เยื่อใย ไมตรี อบอุ่น เยื่อใย จาก เซี่ยวลี้ปวยตอ ต่อ มือกระบี่มากรัก/บทความพิเศษ

บทความพิเศษ

 

เยื่อใย ไมตรี อบอุ่น

เยื่อใย จาก เซี่ยวลี้ปวยตอ

ต่อ มือกระบี่มากรัก

 

ไม่ว่าบทบาทของทิท้วงกะเมื่อเผชิญกับแปดธัมมะแดนตงง้วน ไม่ว่าบทบาทของอาฮุยเมื่อเผชิญกับผู้แบกความเป็นวิญญูชนเยี่ยงเตียเอี้ยอั้ว

เสมอเป็นเพียง “ฉาก” ในลักษณะ “นำร่อง”

ทุกบทบาท ทุกการเคลื่อนไหว ภายนอกคฤหาสน์เมฆเรืองโรจน์ในที่สุดก็จะรวมศูนย์ไปยังชะตากรรมและเส้นทางที่ลี้คิมฮวงจะประสบในอนาคตอันใกล้

จึงจำเป็นต้องจับตาบทบาทของลี้คิมฮวงเมื่อแยกตัวออกจากดงดอกเหมย

มีความแจ่มชัดมากยิ่งขึ้นในทางความคิดดังปรากฏเงาสะท้อนผ่านประโยค “ในความรู้สึกของลี้ชิ้มฮัว ในโลกหากมีเรื่องที่สร้างความลำบากใจกว่าการ ‘ไม่ดื่มสุรา’ นั่นคือ ‘การดื่มสุรากับคนที่น่ารังเกียจ'”

มันพบว่า ผู้คนในตึกเมฆเรืองโรจน์ ยิ่งมา ยิ่งน่ารังเกียจ

หากเปรียบเทียบกัน อิ้วเล้งเซ็งนับเป็นคนที่ดีที่สุด อย่างน้อยมันไม่ประจบสอพลอ หากคนที่น่ารังเกียจยังประจบสอพลอ นับว่าชวนให้ผู้คนต้องขนลุกเกรียวแล้ว

จึงถึงเวลาที่ลี้คิมฮวงจักต้องทบทวน วิเคราะห์และสังเคราะห์

 

เล้งโซ่วฮุ้นย่อมล่วงรู้นิสัยของน้องร่วมสาบานจึงมิได้บังคับแข็งขืน ดังนั้น จึงปล่อยให้มันนอนอยู่บนเตียงคนเดียว

รอคอยฟ้ามืดค่ำอย่างสงบ

ลี้คิมฮวงย่อมสำเหนียกรู้เป็นอย่างดีว่า คืนนี้ต้องเกิดเรื่องราวที่สนุกสนานขึ้นอีก “โกวเล้ง” บรรยายสภาพการณ์ตอนนี้เหมือนกับเป็นการชี้เบาะแส

สายลมโชยพัดใบไผ่ บังเกิดเป็นเสียงดังราวคลื่นสาดซัดเข้าสู่ฝั่ง

บนเพดานห้องมีแมงมุมตัวหนึ่งกำลังชักใย จึงนำไปสู่บทสรุปอย่างรวบรัด สอดรับกับสภาพการณ์

คนไยมิใช่เฉกเช่นแมงมุม ทุกผู้คนล้วนชักใยขึ้น จากนั้นพาตัวเองอยู่กลางเส้นใย

น.นพรัตน์ ระบุว่า ลี้ชิ้มฮัวก็มีใยของตัวเอง แต่ในชีวิตเขา อย่าคิดหมายหนีรอดออกจากเส้นใย ทั้งนี้ เพราะเส้นใยนี้เป็นเขาชักขึ้นเอง

ถามว่าเป็น “เส้นใย” อย่างไร

คำตอบเริ่มจากเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีก่อน ณ นอกด่านอันมีส่วนให้เล้งโซ่วฮุ้นเข้ามาเป็นเฮียตี๋ร่วมสาบาน กระทั่งขยายกลายเป็นความรักความหลงต่อลิ่มซีอิม แล้วก็เกิดเส้นใยสายใหม่อันทำให้มันต้องระเห็จออกไปอยู่นอกด่าน

หวนกลับและกลายเป็นส่วนหนึ่งในตึกเมฆเรืองโรจน์ พาตัวเข้าสู่วงจรแห่งความขัดแย้งอันสัมพันธ์กับ “โจรดอกเหมย” อย่างแนบแน่น

ทั้งยังนัดหมายกับโฉมสะคราญอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินอย่างมีเงื่อนงำ

 

ในความสงบท่ามกลางความสงัดแห่งการรอคอยพลันอิ้วเล้งเซ็งก็ปรากฏตัวพร้อมกับ “กระบี่ชิงรัก” (เต๊าะเซ้งเกี่ยม) ของเต็กบู๊จื้อ ยอดกระบี่สูงสุดเมื่อ 300 ปีก่อน

กระบี่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง นามของกระบี่ก็ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง

“ดวงจันทร์ขึ้นสู่ยอดเหมย โฉมสะคราญมีนัดหมาย บรรยากาศเยี่ยงนั้นดื่มด่ำซึ้งใจเพียงไร ท่านไยต้องมาต้มกระเรียนเผาพิณทำลายให้บรรยากาศย่อยยับไปด้วย”

“เช่นนี้เป็นว่า ท่านคืนนี้จะต้องไปให้ได้” น้ำเสียงอิ้วเล้งเซ็งเกรี้ยวกราด

“ฮา ฮา หากปล่อยให้โฉมสะคราญที่สุดหล้าฟ้าดินเช่นลิ่มโกวเนี้ยต้องรอคอยใต้แสงจันทร์เพียงเดียวดายข้าพเจ้าไยมิใช่เป็นคนบาปของความรัก”

ใบหน้าซีดขาวของอิ้วเล้งเซ็งพลันแดงฉาน

เส้นเลือดทั้งศีรษะเบ่งพองจนเขียวคล้ำ พลิกกระบี่แทงสวบเข้าใส่ ณ คอลี้คิมฮวงดุจสายฟ้า ทะลวงแทงติดต่อกันถึง 10 กว่ากระบี่

พลังกระบี่กรีดฝ่าอากาศดังหวีดหวิว ทั้งถี่เร็ว ทั้งรุนแรง

10 กว่ากระบี่นี้นับว่าเร็วกว่าเดิมทุกกระบี่จริงๆ แต่ลี้คิมฮวงกลับยืน ณ ที่นั้นคล้ายดั่งมิได้ขยับกายเคลื่อนไหวเลย

10 กว่ากระบี่นั้นก็มิทราบเป็นอย่างไร แทงผิดเป้าไปจนหมดสิ้น

 

ทําไมลี้คิมฮวงจะมิรู้เจตนาของอิ้วเล้งเซ็ง เมื่อโยงกระบี่ไส้ตันจากเรือนแรมของซุนคุ้ยเข้ากับคนในอาภรณ์เขียว มายังตึกเมฆเรืองโรจน์ ณ บัดเดี๋ยวนี้

ความจัดเจนระดับลี้คิมฮวงย่อมเข้าใจ “คำตอบ”

ความรู้สึกของลี้คิมฮวงต่ออิ้วเล้งเซ็งจึงแผกต่างไปจากเมื่อเผชิญประสบเข้ากับคูต๊ก อย่างกะทันหันในลักษณะจู่โจม

เป็นความรู้สึกผูกพันต้องการสานไมตรี

ยิ่งเมื่ออิ้วเล้งเซ็งแลเห็นมือทั้งสองของลี้คิมฮวงว่างเปล่า จึงคิดจะใช้กระบี่ที่ถี่เร็วนี้บีบบังคับจนลี้คิมฮวงไม่มีเวลาชักมีดสั้นออกมาเพราะที่มันกลัวก็เพียงแต่ “เซี่ยวลี้ปวยตอ” เท่านั้น

มันมิได้ตระหนัก เพราะในความเป็นจริง ลี้คิมฮวงไม่มีเจตนาแตะต้องมีดสั้นเลย รอจนการโหมแทงถี่เร็วระลอกหลังต่างผิดเป้าหมดสิ้นแล้วจึงหัวร่อแล้วกล่าว

“อายุยังเยาว์วัยก็มีเพลงกระบี่ระดับนี้ สำหรับคนทั่วๆ ไปแล้วก็นับว่ายากยิ่งจะหาได้จริงๆ แต่สำหรับตระกูลและอาจารย์ของท่านหากใช้เพลงกระบี่ระดับนี้ไปคลุกคลีในวงพวกนักเลงไม่ถึง 4-5 ปี ยี่ห้อของบิดาท่านกับซือแป๋ท่านน่ากลัวต้องถูกท่านทำลายไปกับมือแล้ว”

ที่น่าสนใจกลับเป็น “เพลงกระบี่” และ “การต่อสู้” ที่ปรากฏต่างหาก

 

ขอยกสำนวนแปล น.นพรัตน์ มาเสนอ ในเงากระบี่เต็มท้องฟ้าลี้ชิ้มฮัวยังมีเวลากล่าววาจา อิ้วเล้งเซ็งทั้งร้อนรุ่มทั้งขุ่นแค้นจนใจที่คมกระบี่ไม่สามารถกระทบถูกแม้ชายเสื้อของฝ่ายตรงข้าม

ที่แท้ กระบี่ของอิ้วเล้งเซ็งกำลังจะแทงใส่คอหอยลี้ชิ้มฮัวก็พบว่า ร่างลี้ชิ้มฮัวอ้อมไปทางซ้าย คมกระบี่ของมันย่อมติดตามไปทางซ้าย แต่แล้วร่างของลี้ชิ้มฮัวไม่ได้ขยับเคลื่อนไหว

อิ้วเล้งเซ็งพอเปลี่ยนแปลงสภาวะกระบี่ ยังคงจู่โจมพลาดผิด ดังนั้น หลายสิบกระบี่นี้แม้เป็นท่าไม้ตายปลิดชีวิตผู้คน แต่เมื่อถึงวินาทีสุดท้ายยังประสบความล้มเหลวอย่างเหลือเชื่อ ควรทราบว่ายอดฝีมือชิงชัย ยึดถือข้อสังเกตเป็นหลัก

ศัตรูไม่เคลื่อนไหว เราเคลื่อนไหวก่อน ศัตรูคิดเคลื่อนไหว เราเคลื่อนไหวแล้ว

อิ้วเล้งเซ็งเป็นทายาทยอดฝีมือย่อมเข้าใจในเหตุผลข้อนี้ ความแหลมคมของสายตาก็สุดที่ผู้คนทั่วไปจะทัดเทียบเปรียบได้ ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามมีการเคลื่อนไหวละเอียดเล็กน้อยเพียงใดยากรอดพ้นจากสายตาของมันได้

แต่เพราะเหตุนี้อิ้วเล้งเซ็งจึงหลงกลลี้ชิ้มฮัวทิ่มแทงกระบี่สูญเปล่าไปหลายสิบกระบี่

 

แม้กระทั่งท่าสุดท้ายซึ่งมากด้วยความมั่นใจก็ไม่อาจพลิกสถานการณ์ ว. ณ เมืองลุง ถอดความออกมาว่า รอจนรู้ตัวว่าใช้กระบวนท่าจนสุดล้าคิดจะเปลี่ยนแปรอีกก็ไม่ทัน มีเสียงเปรื่องดังปานมังกรคำราม

เมื่อนิ้วเรียวมีพลังของลี้คิมฮวงดีดไปบนตัวกระบี่มันเบาๆ

อิ้วเล้งเซ็งชาวูบขึ้นที่ง่ามมือกระทั่งร่างครึ่งซีกยังพลอยชาไปด้วย กระบี่ในมือไม่มีทางกุมมั่นอีกแล้ว เสียงกระหึ่มยังไม่ทันขาดหายกระบี่ที่มีชื่อเสียงเกรียงไกรกระเด็นออกไปทางหน้าต่างดุจรุ้งยาวร่วงหล่นลงในป่าไผ่หายวับไปกับตา

ลี้คิมฮวงตบบ่ามันอย่างยิ้มแย้ม “เต๊าะเซ้งเกี่ยมมิใช่กระบี่ธรรมดา รีบไปเก็บกลับมาเถิด

ภูมิปฏิภาณของท่านไม่เลว เพลงกระบี่ก็ไม่ต่ำ แต่เสียดายที่อารมณ์วู่วาม หุนหันเกินไป ดังนั้น กระบี่ที่แทงมาจึงสับสนไม่บริสุทธิ์ ถี่เร็วแต่ไม่รุนแรง และยังรุ่มร้อนจะให้ได้ชัยเร็วเกินไป ดังนั้น พอเผชิญกับคู่มือที่เข้มแข็งกว่าท่านกลับเป็นฝ่ายวุ่นวายไปก่อน

ความจริงแล้วหากท่านข่มใจได้หนักแน่นเยือกเย็น วันนี้ มิแน่จะสามารถทำอันตรายแก่ข้าพเจ้าได้ ท่านไปเถิด ขอเพียงข้าพเจ้าสามารถรอดชีวิตอีก 7 ปี ท่านจงมาหาข้าพเจ้า ล้างแค้น 7 ปีไม่นับว่ายาวนานนัก

อย่าว่าแต่โบราณเคยสอนไว้ วิญญูชนล้างแค้น 10 ปีก็ไม่นับว่าสาย”

 

เยื่อใยไมตรีอันลี้คิมฮวงมีต่ออิ้วเล้งเซ็งมาจากกระบวนการวิเคราะห์และสังเคราะห์อย่างแยบยล สัมผัสได้จากคำพูดที่ลอยไปตามลม

“บุรุษหนุ่ม ท่านไม่ต้องเคียดแค้นชิงชังเรา

ความจริง เราทำเยี่ยงนี้กลับเป็นการช่วยท่านดอก หากท่านยังพัวพันกับลิ่มเซียนยี้สืบไปชีวิตทั้งชาติของท่านก็สุดสิ้นอวสานแล้ว”

นี่ย่อมเป็นบทสรุปจากการสัมผัส “ความจริง” ณ เบื้องหน้าโดยแท้