‘นายพลเนอดา’ สแกนเมียนมา-กลุ่มชาติพันธุ์ ในสมรภูมิรบ

หมายเหตุ : บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกวันที่ 17/06/2022 ปัจจุบันนายพลเนอดา โบเมียะ ไม่ได้อยู่ภายใต้สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) แล้ว แต่แยกตัวไปเป็นผู้บัญชาการกองทัพกอทูเล (Kawthoolei Army : KTLA)

 

วันที่นัดสนทนากับ พล.ต.เนอดา เมียะ ผู้บัญชาการกองกำลังองค์กรป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Defence Organisation – KNDO) ฉายา “มังกรแห่งลุ่มน้ำสาละวิน” เขาแต่งตัวสบายๆ ไม่ได้สวมชุดทหารเต็มยศเหมือนที่เห็นกันจนชินตา บรรยากาศการพูดคุยก็เป็นกันเอง ไม่ได้มีพิธีรีตองอะไร ซึ่งนายพลวัย 55 ปี พูดภาษาไทยชัดเจนแบบไม่ต้องมีล่ามแปล

ย้อนไปช่วงกลางปี 2564 ลูกชายนายพลโบ เมียะ อดีตประธานาธิบดีสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ (The Karen National Union – KNU) คนนี้ ที่มีดีกรีปริญญาตรีสาขาการปกครองและเทคโนโลยี จากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นข่าวใหญ่โต หลังคณะกรรมการกลาง KNU มีคำสั่งปลดให้พ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการ KNDO กรณีเหตุฆาตกรรม 25 ศพ ที่ ต.วาเลย์ อ.ซูกะลี จ.เมียวดี ฝั่งตรงข้าม อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งการสังหารหมู่ครั้งนั้นถูกสรุปผลว่าขัดต่อกฎหมายของ KNU ทำให้นายพลเนอดา ในฐานะผู้นำสูงสุด KNDO และ ร.อ.บ่าวา ผู้สั่งการ ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้

ท่ามกลางเสียงคัดค้านขององค์กรกะเหรี่ยงที่อยู่ในต่างประเทศ พร้อมเรียกร้องให้ทบทวนคำสั่งดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า นายพลเนอดาเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของชาวกะเหรี่ยงในการต่อสู้เพื่อปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์จากการกระทำอันโหดร้ายของเผด็จการทหารพม่า

ในเรื่องนี้นายพลเนอดาอธิบายว่า “ก่อนหน้าเกิดเหตุการณ์นี้ ผมไปประชุมที่กองพล 5 เขาบอกกลับมาต้องกวาดล้างพม่าในพื้นที่ของเรา ถนนที่ไม่ขออนุญาตสร้าง พม่าจะสร้างไม่ได้ พอเราเห็นพม่าสร้างถนนในเขตของเรา ก็ไปเตือนเขาให้หยุด ถ้าไม่หยุดผมจะไม่รับผิดชอบ ครั้งที่ 2 ยังเห็นอยู่ ผมมองว่าถ้าไม่กวาดล้างเขาจะสร้างพื้นที่ในบ้านเของเรา ลูกหลานของเราจะไม่มีที่อยู่ แต่เรากวาดล้างเฉพาะพวกที่เป็นสายของทหาร ผู้หญิง-เด็กเราปล่อย แต่คนที่เกี่ยวข้องกับทหารมียศเราจับ ขณะที่ผู้นำกะเหรี่ยงที่ไปทำธุรกิจกับพม่า เขาโดนพม่าบีบแล้วมาปลดผม ซึ่งผมบอกไปว่าปลดผมไม่ได้ เพราะคนตามผมเยอะ จะทำให้ทหารกะเหรี่ยงแตก เรื่องนี้ผมไม่เห็นด้วย ทหารและประชาชนก็ไม่เห็นด้วย ตอนนี้เงียบกันหมดแล้ว”

สำหรับสถานการณ์การสู้รบในพม่า เจ้าตัวเล่าว่า ตอนนี้กำลังต่อสู้กับรัฐบาลพม่าอยู่หลายจุดหลายแห่ง ตามกองพลต่างๆ โดยเฉพาะกองกำลังของ KNU ที่พล 1 พล 2 พล 3 พล 4 และพล 7 ส่วนที่พล 5 และพล 6 มีกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (The People’s Defense Froce – PDF) ที่เคยต่อต้านรัฐบาลพม่ามาอยู่กันด้วย โดยช่วยฝึกให้เขา ซึ่งเขาเองมีพรรคพวกอยู่ต่างประเทศก็ได้เข้ามาช่วยเหลือเรื่องความร่วมมือกับต่างประเทศ เพราะสิ่งที่เราต้องการที่จะต่อสู้กับรัฐบาลพม่า คือ ปืนกับกระสุน และอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อใช้ในสนามรบ

พวกเราทำงานกับ PDF ได้ดี เขามีกำลังใจที่อยากจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในพม่า เพราะไม่อยากอยู่ใต้เผด็จการ และต้องการก่อตั้งประชาธิปไตยขึ้นมาใหม่ ซึ่งถ้าไม่มีการปฏิรูป ประเทศชาติก็ไปไม่ได้ เนื่องจากประชาชนเดือดร้อน จึงต้องทำให้แล้วเสร็จ ถ้าไม่ทำให้เสร็จ ทุกคนก็อยู่ไม่ได้

PDF มาอยู่กับเราก็อยู่ภายใต้กฎหมายและการควบคุมดูแลของ KNU โดยเราได้ฝึกทหาร อบรมเกี่ยวกับเรื่องความสามัคคี และประชาธิปไตยต่างๆ เพื่อสร้างประเทศในอนาคต เนื่องจากประเทศพม่ามีหลายชาติพันธุ์ ทุกกลุ่มมีอาวุธปืน มีกำลัง พร้อมจะสร้างเป็นชาติด้วยตัวเอง และเราอธิบายว่า ถ้าพม่าจริงใจอยากจะมีสหพันธรัฐ (Federal) ต้องคุยกัน ต้องสร้างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ เพราะรัฐธรรมนูญที่มีตอนนี้ มีไว้สำหรับสนับสนุนทหารกับเผด็จการ ต้องเปลี่ยนทั้งหมด เมื่อเราอธิบายอบรมให้เขาเรื่องอนาคตจะเป็นอย่างไร ชาวพม่าก็เห็นด้วย

กลุ่ม PDF เติบโตขึ้นมาก เพราะเขามีความรู้ สร้างอาวุธ สร้างกระสุน ทำปืนเอง ทำระเบิดได้ ในอนาคตจะมีมากขึ้น

: สมาชิก KNU มีเท่าไหร่

สมาชิก KNU ที่เป็นทหาร มีประมาณเกือบ 2 หมื่น พวกกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (DKBA) พอรู้ตัวว่าไปด้วยตัวเองไม่รอด จึงอยากกลับมาอยู่กับ KNU

แต่ตอนนี้ผู้นำ KNU บางคน เมื่อเจรจากับพม่าก็ไปหลงเชื่อพม่าเยอะ ไปลงทุนทำธุรกิจ ไปสร้างกาสิโนต่างๆ อันนี้ชาวกะเหรี่ยงก็ไม่เห็นด้วย แต่ถ้าไปเจราจากับพม่าเรื่องสร้างสันติภาพ ชาวกะเหรี่ยงก็เห็นด้วย แต่นี่ไปคลุกคลีกับพม่ามากเกิน และไปทำธุรกิจและหลงเชื่อพม่า จึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเรื่องเสรีภาพ เรื่องเขตแดนกับพม่าเสียที

เวลาผ่านไป 6-7 ปีไม่มีอะไรคืบหน้า ประชาชนจึงไม่ค่อยเชื่อพวกผู้นำ KNU บางคน แต่ทหารยังมีกำลังใจที่จะต่อสู้ เพื่อขับไล่ทหารรัฐบาลพม่าออกไปให้ได้ จึงพยายามรบต่อสู้พม่าอยู่ที่กองพล 1, 3, 5 และ 6 เพราะพม่าตั้งฐานในพื้นที่เขต KNU เยอะเกิน ประมาณ 300 ฐาน ประชาชนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องทำให้พม่าถอยไป ต้องออกไปจากพื้นที่ของเราให้ได้

ในบรรดากลุ่มชาติพันธุ์ กะเหรี่ยงอาจมากกว่าพม่าเสียอีก มีจำนวนมากที่สุด ประมาณ 10 กว่าล้านคน จากจำนวนประชากรพม่าทั้งหมด 28.7 ล้านคน รวมทั้งประเทศแล้วพม่ามีจำนวนน้อยกว่ากลุ่มชาติพันธุ์

: สถานการณ์การรบปัจจุบันใครได้เปรียบกว่ากัน

รัฐบาลพม่าเสียเปรียบ 1.ฐานที่เราเข้าไปยึดได้ เขาไม่สามารถเอาคืนได้ เพราะเรารู้ว่ากำลังของเขาอ่อนลงมาก 2.ยังต้องรบกับประชาชนในประเทศอีก 3.ต้องรบกับชาติพันธุ์ที่มีอาวุธและมีทหาร สมมุติทหารรัฐบาลพม่ามี 30 คน กำลังเสริมก็ไม่มี เราจัดกำลังไป 200 กว่าคน มั่นใจได้ว่าประมาณ 2 อาทิตย์ ต้องสลาย เราสามารถยึดฐานทัพนั้นๆ ได้แน่นอน โดยเฉพาะหลายจุดที่พล 5 ถ้ายึดก็ยึดได้ เพราะไม่เหมือนแต่ก่อน กำลังเสริมไม่มี มีแต่ทหารที่อยู่บนฐาน ส่วนมากแต่ละฐานของทหารรัฐบาลพม่ามีไม่เกิน 50 นาย ถ้าเราไป 300 คน ทหารพม่าอยู่ไม่ได้แน่นอน

อันนี้เรารู้กำลังเสริมไม่มี ที่จะอาศัย DKBA ก็ไม่ได้เพราะบางกลุ่มกลับเข้ามา ขณะที่กลุ่ม PDF บางส่วนยังเคลื่อนไหวส่งข้าวส่งอาหารให้รัฐบาลพม่าอยู่ แต่ใต้โต๊ะกำลังช่วย KNU ก็มี ทำให้พม่าสับสน จะเชื่อ DKBA และ PDF เหมือนเดิมไม่ได้ เพราะเดี๋ยวพวกนี้ส่งข่าวให้ KNU

พม่าแย่ลงมาก ตอนนี้รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือ NUG ที่ขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศ เพื่อตั้งเป็นกองทัพแต่ละจุด และจะประกาศดีเดย์ให้ทุกกลุ่มต่อสู้พร้อมกัน

ตอนนี้พม่าน่าเป็นห่วง เพราะกลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่มมีนักการเมือง มีทหาร มีการปกครองด้วยตัวเอง มีประธานาธิบดี มีผู้บัญชาการทหารสูงสุด เหมือนประเทศหนึ่ง

: กะเหรี่ยงมีกี่กลุ่ม

ปัจจุบันกลุ่มกะเหรี่ยงมีทั้งหมด 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ KNU, กองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF), DKBA และ PC กลุ่มที่มีกำลังมากที่สุด คือ KNU เพราะ BGF ชาวบ้านไม่ค่อยอยากเข้าไปอยู่ เนื่องจากรู้ว่าไม่ได้ทำเพื่อส่วนรวม แต่ทำเพื่อผลประโยชน์มากไป โดนพม่าหลอกใช้เขา ชาวบ้านเห็นไม่ค่อยสนับสนุนเท่าไรนัก ตอนนี้ไล่จับคนไปเป็นทหารในหมู่บ้านต่างๆ คนก็หนีเยอะ ส่วน DKBA ก็เช่นกัน ไม่ค่อยมีกำลังเท่าไหร่ แตกกันเยอะ

สำหรับกลุ่มชาติพันธุ์ของกะเหรี่ยงที่สามารถพูดคุยกันได้ ได้แก่ คะฉิ่น, กองกำลังอาระกัน หรือ AA, ทหารพรรคก้าวหน้าแห่งชาติกะเรนนี (Karenni National Progressive Party หรือ KNPP) หรือกะเหรี่ยงแดง และ B2 รวมทั้งมอญ แต่มอญกำลังไม่ค่อยมีเท่าไหร่ นอกจากนี้ก็มีปะโอ ปะหล่อง ส่วนเจ้ายอดศึก เป็นกลุ่มสภาเพื่อการกอบกู้รัฐชาน (RCCS) และเป็นหัวหน้ากองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ อยู่ใต้รัฐไทใหญ่ เขาก็ไปเจรจากับพม่า แต่ก็กำลังสร้างกองทหาร สร้างอิทธิพล และเขตแดนของเขาเอง รวมทั้งเขาไม่ใช่คนโง่ เขาฉลาดเหมือนกัน เขาไปคุยกับพม่า เขามีแผนที่ดีสำหรับชาวไทใหญ่

: มองสถานการณ์การเมืองภายในเมียนมาอย่างไร

ในอนาคตรัฐบาลทหารพม่าอยู่ไม่ได้นาน เพราะ 1.ชาติพันธุ์ไม่เห็นด้วย 2.ประชาชนก็ไม่เห็นด้วย 3.นักการเมืองพม่าและต่างชาติก็ไม่เห็นด้วย เศรษฐกิจก็ทรุดลง สะพานเชื่อมระหว่างไทยก็เปิดไม่ได้ คนไทยบางส่วนก็ลำบาก แต่ที่ลำบากมากที่สุดคือพม่า อดอยากกันมาก พม่าเสียฟอร์มหมด

รัฐบาลทหารพม่ายึดประเทศมาได้ 1 ปีกว่า แต่ดูเศรษฐกิจต่างๆ ลดลงหมด ทั้งการศึกษา และกำลังทหารลดลงหมดภายใน 1 ปี แต่ก่อนเรารบอยู่ในป่า ไกลห่างจากชายแดนเยอะ เมื่อยึดได้ปุ๊บ เราต้องรีบถอยเลย แต่ตอนนี้ติดชายแดน ถ้าพม่ามีกำลังจริงเขาจะเอาคืนทันทีเลย เพราะพม่าไม่ยอมเสียหน้า แต่ตอนนี้แสดงว่าเขาไม่ไหวจริงๆ ซึ่งมีหลายพื้นที่ที่กะเหรี่ยงยึดได้ แต่พม่าทำอะไรไม่ได้

: แสดงว่ารัฐบาลเมียนมาใกล้ถึงจุดจบใช่ไหม

ไม่เกิน 2 ปี เสร็จแล้ว

: บทบาทของจีนในเมียนมา

จีนเจอเหตุการณ์ไม่ดีก็ถอยไป ก็อยู่เฉยๆ จีนก็ลำบาก รัสเซียก็ลำบาก พม่าก็ลำบากเพราะได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียกับจีนเยอะ แต่ตอนนี้จีนก็ไม่ได้เชื่อพม่า เพราะพม่าหลอกจีนมาตลอด บอกว่าจะทำเขื่อนให้ แต่ก็ทำไม่ได้ ทั้งที่สาละวินและอีกหลายจุด จีนให้เงินเยอะ พม่าก็หลอกๆ ว่าจะจัดการให้ แต่ทำไม่เสร็จสักที จีนมาทำกาสิโน สร้างเมืองไชน่าทาวน์ จีนลำบาก เอาเงินเข้าไปในพม่าเยอะ ตอนหลังจีนก็ 50-50 ไม่ค่อยเชื่อพม่าเท่าไหร่

: อยากบอกอะไรกับรัฐบาลทหารเมียนมา

รัฐบาลทหารพม่าต้องออกจากพื้นที่กะเหรี่ยงทั้งหมด ต้องรีฟอร์ม (ปฏิรูป-reform) ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ ต้องเปลี่ยนรัฐธรรมนูญใหม่ และต้องเรียกประชุมใหญ่ทั้งหมด ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทาง เพราะทั้งประเทศจะลุกขึ้นต่อสู้กับรัฐบาลทหารพม่า เขาต่อสู้ไม่ไหว กลุ่มชาติพันธุ์มีปืนทั้งหมด กำลังทหารพม่าจริงๆ มีอยู่ไม่เกิน 300,000 คน แต่เขาประกาศว่ามีมากกว่า 500,000 คน ผมไม่เชื่อ ผมว่าไม่มี ถ้ารวมกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งหมด รวมกับประชาชนแล้ว มีประมาณเท่าๆ กัน พม่าสู้ไม่ไหวจริงๆ ผมคำนวณเรียบร้อยแล้ว

กลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่มต้องการพื้นที่ และต้องการปกครองด้วยตัวเอง แต่ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่จะต้องเจอกับพม่า และต้องดูว่าประชาชนของพม่าต้องการอะไร ตอนนี้ประชาชนของพม่าก็สู้กับรัฐบาลพม่า และมาอยู่กับเรา ซึ่งเราก็อบรมพูดถึงเรื่องสหพันธรัฐ แต่ต้องมาทีหลัง สิ่งแรกต้องให้ได้ชัยชนะก่อน ต้องมีพื้นที่มีการปกครองของตัวเอง แต่ละรัฐต้องมีการรับรองรัฐ (Recognition) ให้เรียบร้อย สำหรับพม่าต้องดูว่าจะทำเป็นรัฐ หรือ Region เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ถึงมาดูรัฐธรรมนูญว่าดีต่อกลุ่มชาติพันธุ์หรือไม่ จะมาเอาอำนาจอย่างเดียวไม่ได้ เพราะทุกกลุ่มมีปืน มีอาวุธ มีการปกครองของตัวเองแล้ว ไม่ได้อยู่ในป่าเหมือนแต่ก่อน

ในการสู้รบกันเราต้องเอาพื้นที่คืนให้หมด และประกาศเป็นรัฐอิสระของกะเหรี่ยง ส่วนที่นักการเมืองพม่าอยากทำสหพันธรัฐ ต้องรับรอง ต้องประกาศว่าคือรัฐกะเหรี่ยง และทำสหพันธรัฐ ต้องคุยกันใหม่ ต้องมีรัฐธรรมนูญของรัฐ และรัฐธรรมนูญของประเทศ พม่าก็ต้องมีรัฐ จะอยู่ทั้งหมด คุมทั้งหมดไม่ได้

: กะเหรี่ยงได้รับการสนับสนุนเงิน อาวุธ จากชาติไหนบ้าง

ประเทศตะวันตกไม่ได้สนับสนุนอะไร แค่ช่วยเรื่องการอพยพ เกี่ยวข้องกับมนุษยชนให้การดูแลและให้อาหาร ส่วนเรื่องทหารอาศัยจากกะเหรี่ยงในต่างประเทศที่เห็นด้วยกับพวกเรา ที่เคยไปก่อตั้งในหลายๆ ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย กลับมาช่วยกัน ทำให้อาวุธยุทโธกรณ์ของเราดีกว่าพม่าเยอะ ตั้งแต่จรวจอาร์พีจีลงไป อย่างพวกอาวุธธรรมดา พวกปืนไรเฟิล อาวุธของรัฐบาลพม่ามีคุณภาพต่ำที่ได้จากจีน ส่วนปืนของเราส่วนใหญ่มาจากสิงคโปร์ และสหรัฐ จีนให้ปืนพม่าไม่ค่อยดี เหล็กไม่ค่อยดี

: จนถึงบัดนี้การสู้รบระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์กับพม่า ยังไม่ยุติ

ผมคิดว่าอีกไม่เกิน 2 ปี ต้องชนะแน่นอน และพม่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน สมัยพ่อสู้รบ ยังไม่มีกะเหรี่ยงในต่างประเทศ คุยกันก็ไม่ได้ เพราะอยู่ในป่าและในศูนย์อพยพ แต่ตอนนี้กะเหรี่ยงกระจายอยู่ทั่วโลก ด้วยเทคโนโลยีใหม่และโซเชียลมีเดีย พม่าพูดหรือแอบซ่อนอะไรไม่ได้ แค่ 5 นาทีชาวโลกก็รู้แล้ว อย่างเรื่องโรฮิงญาที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ต่างชาติก็มองว่าพม่าต้องไปขึ้นศาล ต่อมาพม่าก็เปลี่ยนเป็นยึดอำนาจ ตอนนี้พม่าอึดอัดใจมาก

ทหารพม่าที่จับได้ไม่ได้แข็งแรง เป็นคนอายุมากแล้ว อายุ 50 ปีขึ้นไป เดินไม่ไหวแล้ว อยู่บนฐาน ไม่เหมือนแต่ก่อน

ผมคิดว่าคงไม่ถึง 2 ปีแน่นอน ผมรู้สถานการณ์ของพม่า เพราะมีคนมาบอกพม่าต้องการคุย ผมไม่สน ผมสนเอกราชของกะเหรี่ยง 1.ก่อนคุยต้องออกไปทั้งหมด และ ต้องไปคุยที่ชายแดนในประเทศที่สาม สิงคโปร์ ญี่ปุ่น หรือที่ไทย ผมไม่ทำเหมือนผู้นำ KNU ถ้าผมทำจะให้พม่าถอยออกไปก่อน ถ้าคุณจริงใจ ถ้าคุณเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ผมจะไม่เข้าไปยุ่งในย่างกุ้ง ผมจะเอาเขตของกะเหรี่ยง คุยกันได้เรื่องสันติภาพ เพราะอยู่ในประเทศเดียวกัน เมื่อกะเหรี่ยงมีอิสระ เราจะไม่ละเมิดกดขี่กดดันชาวพม่า

ที่ผ่านมา เราเจรจากับพม่าหลายครั้งแล้วตั้งแต่สมัยของพ่อผม แต่ไม่สำเร็จเพราะพม่าไม่จริงใจ

: ออง ซาน ซูจี ยังมีบทบาทสำคัญไหม

ที่ผ่านมา ออง ซาน ซูจี ต้องทำเพื่อพม่า จะมาคิดหรือทำให้กะเหรี่ยงทั้งหมดเขาทำไม่ได้ แต่ก่อนเขามีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนประเทศ เพราะเป็นที่ปรึกษาของรัฐ เขาชนะการเลือกตั้ง แต่เขาไม่กล้า ถ้ากล้าจริงๆ ก็เปลี่ยนประเทศได้ ตอนนี้เขาอายุมากแล้ว คิดว่าเขาไม่ค่อยมีศักยภาพเหมือนแต่ก่อน เพราะตอนมีอำนาจอยู่ในมือก็ยังไม่ทำ ปล่อยให้ทหารมายึดอำนาจอีก เมื่อทหารยึดอำนาจ ประชาชนก็ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อเอกราชของพม่า เพื่อเอาชนะเผด็จการให้ได้ ออง ซาน ซูจี ก็ไม่ได้ช่วยเขา ต้องลุกขึ้นด้วยตัวเอง อาศัยพื้นที่ของชาติพันธุ์ พ่อแม่อยู่ข้างหลัง ยอมเสียสละ เสียเลือด เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลง ออง ซาน ซูจี ทำอะไรไม่ได้ เงียบอยู่ในคุก ไม่มีบทบาทอะไร

ตอนนี้พม่าน่าเป็นห่วง เพราะกลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่มมีนักการเมือง มีทหาร มีการปกครองด้วยตัวเอง มีประธานาธิบดี มีผู้บัญชาการทหารสูงสุด เหมือนประเทศหนึ่ง