก็มีเพียงไม่มาก ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามคับคั่งด้วยกำลังบนกระดาน

และแน่ละ เชลยในมือของเขาก็เป็นฝูง เขาเหนือกว่าฉันทั้งภาคพื้นดินและภาคสวรรค์

แต่ทันใดนั้นเอง ฉันมองเห็นทางชนะ มันเป็นร่องนิดเดียว เท่ารูเข็ม ฉันไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย มันเป็นชัยชนะที่น่าประทับใจยิ่งนัก เพราะฉันต้องใช้หมากในมือหมด และใช้เชลยในมือทั้งหมด เรียกว่าหมดมือ ทั้งภาคพื้นดินและภาคสวรรค์

ไม่เคยเห็นเกมใดที่จะลงตัวแบบนี้ ฉันมีอาการขนลุก

๑๒

เกมนั้น ฉันชนะจริงๆ และเล่นหมดมือจริงๆ ฉันสูญเสียทุกสิ่ง แต่ท้ายสุดก็ฆ่าขุนฝ่ายตรงข้ามได้ แบบที่มันหนีไม่รอด เพราะมีวิญญาณที่เข้าไปดักทางมันพอดี ขณะนั้นฉันเข้าใจคำว่าวิบากกรรม ดวงของฝ่ายตรงข้ามถึงฆาตพอดี

๑๓

ที่ฉันประทับใจมาก เพราะชีวิตจริงก็เป็นแบบนี้ ชีวิตจริงของคนเรานั้น มีภาคส่วนที่เรามองไม่เห็นเข้ามามีผล มีอิทธิพลต่อชีวิตของเรา หากให้คุณ เราก็เรียกมันว่าบุญ หากให้โทษ เราก็เรียกมันว่าวิบากกรรม แต่มันเกิดขึ้นเสมอๆ รอบตัวเรา ฉันชอบหมากรุกโชกิตรงนี้เอง ตรงที่มันสะท้อนสภาวะนี้ได้อย่างชัดเจน และราตรีนั้นเป็นเกมคลาสสิค ที่ไม่รู้ลืม

๑๔

ชีวิตจริง เรามองจิตวิญญาณนี้ไม่เห็น มองไม่เห็นบาปบุญคุณโทษ เราได้แต่รู้สึกอย่างรางๆ เราอาจยอมรับ แต่ก็จับต้องเป็นตัวไม่ได้ ควบคุมไม่ได้ แต่นี้คือเกมที่ตื่นเต้นยิ่งนัก สองฝ่ายต่างพยายามไขว่คว้าดวงชะตาของฝ่ายตรงข้าม

ผีที่ปรากฏตัวที่มุมตึก มันตื่นเต้นยิ่งนัก

๑๖

หมากรุกที่กินเวลายาวนาน และทำให้ฉันลืมกาลเวลา คือหมากล้อม แปลกดี

๑๗

ครั้งหนึ่งฉันเล่นหมากล้อมกับคอม เล่นจนสว่างติดกันหลายราตรี ที่แปลกเพราะฉันไม่รู้สึกตัวเลย เช่นฉันเริ่มเล่นเมื่อหนึ่งทุ่ม คิดว่าจะเล่นสักสองสามชั่วโมง แต่มารู้สึกตัวอีกที ก็สว่างแล้ว และเป็นเช่นนี้หลายราตรี ทำไมฉันลืมกาลเวลาได้

เคยมีนิทานเรื่องใครคนหนึ่งไปดูหมากรุก และรู้สึกตัวอีกที ก็หลายสิบปี จากคนหนุ่มกลายเป็นคนแก่ไปแล้ว ความรู้สึกมันก็เป็นเช่นนี้เอง

๑๘

ฉันชอบเล่นหมากรุกกับคนที่เหนือกว่าฉันมาก

ไม่ใช่เพราะฉันอวดดี หรืออวดเก่ง แต่เพราะฉันชอบความรู้สึกของการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ประมาณไม่ได้

เนื่องจากชีวิตจริงฉันพบว่าสิ่งมากมายรอบตัวของฉัน เป็นสิ่งที่เหนือชั้นกว่าฉัน เดาไม่ถูกว่ามันจะเดินตัวไหน จะมาทางไหน ตัวฉันเสียอีกที่เป็นหมู เป็นเพียงเด็กไร้เดียงสา ฉันเป็นรองหลายขั้น รสชาติแบบนี้ ประทับใจยิ่งนัก ฉันงุนงง ฉันพิศวง

๑๙

มีวันหนึ่งฉันเล่นเกมหมากล้อมกับคอมที่อยู่ในระดับที่เหนือกว่าฉัน

เล่นยังไง แม้แต่เสมอก็ยังทำไม่ได้

ฉันจึงเปลี่ยนยุทธวิธี ด้วยการทำตัวเป็น copycat คือเดินตามมันในทุกตา เรียกว่าเดินแบบสมมาตร มันขยับตัวไหน ฉันก็ขยับตัวนั้น อยากรู้ว่าจะนำพาไปไหน

ผลปรากฏว่า เราเสมอกันหลายครั้ง ตลกดี ท้ายสุดมันก็จับทางฉันได้ และล่อฉันไปสู่กับดัก ฉันแพ้อีกตามเคย แพ้แบบหมดท่า ฉันหัวเราะด้วยความขบขัน และเพียงพอ เล่นแบบนี้ครั้งเดียวพอ ฉันทำเพราะอยากรู้

ที่จริงแพ้ชนะไม่สำคัญ สำคัญที่สิ่งที่ฉันจะได้เรียนรู้