คนมองหนัง

 

กิจกรรมฉายหนังน่าสนใจ

ปลายเดือนกรกฎาคม

 

“คนจร ฯลฯ” ผลงานของ “อรรถพร (ปุยฝ้าย) ไทยหิรัญ” ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติเมื่อ พ.ศ.2555

หนังเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มผู้เสียสติจากการต้องเห็นพ่อแม่และน้องสาวตายต่อหน้าต่อตาตนด้วยฝีมือชายชู้ของแม่ จนเขาเห็นใครต่อใครเป็นคนในครอบครัวไปหมด

วันหนึ่งเขาได้เข้าไปพัวพันในคดีสำคัญ เมื่ออดีตลูกจ้างชาวพม่าของเสี่ยคนหนึ่ง ได้แหกคุกออกมาหมายล้างแค้นเสี่ยและครอบครัวที่กดขี่พวกเขา

อรรถพรซึ่งเป็นคนหนุ่มวัย 30 ปี ที่เติบโตมาในครอบครัวที่ทำงานกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์และทีวี (รวมทั้งเคยฝากผลงานการแสดงไว้ในหนังบางเรื่อง โดยเฉพาะการเป็นดาราเด็กใน “ผีเสื้อและดอกไม้” ของ “ยุทธนา มุกดาสนิท”) สร้างหนังเรื่อง “คนจร ฯลฯ” ขึ้นเมื่อปลายปี 2542

รสนิยมส่วนบุคคลที่แหวกแนว ซึ่งถักทอเข้ากับเครือข่ายทางสังคมที่ตัวผู้กำกับฯ มี ส่งผลให้ “คนจร ฯลฯ” เป็น “หนังไทยนอกกระแส” เรื่องแรกที่ได้เข้าฉายตามโรงภาพยนตร์ทั่วไป ทั้งยังเป็น “หนังอิสระ” นอกระบบสตูดิโอ ที่มีดาราดังมาร่วมแสดงอย่างคับคั่ง เช่น ฉัตรชัย เปล่งพานิช เรย์ แมคโดนัลด์ รามาวดี สิริสุขะ สุเชาว์ พงษ์วิไล และไกรลาศ เกรียงไกร

นี่คือหนังไทย ซึ่ง “มาก่อนกาล” ที่ได้รับการนำเสนอด้วยลีลาการกำกับภาพแบบแฮนด์เฮลด์ที่สั่นไหว สีแสงอันฉูดฉาด การมีตัวละครแต่งกายแปลกประหลาด (อาทิ เครื่องแบบตำรวจที่เท่มากๆ) และการมีเนื้อหาแนวเสียดสีสังคม

ทั้งยังเป็นภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกและเรื่องเดียวของอรรถพร ซึ่งประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในวัย 43 ปี เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2555

ในวาระ 10 ปีแห่งการจากไปของ “อรรถพร ไทยหิรัญ” หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) จะนำฟิล์มภาพยนตร์ 35 ม.ม. ของ “คนจร ฯลฯ” มาจัดฉายอีกครั้ง เป็นจำนวนสองรอบ

รอบแรก ในวันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม ซึ่งจะมี “ยุวดี ไทยหิรัญ” แม่ของอรรถพรมาร่วมพูดคุยกับผู้ชม และรอบสอง ในวันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม เวลา 15.30 น.

ผู้สนใจสามารถสำรองที่นั่งได้ที่ https://fapot.or.th/main/cinema/view/1480

เจแปนฟาวน์เดชั่น กรุงเทพฯ ร่วมกับศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์กรมหาชน) และหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร จัดกิจกรรมฉายภาพยนตร์เรื่อง “Mlabri in the Woods” ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 เวลา 14:00-17:30 น. ณ ห้องออดิทอเรียมชั้น 5 หอศิลป์ กทม. ปทุมวัน

“Mlabri in the Woods” เป็นภาพยนตร์สารคดีที่ “คาเนโกะ ยู” ผู้กำกับฯ ใช้ระยะเวลาต่อเนื่องถึง 2 ปีในการตามติดชีวิต “ชาวมลาบรี” กลุ่มชาติพันธุ์ที่ร่อนเร่เข้าไปในป่าลึก หลบเลี่ยงจากคนบนพื้นที่ราบ เพื่อสร้างเพิงพักชั่วคราวจากไม้ไผ่และใบตอง

โดยเขาได้ถ่ายทำหนังเรื่องนี้ร่วมกับ “อิโตะ ยูมะ” ที่สามารถพูดได้ถึง 6 ภาษา รวมทั้งภาษามลาบรี ได้อย่างคล่องแคล่ว

 

คาเนโกะ ยู วัย 48 ปี เป็นผู้สร้าง-นักวิจารณ์ภาพยนตร์ และรองศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยศิลปะทามะ ประเทศญี่ปุ่น ทั้งยังเป็นผู้จัดโปรแกรมฉายหนังของเทศกาลภาพยนตร์สารคดีโตเกียว ตั้งแต่ปี 2018

ผลงานหนังสารคดีของเขาเคยเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ที่บ้านเกิด รวมทั้งได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ เช่น เทศกาลร็อตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์

นอกจากนี้ เขายังตีพิมพ์งานเขียนด้านประวัติศาสตร์ภาพยนตร์และมานุษยวิทยาวัฒนธรรมมากกว่า 20 เล่ม

อิโตะ ยูมะ วัย 36 ปี เป็นนักภาษาศาสตร์และนักวิจัยอิสระ เขาเคยทำงานในฐานะนักวิจัยที่สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมแห่งเอเชีย-แอฟริกา มหาวิทยาลัยการต่างประเทศแห่งโตเกียว ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 และเคยเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยการศึกษานานาชาติโทยามะ

ปัจจุบัน ยูมะทำงานภาคสนามทั้งในประเทศไทยและประเทศลาว โดย “ภาษามลาบรี” ถือเป็นภาษาที่เขาเชี่ยวชาญลำดับสอง รองลงมาจากภาษาญี่ปุ่น

 

นอกจากรับชมภาพยนตร์แล้ว ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับฟังการเสวนาหลังฉายหนังจบ โดยมีคาเนโกะ ยู และอิโตะ ยูมะ มาร่วมสนทนา (ยูมะจะพูดคุยผ่านทางระบบออนไลน์)

กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการเสียงจากกลุ่มชาติพันธุ์ (Sound of the Soul) ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับชาวมลาบรี ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับความเข้าใจน้อยที่สุด

ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้างานได้ที่ https://www.eventpop.me/e/13265 (รับคนดูวอล์กอินจำนวนจำกัด) •