ลอกข้อสอบ-ยังสอบตก/เหยี่ยวถลาลม

เหยี่ยวถลาลม

 

ลอกข้อสอบ-ยังสอบตก

 

พลันที่มีปรากฏการณ์ “ชัชชาติฟีเวอร์” กองเชียร์และบริวาร “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ดูจะอลหม่านพอสมควร

ภาพล่าสุดที่ชวนทึ่งคือ ให้ “ประยุทธ์” ปีนบันไดขึ้นไปช่วยมุงหลังคา ทำท่ารับแผ่นกระเบื้องจาก “คนชง” กับตั้งท่าตอกตะปูดูขัดเขิน

ชวนทึ่งคือ ตั้งแต่รัฐประหารวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา ไม่เคยเห็น “ประยุทธ์” ทำอะไรแบบนี้

“ชัชชาติฟีเวอร์” ช่างมีพลานุภาพจริงๆ

“ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” มาได้จังหวะเวลา การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เกิดขึ้นในห้วงที่คน กทม.สิ้นขวัญ หมดกำลังใจกับการบริหารจัดการ “เมือง” ขณะที่ในระดับชาตินับตั้งแต่รัฐประหารสำเร็จปี 2557 เป็นต้นมา “ประยุทธ์” ก็ติดกับดัก “อัตตา” ไม่เคยลงจากบันได ทุกอย่างใช้ระบบสั่งการ ดังจะเห็นได้บ่อยครั้งที่มักตวาดใส่ไมค์ผู้สื่อข่าว

“ก็ผมสั่งการไปไงเล่า-ปัดโธ่เว้ย”!!

ไม่ว่าจะประสบกับหัวข้อปัญหาใด “ประยุทธ์” มีคำตอบมีแนวทางอันเจิดจ้าตามสไตล์ตลอด

 

ประชาชาติธุรกิจ ฉบับ 5 พฤศจิกายน 2564 เคยรายงานสรุปเอาไว้ ว่าด้วยเรื่อง “รวมไอเดียสุดต๊าซ ประยุทธ์แก้ปัญหาสินค้าเกษตรแพง”

ก่อนรัฐประหาร – พรรคพวกสมคบคิดกันใช้ประเด็น”ราคายางพารา” ที่ร่วงจากกิโลกรัมละ 120 บาท เหลือ 90 เหลือ 70 บาท ใช้เป็นฟืนจุดไฟ

หลังรัฐประหาร – ราคายางพาราร่วงแล้วร่วงอีก จาก 70 ถอยไปจนเหลือ 3 กิโล 100 แต่พอผู้สื่อข่าวไปถาม

“ประยุทธ์” กลับบอกว่า “ยางพาราเรามีอยู่เยอะแยะในประเทศแล้ว ปลูกกันเข้าไปเถอะ แล้ววันหน้าก็ไปขายโน่นมั้ย บนดาวอังคาร! ขายในนี้ไม่พอแล้ว โลกไม่พอซื้อแล้ว”

อาหารทะเลแพง – ในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ประยุทธ์ตอบฉะฉาน

“จนก็อย่าไปทาน ให้คนรวยทานกัน อยากจะกินของแพงต้องทำงานหนักหาเงินให้มาก”

มะนาวแพง – ประยุทธ์ว่า แพงมาทั้งชาติแล้ว หน้าแล้งก็แพงสิ ไปปลูกไว้กินเองบ้านละกระถางก็จบ

ราคาข้าวตก – ประยุทธ์ว่า “ให้ไปขายหมามุ่ยได้กิโลละ 800 ทำไมยังโง่ปลูกอย่างอื่นอยู่”

ผักตบชวาอาละวาด – ประยุทธ์แนะให้ประชาชนทุกคนช่วยกันเก็บผักตบชวาคนละ 3 ต้น

น้ำท่วมหนักที่สุโขทัย – ประยุทธ์ชี้ทางบรรเทาทุกข์ “ควรเปลี่ยนอาชีพไปเลี้ยงปลาแทนการทำนา”

ยังมีมากไปกว่านั้น!

พายุเข้า – นายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนช่วยกันสวดมนต์

รถบรรทุกสินค้าจะประท้วง – นายกฯ 8 ปีว่า ถ้าไม่มีรถวิ่งก็ให้แบกกระสอบเดินกันเองก็แล้วกัน

ทางด่วนขึ้นราคา – นายกฯ คนนี้ช่างเข้าถึงความเหลื่อมล้ำต่ำสูง อุตส่าห์เค้นมันสมองอธิบายว่า “…รัฐบาลทำอย่างแรกคือ ความเท่าเทียม เท่ากันด้านโอกาส ใช้รถใช้ถนนใช้สะพานใช้ประโยชน์อะไรก็แล้วแต่จากสาธารณูปโภคพื้นฐาน คนรวยก็ไปเสียเงินเอา คนรายได้น้อยก็ใช้เส้นทางข้างล่างเอา มันจะได้ไม่แออัดซึ่งกันและกัน ผมคิดอย่างนี้นะ นี่คือความเท่าเทียม”

จึงนำไปสู่คำถามฮือฮาในโลกโซเชียล

“จะมีรัฐบาลกับนายกรัฐมนตรีเอาไว้ทำไม”!?

 

ใช่! คนทุกคนมีทั้งจุดแข็งจุดอ่อน ไม่มีใครสมบูรณ์ ทุกคนผิดพลาดได้ แต่ “ผู้นำ” ไม่ใช่วณิพกพเนจรที่ไร้พันธกรณี สักแต่ตอบ หรือตอบแต่ปัดไปให้พ้นตัว

การเป็นรัฐบาลกับนายกรัฐมนตรีมีได้-มีเสีย บางทีได้รับความนิยม บางครั้งก็เสื่อมถอย นั่นเป็นเรื่องธรรมดา

แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับ “ผู้อื่น” ชี้วัด

ไม่ใช่ระฆังส่งเสียงดังขึ้นเอง!

อย่าง “ชัชชาติ” นั้นเป็นคนธรรมดา มามือเปล่า ไม่พกปืนผาหน้าไม้ ไม่ใช้วาจาสามหาว ไม่ห้าวกระโชกโฮกฮากฮึ่มคำราม ท่วงท่าเป็นกันเอง ดูมีน้ำใจไมตรี รอบรู้ แต่ไม่โอ้อวด เหมือนระฆังดีที่มีคนตีให้เกิดเสียงดัง พูดในเรื่องที่รู้ แล้วก็ลงมือทำจริงๆ ในสิ่งที่พูด เป็นคนติดดิน ไม่ใช่พร่ำแต่ว่าทำเพื่อประโยชน์คนส่วนใหญ่ด้วยลมปาก

ท่วงท่าที่ไม่ยโสโอหังถ้าออกมาจาก “ภายใน” จะไม่มีอาการหลุด

อาจารย์ด้านอารมณ์สอนว่า ความขุ่นมัวหรืออารมณ์ด้านลบนั้นมีความซับซ้อนซ่อนลึกที่เจ้าตัวมักไม่รู้ตัว ยิ่งคนที่เป็นใหญ่ มีพวกมาก จะถูกห้อมล้อมด้วยบริวารสอพลอเอาใจมักจะหลงติดกับดัก “อัตตา” เหมือนสนิมที่เกิดจากเนื้อในตน

ปฏิกิริยาด้านลบจึงเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ บุคลิกภาพท่าทางที่แสดงออกจะบอกถึงระดับความลึกยิ่งกว่า “อุปนิสัย”

และนั่นก็คือสาเหตุที่เปลี่ยนคนธรรมดาให้เป็นซาตาน!

 

การจะฝึกคนให้มี “วุฒิภาวะทางอารมณ์” จึงนับเป็นเรื่องที่ยาก

ถ้าเป็น “ผู้นำ” ควรต้อง “หยุดกิจกรรม” เพื่อบำบัดรักษา ไม่ใช่คิด “จะไปต่อ”

อย่าเอาภาพใส่สูทปีนบันไดขึ้นไปมุงหลังคาของ “ประยุทธ์” ไปเทียบกับ “ชีวิตประจำวัน” อันปกติของ “ชัชชาติ”

คนหนึ่งถูกสร้างมาเพื่อให้เห็นสิ่งที่ขวางอยู่ข้างหน้าว่าเป็นศัตรู หรือเป้าหมายที่ต้องทำลาย ถ้าจะเอาชนะต้องปลุกใจตัวเองให้ฮึกเหิมหาญห้าวเข้าบดขยี้ สัญชาตญาณระแวงภัยกระตุ้นเตือนให้มองเห็นแต่อันตราย ไม่ไว้วางใจ เอาตัวรอด

บางคนอาจแถมพกด้วยการโทษแต่คนอื่นกับให้อภัยตัวเอง

จะไม่เป็นโทษหรือเป็นอันตรายกับส่วนรวม ถ้าคนประเภทนั้นอยู่ในที่ที่เหมาะสม

ส่วนอีกคนถูกสร้างขึ้นมา “เพื่อสร้าง”!

การเอาชนะอุปสรรคต้องใช้ “ปัญญา” คิดใคร่ครวญให้ถ้วนถี่ แต่กล้าริเริ่มเปลี่ยนแปลง ไม่ดักดานดังเดิม ถ้าไม่รู้ก็เรียนให้รู้ ไปฟังให้ได้ยินกับหู ไปดูให้เห็นกับตา แล้วลงมือ “สร้าง” ให้ปรากฏ

“ชัชชาติ” คือตัวอย่างของผู้นำระดับ “เมือง” ที่คน กทม.ได้มาตามกฎหมาย มาตามครรลอง มาถูกต้องตามกติกา

ท่วงท่าบอกนิสัย ผู้คนมองเห็นได้ สัมผัสได้ถึงความตั้งใจ ประพฤติและกระทำด้วยปัญญา ที่สำคัญคือมีอารมณ์ขัน ไม่โง่ ไม่ป่วย ไปต่อได้โดยไม่ต้องร้องขอ!?!!