ไม่ว่าจะมองบทบาท “แกนนำ” พรรคชาติไทยพัฒนาจาก “มุม” ใดใน ทางการเมือง

ล้วนมีความเป็นไปได้ทั้งสิ้น

เหมือนกับการที่ นายประภัตร โพธิสุธน ปรากฏกายพร้อมกับ นายวราวุธ ศิลปอาชา และ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ในการต้อนรับขับสู้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

จะเป็นการส่ง “ซิก” ในทาง “การเมือง”

หลายฝ่ายสรุปอย่างไม่ลังเลว่า พรรคชาติไทยพัฒนา “ซบ” กับคสช.แล้ว

เหมือน-เหมือนกับ “พรรคภูมิใจไทย”

เป็นเช่นนั้น จริงละหรือ

 

ความจริง บทบาทและการแสดงออกของ นายประภัตร โพธิสุธน และ นายวราวุธ ศิลปอาชา มิได้มีอะไรผูกมัด

จะมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวก็ได้

จะมองว่าดำเนินไปตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทยที่ว่า”ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ”ก็ได้

เพราะว่านี่มิได้เป็นคำตอบ “สุดท้าย”

คำตอบสุดท้ายยังอยู่ที่เมื่อใดคสช.จึงจะยินยอม “ปลดล็อก” ให้พรรคการเมือง

เมื่อใดจึงจะมี “วันเลือกตั้ง” อย่างแน่นอน

และยังอยู่ที่ว่า “ผล” ของการเลือกตั้งออกมาหรือชี้ไปในทิศทางใด

เหมือนเมื่อปี 2550 เหมือนเมื่อปี 2554 หรือไม่

 

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า นายประภัตร โพธิสุธน นายวราวุธ ศิลปอา ชา เป็น “นักการเมือง”

สัมพันธ์อยู่กับ “การเลือกตั้ง”

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า การเมืองไทยนับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 เป็นต้นมา มากด้วยความสลับซับซ้อนภายใต้กระบวนท่า

“ลับ ลวง พราง” อันแพรวพราว

แม้ “ลับ ลวง พราง” จะเป็นอาวุธของทหาร แต่นั่นจะไม่ยอมให้ “นักการเมือง” หยิบฉวยมาเป็นประโยชน์บ้างเลยหรือ

จำได้หรือไม่ว่า “การศึกมิหน่ายเล่ห์” การเมืองก็มิหน่ายเล่ห์