‘ไล่หนู ตีงูเห่า’ ภาค 2 พท.ประสานก้าวไกล ถล่มนโยบายกัญชาเสรี ปลดล็อก ไร้ควบคุม/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

‘ไล่หนู ตีงูเห่า’ ภาค 2

พท.ประสานก้าวไกล

ถล่มนโยบายกัญชาเสรี

ปลดล็อก ไร้ควบคุม

 

ศึกใหญ่ครั้งสุดท้ายการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีรายบุคคล รวมทั้งสิ้น 11 คน เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม เดินทางมาถึงจุดโหวตลงมติชี้ชะตาวันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม

รอบนี้ฝ่ายค้านนำโดยเพื่อไทย-ก้าวไกล ระดมขุนพลกว่า 50 คน ชำแหละรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ด้วยระยะเวลา 60 ชั่วโมง ตลอด 4 วัน แบ่งเป็นฝ่ายค้าน 45 ชั่วโมงสำหรับซักฟอก และ 15 ชั่วโมงสำหรับการชี้แจงของรัฐมนตรี

ที่น่าสนใจ ครั้งนี้ฝ่ายค้านวางคิวถล่ม พล.อ.ประยุทธ์ ไว้เป็นคนสุดท้ายต่อจาก 10 รัฐมนตรี จัดหนักคนเดียว 30 ชั่วโมง

ภายใต้ยุทธการ “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” ของพรรคเพื่อไทย แผนปฏิบัติการ “ตอกตะปูปิดตาย ทลายระบอบประยุทธ์” ของพรรคก้าวไกล

เป้าหมายเริ่มที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

ในส่วนพรรคเพื่อไทย การ “สอยอนุทิน” ครั้งนี้เหมือนเป็นภาคต่อปฏิบัติการ “ไล่หนู ตีงูเห่า” ที่ จ.ศรีสะเกษ พรรคก้าวไกลก็คงอารมณ์ไม่ต่างกัน เพราะโดนดูด ส.ส.ไปหลายคน

ประเด็นข้อกล่าวหาหลักๆ หนีไม่พ้นเรื่องบริหารจัดการโควิด-19 ที่ผิดพลาด

แต่ที่เป็นประเด็นใหม่คือเรื่องปลดล็อก “กัญชาเสรี” นโยบายสำคัญของพรรคภูมิใจไทยที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งปี 2562 ก่อนผลักดันขึ้นมาเป็นนโยบายรัฐบาล

ซึ่งฝ่ายค้านและหลายฝ่ายมองว่าเริ่มสร้างผลกระทบในหลายด้านทั้งเศรษฐกิจ สังคม การต่างประเทศ และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกับเด็กและเยาวชนที่เข้าถึงได้อย่างไร้การควบคุม

ทำให้ประเด็นกัญชาเสรี เป็นอีกหมัดเด็ดที่ฝ่ายค้านหมายมั่นปั้นมือไว้

 

ขุนพลฝ่ายค้านประเดิมชำแหละประเด็นกัญชาเสรี อภิปรายไม่ไว้วางใจนายอนุทิน ชาญวีรกูล

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปราย สรุปเนื้อหาได้ว่า

ประเด็นกัญชาเสรีหากกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ก็จะผิดไปทุกเม็ด จากระยะเวลาที่ผ่านมาเกือบเดือน มีผู้ปกครองเป็นห่วงลูกหลานเพราะเด็กวันนี้พี้กัญชากลางห้องเรียนแล้ว

การปลดล็อกกัญชาเสรี ความจริงรัฐสภาไม่ได้ปลด แต่คือรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขปลดล็อกแบบไม่มีอะไรควบคุม ถือว่าละเมิดกติกาโลกเพราะกัญชายังเป็นยาเสพติด

ที่ผ่านมานายอนุทินส่งสัญญาณให้คนรับรู้ข่าวสารผิดว่ากัญชาคือยาวิเศษ กัญชาดีสารพัด กัญชาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยชีวิต ทำให้คนคิดว่ากัญชามีคุณอนันต์ วันนี้ยังส่งเสริมให้กินและปรุงอาหารในครัวเรือน แต่ต้องบอกด้วยว่ากัญชามีคุณอนันต์และมีโทษมหันต์ จึงต้องควบคุม

การไม่ควบคุมให้ปลูกได้ครอบครัวละ 6 ต้น ให้นำไปปรุงอาหาร แบบนี้ชาวบ้านจะรู้ได้อย่างไรว่าส่วนไหนเป็นคุณส่วนไหนเป็นโทษ การปลดล็อกในขณะที่สังคมไม่พร้อม บ้านเมืองจะเสียหาย

ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ ถ้ารัฐมนตรีบอกว่าเราจะรวยเพราะกัญชา ให้ชาวบ้านปลูกครัวเรือนละ 6 ต้น เรื่องนี้ต้องตั้งหลักดูดีๆ ว่าคุ้มหรือไม่ ปลูกแล้วจะไปขายที่ไหน เพราะทั่วโลกยังเป็นยาเสพติด และการขายตามกฎยูเอ็นนั้นไม่ง่าย

เช่นเดียวกับการปลูกเพื่อแปรรูปทำเป็นยาส่งนอกประเทศ ก็ไม่ง่ายเพราะโลกยังรังเกียจกัญชา

จุดขายประเทศไทยคือการท่องเที่ยว ถ้าจะเอากัญชาเป็นจุดดึงนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยว คงได้แค่ขี้ยามาเที่ยว ดังนั้น ต้องไปคิดให้ดีทั้งเรื่องสุขภาพ เศรษฐกิจ แต่ที่จะได้มาโดยไม่คิดคือปัญหาสังคม

ต่อไปนี้กัญชาจะบานทั่วประเทศ ผู้ปกครองจึงวิตกว่าจะกันเด็กออกจากกัญชาอย่างไร โรงเรียนห้ามเอากัญชาเข้าแต่ต้องบอกว่าสายไปแล้ว เพราะเด็กเสพมาจากบ้านแล้ว เมามาจากบ้าน

กัญชาเสรีมีประโยชน์ทับซ้อนเพราะทำเพื่อให้ได้คะแนนเสียง นายกรัฐมนตรีเองก็ทำเพื่อการเมือง อยากอยู่ต่อ ยอมทุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงชีวิตเยาวชน ไม่คำนึงถึงภาพพจน์ประเทศ

ตอนนี้มีนักการเมืองใหญ่ไปทำไร่กัญชาที่ สปป.ลาว เป็นหมื่นเป็นแสนไร่ บริษัทยักษ์ใหญ่วางระบบธุรกิจไว้หมด หลังวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ดอกกัญชาวางขายในร้านสะดวกซื้อ แบบนี้วางแผนไว้หรือไม่

ล่าสุด เครือซิโน-ไทยลุยธุรกิจกัญชงเต็มที่ เปลี่ยนแปลงธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ บริษัท เอสทีพี แอนด์ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI จากทำธุรกิจเหล็กมาทำธุรกิจกัญชงแล้ว ผู้ที่ถือหุ้นเยอะสุดคือ ครอบครัวชาญวีรกูล

 

ต่อจากนายสุทิน คลังแสง เป็นคิวของ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

หมอวาโยอภิปรายในประเด็นช่องว่างกฎหมายที่ถูกนำมาใช้ปลดล็อกกัญชา ส่งผลให้เด็กและเยาวชนเสี่ยงอันตราย

นายอนุทินบอกกัญชาไม่ใช่ยาเสพติด แต่เป็นกัญชาพารวย เอากัญชาไปผสมอาหารและพี้ได้ เพิ่มเสียงหัวเราะให้ประชาชน แต่การนำกัญชาไปผสมอาหารหรือพี้อยู่บ้าน ไม่ใช่วัตถุประสงค์ทางการแพทย์

มีข้อเท็จจริงเบื้องต้น 3 ประการ 1.กัญชาไม่ใช่ยาครอบจักวาล 2.กัญชามีทั้งประโยชน์และโทษ และ 3.กัญชาถ้าจะนำมาพี้ ต้องระมัดระวังโทษด้วย เหมือนสูบบุหรี่ดื่มเหล้า

ดังนั้น เวลารัฐมนตรีเอานโยบายอะไรมาออกเป็นนโยบายระดับชาติ ส่งผลกระทบกับชีวิต สุขภาพประชาชนต้องมองรอบด้าน ในฐานะไทยเป็นภาคีระหว่างประเทศ หากละเมิดข้อตกลงอาจถูกประเทศภาคีแซงก์ชั่นทางเศรษฐกิจ

ที่น่าสนใจ เหตุใดจึงนำร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เข้าสภา วันที่ 8 มิถุนายน 2565 ก่อนวันกัญชามีผลปลดล็อกเพียงวันเดียว ทำให้ไม่สามารถออกกฎหมายควบคุมได้ทัน

แทนที่นายอนุทินจะออกกฎกระทรวงสาธารณสุขเลื่อนปลดล็อกกัญชาวันที่ 9 มิถุนายนออกไปก่อน แต่ไม่ทำ ถือว่าจงใจให้เกิดช่องว่างของกฎหมาย เอาชีวิตเด็กเยาวชนไปเสี่ยงอันตราย นำประเทศไปสู่ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ

ที่ผ่านมานายอนุทินส่งเสริมผลิตกัญชา อ้างเพื่อรองรับการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ โดยผูกให้วิสาหกิจชุมชน 1 แห่ง ทำร่วมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 1 แห่งเท่านั้น และให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รับซื้อ

แต่สุดท้าย อย.ไม่ได้รับซื้อในจำนวนที่คาดไว้ เพราะหมอไม่ใช้ นักวิจัยไม่เขียนโครงการ จึงต้องหาช่องทางปล่อยของ

มีเอกสารสรุปผลตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขปีงบประมาณ 2564 ชี้ให้เห็นความพยายามจะเพิ่มดีมานด์กัญชาเพื่อการแพทย์

โดยภายในปี 2567 โรงพยาบาลสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และสังกัดกรมวิชาการต้องมีคลินิกกัญชาทั้งหมด สถานพยาบาลเอกชนต้องมีคลินิกกัญชาเขตสุขภาพละ 10 แห่ง

การปล่อยโดยไม่ควบคุม ยังทำให้ร้านค้านำไปผสมอาหารโดยไม่แจ้งผู้บริโภค

 

ระหว่างการอภิปราย ทั้งนายสุทิน และ นพ.วาโยเปิดคลิปการปราศรัยของนายอนุทิน เมื่อครั้งลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้ง จ.นราธิวาส เมื่อปี 2562 ตอนหนึ่ง “กัญชาเป็นยาพารวย ไม่ใช่ยาเสพติด เอากัญชาไปผสมในอาหารก็ได้ พี้กันเองก็ได้ แต่ต้องอยู่ในบ้าน เพิ่มเสียงหัวเราะให้ประชาชน”

ขณะที่ นายกูเฮง ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ อภิปรายว่า วันนี้ปัญหาใหญ่สุดที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คือ ยาเสพติด แล้ววันนี้เปิดกัญชาเสรี ถามว่าบ้านของตนจะเละขนาดไหน

นี่คือความน่ากลัวที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากละเมิดศาสนาซึ่งยอมรับไม่ได้อยู่แล้ว ยังมีปัญหาเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นคนไทยอีก

“วันนี้มี ส.ส.ของเราที่กินกล้วยผสมกัญชา กัญชาจึงอาจร้ายแรงกว่ากล้วยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” ส.ส.นราธิวาสระบุ

 

หลังโดนอภิปรายกัญชาเสรี 3 ดอกติดๆ กัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล ลุกขึ้นชี้แจง ใจความสรุปว่า

กัญชาคือนโยบายของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีให้นำกัญชาและกัญชงมาเพื่อศึกษาวิจัย ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ไม่มีคำว่านันทนาการแม้แต่นิดเดียว กระทรวงสาธารณสุขก็ไม่ได้ทำนอกเหนือจากสิ่งที่นายกฯ ระบุ

เมื่อออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขไปแล้วก็ต้องเคารพกฎหมาย ใครจะทำต้องให้รัฐอนุญาต คนที่ยังใช้ผิดวัตถุประสงค์ก็เสี่ยงผิดกฎหมาย จึงไม่มีช่องว่างช่องโหว่

ที่สำคัญกรมการแพทย์ออกผลการศึกษาว่า กัญชามีคุณสมบัติทางการแพทย์ตั้งแต่ก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่ง กระทรวงสาธารณสุขศึกษาการใช้กัญชาทางการแพทย์เป็นอย่างดี ตนแค่เข้ามาต่อยอด

ยืนยันนี่คือนโยบายของรัฐบาลไม่สนับสนุนเพื่อนันทนาการ การนำกัญชากัญชงไปใช้ในทางที่ผิด จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้

ต้องไม่มองกัญชาคือยาเสพติด แต่ให้มองว่าเป็นพืชที่มีประโยชน์ สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจ เสริมสร้างรายได้ให้ประชาชน รัฐบาลกำชับให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้ประกาศกระทรวงฯ อย่างเคร่งครัด

เรื่องกัญชาในไทยไม่จำเป็นต้องทำเหมือนประเทศอื่น เราเป็นตัวของเราแบบนี้และไม่ผิดข้อผูกมัด นี่คือโอกาสของเกษตรกรและคนทำอาชีพสุจริตมีรายได้ ทำให้ผู้ประกอบการทำเป็นอุตสาหกรรม และส่งออกไปสู่ตลาดที่ต้องการ

นายอนุทินยังชี้แจงประเด็นคลิปการปราศรัยหาเสียงที่ จ.นราธิวาส เมื่อปี 2562 ว่า

อยากให้ดูทั้งคลิป เพราะสามารถตัดต่อกันได้ โดยผมบอกว่าให้สูบกัญชาในบ้าน ห้ามออกไปข้างนอก เหมือนกับรายละเอียดในร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ของพรรคก้าวไกล

“แต่ยอมรับว่าพูดติดตลกบ้าง ถ้าทำให้ไม่สบายใจ ก็ขอโทษ คราวหน้าจะระมัดระวัง” นายอนุทินกล่าวสรุป

 

วันเดียวกับในสภาอภิปรายประเด็นกัญชาเสรี ก็มีข่าวตอกย้ำถึงผลพวงของกัญชาอีกด้าน ที่ไม่เกี่ยวกับทางการแพทย์ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน อ.ห้างฉัตร จ.ลําปาง มีนักเรียนเสพติดกัญชาจำนวนมาก

ผู้ปกครองสังเกตเห็นลูกมีอาการอ่อนเพลีย สะลึมสะลือนั่งหลับทั้งวัน นักเรียนคนอื่นๆ มีอาการคล้ายกัน หลังแจ้งไปทางโรงเรียน ครูจึงได้สอบถามจนทราบว่ามีนักเรียนหญิง ม.6 ลักลอบขายกัญชาให้เพื่อนนักเรียนด้วยกัน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นภาพสะท้อนอย่างดีของนโยบายกัญชาเสรี สอดรับสิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอนุทิน ชาญวีรกูล

แม้การอภิปรายจะจบลง แต่เรื่องของกัญชาเสรียังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมอย่างกว้างขวาง หากผู้มีอำนาจหวังแต่คะแนนเสียงความนิยม แต่กลับเพิกเฉยต่อผลกระทบในวงกว้างที่ตามมา

คะแนนที่คาดหวังอาจสะท้อนมาในมุมกลับ ให้ได้เห็นจากการเลือกตั้งครั้งหน้าก็เป็นได้