สำเริงคดี

ทรงวาด

 

36 ปีแห่งความหลัง

 

เปิดตัวแบบหรูแฟ่เซ็งแซ่ฟู่ฟ่าไปเมื่อช่วงกลางๆ เดือนพฤษภาคม ทั้งเชิญเสด็จปรินซ์วิลเลียมและดัชเชสออฟเคมบริดจ์ไปทอด’เนตรหนังรอบปฐมทัศน์ที่โรงหนังย่าน Leicester Square ในเซ็นทรัล ลอนดอน ทั้งฉายโชว์ในเทศกาลหนังเมืองคานส์ ครั้งที่ 75 ปีนี้ (หลังเว้นโหว่วืดเว่อร์ไป 2 ปีที่โควิดโลดแรง)

หนัง TOP GUN : MAVERICK ของเสี่ยทอม ครูซ น่ะซี

แถมในงาน CANNES FILM FESTIVAL ครูซยังได้รับรางวัลปาล์มทองคำเกียรติยศในฐานะนักแสดงผลงานดีเด่นมากว่า 30 ปีอีกซะด้วย

TOP GUN ภาคแรกออกฉายเมื่อปลายศตวรรษก่อนนู่น คือในปี 1986 เป็นเสมือนบั้งไฟเปรี๊ยะเปรี้ยงที่ฉุดโชติให้ทอม ครูซ กลายเป็นซุป’ตาร์ฉับพลัน

กระนั้นแฟนๆ กลับต้องรอ…คอย…มานานถึง 36 ปี กว่าจะมีภาคต่อ

“การทำภาคต่อของ TOP GUN เป็นงานที่น่าหวั่นเกรง” พระเอกวัย 59 บอก “มีแฟนหนังทั่วโลกถามไถ่กันมาหลายทศวรรษถึงภาคต่อของมันมากกว่าหนังเรื่องไหนๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะทำมันออกมายังไง ผมจึงมักกลับบ้านโดยครุ่นคิดว่าหนังควรนำเสนอออกมาแบบไหนหนอ”

ที่จริง การรอจังหวะที่จะทำภาคต่ออยู่นาน ก็ช่วยให้เทคโนโลยีพัฒนาจนสามารถตอบสนองความต้องการของผู้สร้างได้

ทุกวันนี้กล้องหนังมีขนาดเล็กลง จนผู้กำกับฯ โจเซฟ โคซินสกี้ สามารถใส่กล้อง 6 ตัวไว้ในห้องนักบินพร้อมผู้แสดงได้

ภาพของเครื่องบินเหินอากาศจึงมีมาตรฐานสมกับการฉายในโรงแบบ I MAX

นอกจากเทคโนโลยีแล้ว หนังยังเชื่อมโยงกับภาคแรก โดยไม่ได้แสดงออกที่การทำลายสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบทางวัฒนธรรมด้วย จะเห็นได้จากการขายดิบขายดีของแว่นกันแดดและมอเตอร์ไซค์ ว่ากันว่าแม้ผู้จัดโปรแกรมการบินของกองทัพเรือสหรัฐก็ยังให้ความสนใจ

ในการให้สัมภาษณ์กับ SKY NEWS ทอมบอกว่า “พื้นฐานของหนังภาคต่อย้อนไปถึงภาคต้นเมื่อปี 1986 พอร์ตของความสัมพันธ์ที่เราพูดถึงสามารถย้อนไปที่ต้นกำเนิดของมันได้ ทั้งสองภาคมีสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง แต่คอหนังรุ่นใหม่ก็สามารถเอ็นจอยกับมันได้”

เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี ผู้รับบทแฟนสาวของมาร์เวอริค ก็ว่า “หนังได้รับการถักทออย่างประณีตให้ดึงดูดใจผู้ชมทั้งสองรุ่น จึงคิดว่ามันมีความสดุลของภาคแรก ได้ทั้งสนุกและคนคุ้นเคย แต่ก็เป็นอะไรที่ใหม่ ทั้งมีความสะเทือนอารมณ์ คนที่ได้ดูแล้วบอกฉันว่า “ฉันร้องไห้ด้วยละ แม้ว่าไม่ได้คาดคิดว่าจะร้องไห้กับเรื่องนี้ก็ตาม”

ส่วน จอน แฮมเมอ ที่รับบทนายใหม่ของมาร์เวอริคในหนังพูดถึงการสืบทอดทางอารมณ์รู้สึกของ TOP GUN สองภาคว่า

“เราทั้งหมดต่างแก่ตัวลง และเราตัดสินใจต่างไปจากที่เคยตัดสินใจในศตวรรษที่ 20 นอกจากนั้น คำจำพวก ความรับผิดชอบ, หน้าที่, มิตรภาพ, ความภักดี และอะไรทำนองนี้ ก็มีความหมายเปลี่ยนไปแล้ว ผมคิดว่านี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้ชมจึงมีการตอบสนองทางอารมณ์รู้สึก ผมคิดว่าพวกเขาเองก็เติบโตขึ้นเช่นเดียวกับหนังนั่นเอง” •

 

ชมตัวอย่างภาพยนตร์ TOP GUN : MAVERICK  ได้ที่นี่