ประชันอัตวินิบาตกรรม / เรื่องสั้น : อินทร อรพัน

เรื่องสั้น

อินทร อรพัน

 

ประชันอัตวินิบาตกรรม

 

-1-

เขาเขียนให้เกริกเป็นบรรณาธิการจำเป็นของคามิน หลังละสายตาจากต้นฉบับในร่างแรก ดวงตาเป็นประกาย ใบหน้ายิ้มกริ่ม เกริกกล่าว “พี่เขียนดีมาก ตัวละครอย่างยั่งยืนมีมากเกินไปในประเทศนี้ พวกปัญญาชนกำมะลอ แม้ฆ่าในโลกความจริงไม่ได้ เพราะติดแง่กฎหมาย แต่ในโลกวรรณกรรม เราสามารถสังหารยั่งยืนได้ อย่างที่ไม่ต้องกังวลกับบทลงโทษ ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงชายแดนทิศตะวันออก”

คามินยิ้มอย่างโล่งอก พอใจในคำวิจารณ์ของบรรณาธิการจำเป็น

“ผมไปก่อนล่ะ ต้องรีบไปส่งแฟน” เกริกกล่าวลา ยื่นต้นฉบับคืนคามิน

คามินเดินไปส่งเกริกถึงหน้าประตู พบหญิงสาวหน้าแฉล้มคร่อมมอเตอร์ไซค์ไถโทรศัพท์รออยู่ที่ลานบ้านเช่า แม้สบตากันเพียงครู่ แต่ความปรารถนาในตัวหล่อนยังคงติดตามมาอีกหลายค่ำคืน

เสียงท่อมอเตอร์ไซค์ดังแสบแก้วหูลอยห่างออกไป แต่คำเยินยอของเกริกยังฟูฟ่องลอยอบอวลเต็มบ้านเช่า

 

-2-

เขาเขียนให้เกริกเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่และน้องชายทยอยตายเพราะโรคเอดส์ ช่วงที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ ต่างทุ่มเถียงกันด้วยถ้อยคำหยาบคายและแดกดัน พ่อกล่าวหาว่าความเฮงซวยทั้งหมดมีต้นเหตุมาจากความสำส่อนของแม่ พ่อพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ว่าล่วงรู้พฤติกรรมอดสูซึ่งเกิดขึ้นที่บ้าน แม้ตัวพ่อนั้นเป็นกรรมกรก่อสร้างอยู่ต่างจังหวัด แต่ข่าวคาวเหม็นโฉ่ก็ลอยละล่องไปจนถึงหู เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เพียรส่งมาให้ แม่คงเอาไปปรนเปรอชายชู้ ‘ควายซินะ’ คงเห็นพ่อเป็น ‘ควายซินะ’ ถึงทำกันได้ลงคอ พ่ออยากแทรกแผ่นดินหนี และลากเอาความอับอายฝังไว้ใต้ปฐพีพร้อมกับร่างที่ไร้วิญญาณ

นี่ยังน้อย ฤทธิ์เดชความสำส่อนของแม่ไม่ได้จบเพียงแค่นี้ มันยังนำโรคร้ายมาสู่พ่อ โรคที่ใครต่างรังเกียจเดียดฉันท์ และไม่สนิทใจที่จะคบค้าสมาคมด้วย ความสัมพันธ์ที่เคยเหนียวแน่นและยาวนาน ทยอยขาดสะบั้นเมื่อญาติมิตรทราบข่าวว่าเป็นโรคร้ายอันน่ารังเกียจนี้

ฝ่ายแม่ฟูมฟายปาดน้ำตานองหน้า ว่าช่างพูดดูถูกดูแคลนลูกผู้หญิงเหลือเกิน นั่นปากผู้ชายหรือว่าอะไร ทำไมร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้ อยู่กินกันมาตั้งนมนาน ทำไมไม่เชื่อใจกันบ้าง เชื่อกันเข้าไปขี้ปากชาวบ้าน ส่วนคนใกล้ตัวไม่เคยเงี่ยหูฟัง

แม่ปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เคยนอกใจ หรือนอกกายพ่อเลยสักครั้ง เงินที่ส่งมาก็ไม่ได้มากมายอะไรแค่ใช้จ่ายในครอบครัวก็หมดแล้ว จะเอาที่ไหนไปปรนเปรอชายชู้ แล้วไหนจะค่าเทอมลูกชายคนโต จะให้เหลือเก็บได้อย่างไร

แม่ว่าเป็นพ่อเองต่างหาก ที่หาเศษหาเลยช่วงที่อยู่ต่างจังหวัด ห่างเมียเป็นไม่ได้นิสัยผู้ชาย คงเพลิดเพลินอยู่แต่ในซ่องกับบรรดาเพื่อนร่วมงานสินะ คงถลุงเงินไปกับพวกเหล้ายาและโสเภณี ที่เหลือส่งให้ลูกเมียคงเป็นเพียงเศษตังค์

ออ…เกือบลืม ยังหอบเอาโรคเอดส์มาติดลูกติดเมียด้วย สนุกมากใช่ไหม สาสมใจแล้วสินะ

ความผิดถูกโยนกันไปมา การลงไม้ลงมือมีให้เห็นไม่เว้นวัน สถานการณ์เหล่านี้ดูดกินพลังชีวิตให้หมดไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย แม่รักษาตัวเองด้วยสมุนไพร ซึ่งเป็นมุขปาฐะว่าสามารถรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ ทว่า ยิ่งกินยิ่งแย่ ยิ่งมีลมหายใจกลับรู้สึกพังพ่าย มองลูกชายคนเล็กคราใดน้ำตาไหลริน จึงจบความทุกข์ด้วยการแขวนคอกับขื่อบ้าน

ส่วนพ่อรักษากายใจด้วยเหล้ายา เงินทองจากการรับจ้างทั่วไปเทลงขวด ครั้นแม่ตาย พ่อกลายเป็นคนเสียสติ หนีออกจากบ้านกลายเป็นคนจร บัดนี้คงกลายเป็นศพไร้ญาติอยู่ที่ไหนสักแห่ง

หลังจากนั้นไม่นานน้องก็ป่วยตายตามไปอีกคน…

เขาเขียนให้เกริกขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯ โดยการอุปการะของผู้เป็นลุง เกริกเรียนช่างกล แล้ววันหนึ่งเกริกดันทะลึ่งไปพ่นกำแพงโรงเรียนที่สอนทางด้านศิลปะซึ่งมีคำว่า ‘ช่าง’ นำหน้า เพราะคิดว่าเป็นโรงเรียนสายต่อยตี ครั้นถูกจับได้ แทนที่คณาจารย์หรือนักศึกษาทางด้านศิลปะจะต่อว่าหรือรุมประชาทัณฑ์ พวกเขากลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม คือแนะนำเกริกว่า หากจะพ่นก็ได้โปรดประณีตกว่านี้เสียหน่อย เพราะสุนทรียศาสตร์ทางด้านศิลปะยังบกพร่องอยู่มาก และหากชื่นชอบทางด้านความงามและงานศิลปะสามารถเข้ามาปรึกษาที่โรงเรียนแห่งนี้ได้เสมอ

และนั่นเป็นจุดหักเหในชีวิต เกริกลาออกจากโรงเรียนช่างกลหันมาเรียนทางด้านศิลปะ เกริกได้เปิดโลกทัศน์ ได้เรียนรู้ด้านศิลปะ สุนทรียศาสตร์ ได้เห็นแง่มุมการมองชีวิตของบรรดาศิลปิน และได้อ่านหนังสือมากมายกระทั่งกลายเป็นหนอนหนังสือ

 

-3-

เขาเขียนให้คามินเขียนถึงตัวละครที่ชื่อมะโหนก พยายามสลัดกลุ่มก้อนความคิดที่กระจัดกระจายอยู่ในหัว ให้เหลือเพียงจุดหมายที่จะทำ มะโหนกยืนอีกฟากของถนน ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับแมนชั่นสุดหรูของนักเขียนชื่อดังนามว่ายั่งยืน

แฟนคลับหลายคนยืนถือหนังสือรอลายเซ็นอยู่ก่อนหน้าแล้ว บางคนยิ้มปลื้มปริ่ม บางคนกังวลใจระคนตื่นเต้นที่จะได้พบนักเขียนในดวงใจตัวเป็นเป็น มะโหนกยกหูโทรศัพท์หาภรรยา หมายใจจะสั่งเสียและบอกกล่าววีรกรรมอันหาญกล้า แต่เธอไม่รับสาย มะโหนกสันนิษฐานว่าเธอคงยุ่งขิงอยู่กับการถ่ายเอกสารให้ลูกค้าและบรรดานิสิตนักศึกษา ครั้งหนึ่งมะโหนกเคยถามเธอว่า ไม่เบื่อบ้างหรือกับการจำลองสิ่งที่อยู่บนกระดาษครั้งแล้วครั้งเล่า เธอบอกว่ามันไม่เหมือนกันซะทีเดียวหรอก แม้จะมาจากแม่พิมพ์เดียวกันก็ตาม เพราะความบกพร่องบางอย่าง หรือความสมบูรณ์กว่าแผ่นอื่นๆ ล้วนทำให้กระดาษแต่ละแผ่นมีลักษณะที่เป็นเอกเทศต่อกัน

เธอยังบอกอีกว่า มีอีกหลายกิจกรรมของมนุษย์ ที่ต้องทำซ้ำๆ เช่น การหายใจ การกิน การขับถ่าย การมีเซ็กซ์ หรือแม้แต่การคิดซ้ำๆ และเธอย้อนถามกลับ ว่าอะไรที่ยังไม่ถูกทำซ้ำอย่างนั้นหรือ

มือเปื้อนเหงื่อของมะโหนกกระชับหนังสือแน่น หนังสือที่เคยเทิดทูนบูชา ใช้นำทางชีวิต

เนื้อหาของหนังสือพูดถึงความอยุติธรรมในสังคม การถูกเอารัดเอาเปรียบของคนจนจากนายทุน การคดโกงคอร์รัปชั่นของนักการเมือง การใช้ชีวิตสมถะอยู่อย่างพอเพียง และการบูชาความจนยาก แล้วดูคนเขียนหนังสือเล่มนี้ตอนนี้ซิ ร่ำรวยอยู่บนกองเงินกองทอง ทั้งรถหรู เรือยอชต์ อสังหาริมทรัพย์ทำเลทองมากมาย สร้างชื่อเสียงและความร่ำรวยจากคอนเซ็ปต์ผู้อยู่เคียงข้างความยากจน และเป็นปรปักษ์กับความไม่เป็นธรรมทุกชนิด ก่อนพัฒนาตนเองเป็นเจ้าสัว ด้วยการขายเครื่องดื่มชูกำลัง

มะโหนกเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่คนจอมปลอมอย่างยั่งยืนต้องตาย เพราะช่วงเวลานี้สังคมต้องการคนอย่างยั่งยืนในวัยหนุ่ม เพื่อเป็นกระบอกเสียงขับไล่รัฐบาลทรราช แต่นักเขียนชื่อดังกลับเลือกที่จะนิ่งเฉย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน หลอกให้คนอย่างมะโหนกหลงใหลได้ปลื้มไปกับหลักประชาธิปไตย และเทิดทูนความจนยาก ขณะที่ยั่งยืนเบือนหน้าไปทางอื่นเสียแล้ว

 

-4-

เขาเขียนให้เกริกวิจารณ์เรื่องสั้นร่างที่สองของคามินดังนี้

“กระชับขึ้น ไม่เทอะทะ และสมจริง โดยเฉพาะการปูความเคียดแค้นของมะโหนกที่มีต่อยั่งยืน ทั้งเรื่องการให้สัมภาษณ์ของยั่งยืนกับสื่อบางสำนัก ว่าหนังสือของเขาขายดีกว่าพระไตรปิฎกเสียอีก ซึ่งนั่นทำให้เกิดกระแสดราม่า มีแฟนหนังสือจำนวนไม่น้อยแสดงความไม่พอใจ พากันเผาหนังสือแทบทุกเล่มของยั่งยืนทิ้ง รวมถึงมะโหนกด้วย และเรื่องยังเล่าย้อนกลับไปถึงวัยหนุ่มของมะโหนก ที่คลั่งไคล้ในศีลธรรมเป็นอันมาก มีอยู่ครั้งหนึ่ง มะโหนกพลั้งเผลอนอกใจแฟนสาว ซึ่งทำให้เขารู้สึกผิดถึงขั้นลาออกจากมหาวิทยาลัย และพยายามฆ่าตัวตายอยู่หลายหนแต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่งมะโหนกพบทางสว่างภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ก่อนลาสิกขาออกมา และการที่มะโหนกจะกำจัดยั่งยืน จึงถือเป็นการขจัดพวกนอกรีตและจอมปลอมให้หมดไปจากโลก”

เขาเขียนให้คามินปลื้มปริ่มเมื่อได้ยินคำเยินยอ คามินหันไปสบตากับแฟนสาวของเกริก ที่ร่วมวงวิพากษ์วิจารณ์ต้นฉบับเรื่องสั้นด้วย

คามินบอกเกริกว่าพึ่งได้รับเงินจากการประกวดเรื่องสั้นเวทีหนึ่ง จึงอยากให้เกริกและแฟนสาวอยู่เลี้ยงฉลองความสำเร็จ อีกทั้งเป็นการเลี้ยงขอบคุณที่เกริกช่วยชำระต้นฉบับและเป็นบรรณาธิการให้

แล้วเขาก็เขียนให้คนทั้งสามดื่มกันกระทั่งเมามาย…

 

-5-

เขาเขียนให้คามินปล่อยตัวละครให้เป็นอิสระ เพราะตามเนื้อเรื่อง ยั่งยืนเองก็เป็นนักเขียนเช่นกัน ทั้งคามินและยั่งยืนต่างเป็นตัวละคร ศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะให้คามินกำหนดชะตาชีวิตของยั่งยืนและมะโหนกแต่เพียงฝ่ายเดียว

เขาเขียนให้ยั่งยืนท้าประชันการเขียนเรื่องสั้นกับคามิน

ซึ่งคามินเองก็ตอบตกลง

 

-6-

เขาเขียนให้ยั่งยืนและมะโหนกวางแผนฆ่าคามิน “จะเอายังไงกับไอ้นักเขียนหน้าใหม่นั่นดี ดูซิ มันปล่อยให้คนดีๆ อย่างผมเป็นฆาตกร” มะโหนกเปิดบทสนทนา

“คุณแค่เป็นฆาตกร ส่วนผมนี้ซิต้องกลายเป็นศพ แถมมันยังปล่อยให้คุณลอยหน้าลอยตานั่งอ่านหนังสือซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุ รอการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ช่างไม่ให้เกียรติกันบ้างเลย สัญญาต่อหน้าไฟ ผมนี้แหละจะเขียนบทให้มันถูกฆ่าเช่นเดียวกันกับผม”

ยั่งยืนตอบ ก่อนแสยะยิ้ม

 

-7-

ยั่งยืนเขียนให้เกริกไม่พอใจตอนจบในเรื่องสั้นของคามิน เพราะมันไปคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งที่เกริกเคยรับรู้มา เกริกคิดว่าคามินน่าจะทำได้ดีกว่านี้ เพราะตอนจบถือเป็นส่วนสำคัญ ที่จะตราตรึงใจผู้อ่าน

“พี่ควรให้ฉากจบเหนือชั้นกว่านี้ สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้อ่าน ให้คิดเสียว่าพี่กำลังออกแบบการตายให้กับตัวเอง ซึ่งต้องแตกต่างจากการตายที่เคยมีมา” เกริกพูดคาดคั้นเรียกความสร้างสรรค์จากคามิน “ถ้าเขียนได้แค่นี้ พี่จะสู้ยั่งยืนได้ยังไง”

ยั่งยืนเขียนให้คามินเดินเข้าไปในห้องนอน หยิบปืนที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าเป้ออกมา ก่อนนำไปวางข้างวงสนทนา เกริกไม่ได้ตกตะลึงไปกับพฤติกรรมของคามิน เพราะเกริกคุ้นเคยดีกับเรื่องปืนผาหน้าไม้ ในสมัยที่ยังเป็นเด็กช่างกลอยู่กรุงเทพฯ แม้กลับมาอาศัยที่บ้านเกิด เกริกยังไม่ทิ้งลายนักเลง ยังคงถูกจัดอันดับให้เป็นขาใหญ่ของที่นี่ และเมื่อเกริกรู้ว่ามีนักเขียนมาเช่าบ้านอยู่ในเขตปกครอง จึงเข้ามาตีสนิทกับคามิน เพราะต้องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางการอ่าน

ยั่งยืนเขียนให้คามินพูดว่า “พี่มาที่นี่หวังจะฆ่าตัวตาย คิดกลับไปกลับมาอยู่หลายตลบ คิดไม่ตกเสียทีว่าจะตายด้วยวิธีการใด หรือเวลาไหนจึงจะเหมาะสม ในแง่หนึ่ง การตายก็ช่างดูเป็นเรื่องง่ายดาย แต่อีกแง่หนึ่ง ก็ยุ่งยากพันตูไปหมด พี่พยายามคิดอย่างศิลปิน หาความแปลกใหม่และท้าทาย แต่เมื่อมองย้อนกลับไปก็พบว่า การตายช่างมีหลากหลายมากวิธีกว่าการเกิดเสียอีก จนกระทั่งมาพบเกริก พี่จึงคิดวิธีปลิดชีวิตตัวเองได้สำเร็จ

“ในอดีต พี่เคยทำไม่ดีกับคนรักเก่า หญิงสาวผู้หลงใหลในการเป็นคนอื่น โดยเฉพาะบรรดาซูเปอร์สตาร์ที่เธอชื่นชอบ เธอจะตามซื้อเสื้อผ้าที่คนเหล่านั้นสวมใส่ (ส่วนใหญ่เป็นของจากตลาดนัด) ฝันเฟื่องไปกับการเป็นคนอื่นทั้งที่ความจริงช่างต่างกันลิบลับ เธอไม่เหนียมอายแม้แต่น้อยที่ใครจะจับได้ว่าเธอแต่งกายเลียนแบบดารา พี่ไม่อาจยอมรับความไร้แก่นสารของเธอได้ พี่จึงตัดสินใจทิ้งเธอ ในวันที่เราจากกัน พี่ยังจำคำพูดสุดท้ายของเธอได้ดี ‘อย่าทระนงตนไปหน่อยเลยว่าเป็นผู้ริเริ่ม เพราะนักเขียนก็เป็นเพียงผู้จำลองชีวิตจริงเท่านั้น’

“หลังจากเลิกรากับเธอได้ไม่นาน พี่ก็พบรักใหม่เป็นนักเขียนชื่อดัง ใช่! เขาเป็นผู้ชาย เราใช้ชีวิตร่วมกันที่แมนชั่นหรูย่านผู้มีอันจะกิน วันหนึ่ง พี่เกิดป่วย จึงเข้าโรงพยาบาล และแพทย์ได้วินิจฉัยว่าพี่ติดเชื้อเอชไอวี เราสองคนต่างทุ่มเถียงกันว่าใครคือต้นเหตุ จนสุดท้ายเราไม่สามารถทนมองหน้ากันได้อีกต่อไป พี่จึงตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่นี่”

ครั้นพูดจบประโยค คามินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้น เปิดคลิปวิดีโอ เป็นภาพคามินกับแฟนสาวของเกริกมีเซ็กซ์กัน ในวันที่สามคนดื่มฉลอง ซึ่งวันนั้นเกริกเมามายหลับสิ้นสติไป

เป็นไปตามคาด เกริกหยิบปืนเหนี่ยวไกพ่นกระสุนใส่ศีรษะของคามิน

 

-8-

ยั่งยืนเขียนให้มะโหนกพูดกับตนเองว่า

“คุณช่างเหี้ยมเกรียมกับคามินเหลือเกิน แม้คามินจะเขียนให้คุณตาย แต่เขายังมีมนุษยธรรมมากพอ ที่จะเขียนให้คุณไปสิ้นใจที่โรงพยาบาล และด้วยน้ำมือของฆาตกรที่ไม่ศรัทธาในตัวคุณแล้ว แต่นี่คุณเล่นเขียนให้เขาตายด้วยน้ำมือของคนสนิท ช่างใจร้ายจริงๆ”

“แต่ถึงอย่างนั้น ผมต้องยอมรับเลยว่า เป็นการออกแบบการตายที่สมบูรณ์ที่สุด”

 

-9-

คามินเขียนให้มะโหนกยื่นหนังสือขอลายเซ็นจากยั่งยืนเป็นคนสุดท้าย ก่อนปลิดชีวิตยั่งยืนด้วยปืนจุดสามแปด มะโหนกถอยห่างจากจุดเกิดเหตุ ในระยะที่พอหลีกหนีความชุลมุนมานั่งอ่านหนังสือ พลันนึกถึงเหตุการณ์ในก่อนหน้านี้ ที่ยั่งยืนติดต่อเขาเข้ามา เพื่อจ้างวานฆ่าตัวเอง ยั่งยืนคิดอยู่นานกับการหาวิธีตาย เพื่อกลบฝังความละอายใจ ที่หันหลังให้ผู้ทุกข์ยาก และบ่ายหน้ารับใช้ทุนนิยม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ยั่งยืนไม่อาจเผชิญหน้ากับตัวเองในวัยหนุ่มได้ ทุกครั้งที่จ้องมองตัวเองในกระจก ก็พบเพียงความจอมปลอม ยั่งยืนไม่อาจเฝ้ามองซากอุดมการณ์ในทุกค่ำคืนที่หลับฝัน และไม่อาจทนฟังแฟนหนังสือของตัวเองก่นด่าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันในโลกออนไลน์

ยั่งยืนจึงต้องหาทางออกให้กับตนเอง ด้วยการจบชีวิต เพื่อหลีกหนีความละอายใจ…

 

-10-

ยั่งยืนเขียนให้เกริกเอะใจ ว่าเรื่องเล่าและคลิปวิดีโอที่คามินให้ดูอาจไม่ใช่เรื่องจริง มันอาจเป็นเพียงแผนการทั้งหมดที่คามินได้วางไว้ ยั่งยืนเขียนให้เกริกหยิบเศษกระดาษซึ่งคามินถือติดมือมาพร้อมกับปืนขึ้นมาอ่าน แผ่นหนึ่งเป็นจดหมายลาตายของคามิน อีกแผ่นหนึ่งเป็นวิธีการเอาตัวรอดหลังจากเกริกปลิดชีพคามินแล้ว

ยั่งยืนเขียนให้เนื้อความบนกระดาษ แนะนำให้เกริกเช็ดทำความสะอาดรอยนิ้วมือของตัวเอง และนำปืนไปไว้ที่มือข้างถนัดของคามิน ทิ้งจดหมายลาตายไว้ข้างศพ และทำลายจดหมายแนะนำการเอาตัวรอดทิ้ง คามินสร้างความมั่นใจให้เกริก ว่าไม่ต้องกลัวคนอื่นจะสงสัย เพราะเมื่อวานคามินได้โพสต์สเตตัสลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ‘อยากตาย’ ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องคลิปวิดีโอนั้นและเรื่องที่คามินติดเชื้อเอชไอวี เป็นเรื่องที่คามินกุขึ้นมา เพราะหากไม่ทำเช่นนี้ เกริกก็คงไม่ลงมือ…

เขาเขียนให้ผู้อ่านป็นคนตัดสินว่าการตายของใครเหนือชั้นกว่ากัน… •