เมื่อ…นาย ไบเดน(バイデン)พบนาย คิชิดะ(岸田)/บทความพิเศษ สุภา ปัทมานันท์

บทความพิเศษ

สุภา ปัทมานันท์

 

เมื่อ…นาย ไบเดน(バイデン)พบนาย คิชิดะ(岸田)

 

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกหลังจากรับตำแหน่ง ในวันที่ 22 – 24 พฤษภาคม ต่อจากการพบกับประธานาธิบดี ยุน ซ็อกย็อล ผู้เพิ่งเข้ารับตำแหน่งของเกาหลีใต้

ภายใต้สถานการณ์อันตึงเครียดระหว่างนานาชาติจากสถานการณ์ยูเครน ญี่ปุ่นเตรียมการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดเพื่อต้อนรับการมาเยือนของผู้นำสหรัฐอเมริกา จัดกองกำลังอารักขาร่วม 2 หมื่นคน

การพบปะกันอย่างเป็นทางการระหว่างประธานาธิบดี โจ ไบเดน และ นาย ฟุมิโอะ คิชิดะ (岸田文雄)นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น มีขึ้นวันที่ 23 พฤษภาคม นับเป็นการประชุมร่วมกันเป็นครั้งแรก มีหัวข้อที่ต้องพูดคุยกันหลายเรื่อง อาทิ รัสเซียรุกรานยูเครน ลัทธิครองความเป็นเจ้า(hegemony) ที่เข้มข้นขึ้นของจีน การยิงขีปนาวุธในทะเลญี่ปุ่นหลายครั้งของเกาหลีเหนือ นโยบายป้องกันโควิด-19 เป็นต้น วันรุ่งขึ้นเป็นการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคง Quad(クアッド)

นาย คิชิดะ สมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในวาระ 4 ปีกว่า มีความสัมพันธ์อันดีกับ นาย ไบเดน ที่ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในรัฐบาล นาย บารัค โอบามา ขณะนั้น

ในวันรุ่งขึ้นที่ นาย คิชิดะ ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยแรก เมื่อ 5 ตุลาคม ปีที่แล้ว เขาได้โทรศัพท์ถึงนาย ไบเดน เป็นครั้งแรกของการพูดคุยกับผู้นำประเทศอื่นเมื่อเข้ารับตำแหน่งของนาย คิชิดะ

เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ในที่ประชุม COP 26 การประชุมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยสหประชาชาติที่จัดขึ้นที่อังกฤษ นายคิชิดะ ได้พบกับ นายไบเดน ช่วงสั้น ๆ ผู้นำทั้งสองมีจุดมุ่งหมายที่จะมีโอกาสพบปะพูดคุยกันโดยเร็ว นาย คิชิดะ มีแผนจะไปเยือนสหรัฐฯ แต่ติดปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนกระทั่งเดือนมกราคมที่ผ่านมาผู้นำทั้งสองได้ประชุมออนไลน์กัน ประมาณ 1 ชั่วโมง นายไบเดนรับปากจะไปเยือนญี่ปุ่น และเปิดประชุมผู้นำ Quad ร่วมกับ ผู้นำออสเตรเลีย และอินเดีย รวม 4 ประเทศภายในครึ่งแรกของปีนี้

กล่าวได้ว่า ที่ผ่านมาเป็นเพียงการพบกันช่วงสั้น ๆของ 2 ผู้นำ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทั้ง 2ฝ่ายมีโอกาสประชุมร่วมกันอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีหลายประเด็นที่หยิบยกมาหารือกันคือ

ประเด็นที่หนึ่ง การคว่ำบาตรรัสเซีย กรณีรุกรานยูเครน รัฐบาลญี่ปุ่นร่วมกับกลุ่มประเทศ G7 คว่ำบาตรรัสเซียกรณีรุกรานยูเครน รวมทั้งเบรารุสด้วย ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์

ญี่ปุ่นมีมาตรการแช่แข็งทรัพย์สินที่อยู่ในญี่ปุ่นของอภิมหาเศรษฐี 713 คนและ 62 องค์กร อาทิ ประธานาธิบดี ปูตินและบุคคลใกล้ชิด รัฐมนตรีต่างประเทศ กลุ่มคณาธิปไตย และประธานาธิบดี เบรารุส รวมกลุ่มผู้ใกล้ชิดด้วย และยังแช่แข็งทรัพย์สินของธนาคารกลางรัสเซีย และธนาคารยักษ์ใหญ่ของรัสเซียด้วย

ญี่ปุ่นห้ามการส่งออกสินค้าไปยังองค์กรที่เกี่ยวข้องกับกองทัพของรัสเซีย รวม 203 องค์กรที่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิจัย โรงงานต่อเรือของรัสเซียและเบรารุส และห้ามการส่งออกสินค้าพิเศษหลายรายการ เช่น อุปกรณ์การผลิตชิ้นส่วนเซมิคอนดัคเตอร์ เครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการเสริมกำลังอาวุธของกองทัพ อุปกรณ์การผลิตน้ำมัน สินค้าฟุ่มเฟือย เช่น อัญมณี เหล้า เป็นต้น อุปกรณ์ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ และห้ามการลงทุนในรัสเซียด้วย

นอกจากนี้ ยังห้ามนำเข้าสินค้าจากรัสเซีย เช่น เครื่องจักร ไม้ เหล้าวอดก้า เป็นต้น

ญี่ปุ่นร่วมกับกลุ่ม G7 ลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย ลดการนำเข้าถ่านหินเป็นลำดับจนถึงห้ามนำเข้า และลดการนำเข้าน้ำมัน ส่วนจะหยุดการนำเข้าเมื่อใดนั้นจะกำหนดต่อไป

ญี่ปุ่นยังถอดรัสเซียออกจากการเป็น “ประเทศที่ได้รับการอนุเคราะห์ยิ่ง” ที่ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าหลายชนิด ทำให้สินค้านำเข้าจากรัสเซียต้องมีภาษีนำเข้าสูงขึ้น

รัฐบาลญี่ปุ่นจะร่วมมือกับนานาชาติโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา กำหนดมาตรการเพิ่มแรงกดดันรัสเซียให้เข้มข้นขึ้นอีกเป็นลำดับ

ประเด็นที่สอง การต่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ยูเครน หลังจากรัสเซียรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นาย คิชิดะ ได้ร่วมประชุมออนไลน์กับผู้นำประเทศต่าง ๆตลอดมา โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ G7 ร่วมประชุมผู้นำที่เบลเยียม เดือนมีนาคม และยังมีการประชุมอื่นอีก 5 ครั้งที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มประเทศ G7 ด้วย

ญี่ปุ่นมีมาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวดต่าง ๆร่วมกับกลุ่มประเทศ G7 ในการแช่แข็งทรัพย์สินของประธานาธิบดีปูติน และผู้ใกล้ชิด ธนาคารกลางรัสเซีย และการถอดรัสเซียจาก “ประเทศที่ได้รับการอนุเคราะห์ยิ่ง” เป็นต้น

ญี่ปุ่นยังร่วมประชุมกับผู้นำบางประเทศในกลุ่ม G7 ด้วย อาทิ พบปะกับผู้นำ เยอรมัน อิตาลี และอังกฤษ ส่วนผู้นำสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ได้สนทนากันสั้นๆในระหว่างการประชุมพหุพาคี และได้โทรศัพท์สนทนากับผู้นำฝรั่งเศสด้วย

นอกจากนี้ นาย คิชิดะ ยังเป็นผู้นำกลุ่มประเทศ G7 เพียงคนเดียว ที่ได้พบปะประชุมกับผู้นำของหลายประเทศในเอเชีย เดือนมีนาคมไปเยือนกัมพูชา และช่วงวันหยุดยาวโกลเด้นวีคของญี่ปุ่นได้เดินทางเยือน อินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย เป็นลำดับ ได้สนทนาเกี่ยวกับสถานการณ์ยูเครน และได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีเซเลนสกี ของยูเครน ถึง 3 ครั้ง ญี่ปุ่นให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ให้เงินกู้ และกองกำลังป้องตนเองของญี่ปุ่นได้มอบเสื้อเกราะกันกระสุนและหมวกนิรภัยให้แก่ยูเครนด้วย

ประเด็นที่สาม จีนกับลัทธิครองความเป็นเจ้า(覇権主義)หนึ่งในประเด็นสำคัญของการประชุมครั้งนี้ คือ การรับมือกับพฤติกรรมที่เข้มข้นขึ้นจากลัทธิครองความเป็นเจ้าของจีน ผู้นำทั้งสองให้ความสำคัญกับประเด็นการขยายอำนาจของจีนในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ ด้วยเห็นตรงกันว่าไม่อาจยอมรับ การใช้กำลังแต่เพียงฝ่ายเดียวเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ปัจจุบันในอาณาบริเวณนี้ และพร้อมเดินหน้า เพื่อให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมในภูมิภาคอินโดแปซิฟิค ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกามีนโยบาย เพิ่มความแข็งแกร่งในการใช้กำลังป้องกันและรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้

คาดว่าจะมีการย้ำเตือนเรื่อง การบังคับใช้มาตรา 5 ของสนธิสัญญาความมั่นคงญี่ปุ่น -สหรัฐอเมริกา(日米安全保障条約第5条)กำหนดเป็นหน้าที่ของสหรัฐอเมริกาที่ต้องปัองกันหมู่เกาะเซนคาคุ(尖閣諸島)ของญี่ปุ่นที่อยู่ทางตะวันตกของเกาะโอกินาวา

นอกจากนี้ ยังมีเป็นประเด็นในการหารือคือ การที่จีนจะกำหนดให้ไต้หวันเป็น “core interest”(核心的利益)ของจีนในอนาคตและเรื่องเขตปกครองตนเองซินเกียงอุยกูร์และปัญหาสิทธิมนุษยชนในฮ่องกงด้วย

ประเด็นที่สี่ การยิงขีปนาวุธจรวดนำวิถีระยะไกล(弾道ミサイルの発射)หลายครั้งของเกาหลีเหนือ  ผู้นำทั้งสองมีความเห็นพ้องกันว่า การที่เกาหลีเหนือพัฒนาเทคโนโลยีและเสริมกำลังทางด้านขีปนาวุธจรวดนำวิถีระยะไกลเป็นการท้าทายต่อประชาคมโลกอย่างยิ่ง ถือเป็นหน้าที่ของ 3ประเทศคือ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ ที่จะกำหนดนโยบายร่วมกันให้เกาหลีเหนือหยุดการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

นายคิชิดะ ขอความร่วมมือและความเข้าใจในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับชาวญี่ปุ่นถูกลักพาตัวโดยเกาหลีเหนือ(拉致問題)ในครั้งนี้ นาย ไบเดน พบปะกับครอบครัวของผู้ถูกลักพาตัวชาวญี่ปุ่นด้วย

เป็นที่น่าจับตาว่า รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์อันดีกับเกาหลีใต้ ภายใต้

รัฐบาลใหม่ของประธานาธิบดี ยุน ซ็อกย็อล ขณะที่ความบาดหมางระหว่างญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ลดความร้อนแรงลง ประธานาธิบดีไบเดนจะหยิบยก ปัญหาเกี่ยวกับหญิงชาวเกาหลีที่ถูกบังคับบริการทางเพศแก่ทหารญี่ปุ่น สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง(慰安婦問題)ขึ้นมาพูดหรือไม่

ยังมีอีกหลายประเด็นร้อน ๆทั้งสิ้น โปรดติดตาม…