‘เสียง, ฟัง และได้ยิน’ / หลังเลนส์ในดงลึก : ปริญญากร วรวรรณ

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ
กวาง - กวางตัวผู้ตัวนี้ พักผ่อนอย่างสบายใจเพราะมีนกยางคอยช่วยระวังไพรใกล้ๆ

หลังเลนส์ในดงลึก

ปริญญากร วรวรรณ

 

‘เสียง, ฟัง และได้ยิน’

 

23.45 นาฬิกา

เสียงร้องแหลมของสัตว์ดังขึ้นเพียงชั่วครู่ นอกจากเสียงนกเค้ากู่เป็นจังหวะแล้ว สภาพป่ารอบๆ แคมป์ตกอยู่ในความเงียบ

ผมรู้สึกตัวเพราะเสียงร้องนั่น เสียงมีสำเนียงของความเจ็บปวด เป็นคล้ายเสียงสุดท้ายก่อนหมดลมหายใจ

รุ่งเช้า ผมเดินไปดู ห่างจากแคมป์ราว 200 เมตร มีร่างเลียงผาโตเต็มวัยตัวหนึ่ง

ที่คอมีรอยเขี้ยวเสือ เป็นผลงานของเสือดาวที่มีรอยตีนรอบๆ

เมื่อคืนมันทำงานอย่างเงียบกริบ ไร้เสียงขู่คำราม นอกจากเสียงเลียงผาแล้ว ผมไม่ได้ยินเสียงใดๆ

เราย้ายแคมป์ เพราะเหยื่ออยู่ใกล้เราเกินไป หากเสือระแวงและทิ้งซากไป การลงแรงของมันจะสูญเปล่า

ซากเลียงผาทำให้ผมเห็นมากขึ้นว่า เสือมีทักษะในการทำงานที่ได้รับมอบหมายมามากเพียงไร

 

อีกวันหนึ่ง ขณะกินข้าวเช้าในแคมป์ เสียง “เปิ้บ!” ดังขึ้นเป็นเสียงร้องอย่างตกใจของกวาง

ตามมาด้วยเสียงคำรามเบาๆ ของเสือ หลังจากนั้น ทั่วทั้งบริเวณก็ระงมไปด้วยเสียงกระรอก, ไก่ป่า รวมทั้งนก ร้องรับไปเป็นทอดๆ

เสียงคล้ายจะเกิดขึ้นห่างจากแคมป์ไม่ถึง 100 เมตร

หลังเสียงเงียบ ผมเดินไปดู มีรอยตีนเสือโคร่งขนาดอุ้งตีนไม่โตนัก น่าจะเป็นตัวเมีย

รอยตีนเดินมาอย่างสบายๆ แต่หลังกวางร้องอย่างตกใจ และมันคงสัมผัสได้ว่ามีคนอยู่แถวนั้น จึงมีรอยเดินผละไป

บางทีกวางอาจเป็นเป้าหมายของมัน แต่กวางรู้ตัว รวมทั้งกระรอกและนกต่างๆ ช่วยกันเตือน

เมื่อเสือปรากฏตัวที่ไหน ที่นั่นจะมีเสียงเหล่า “ยาม” ร้องเตือน

เสือลงมือ 9 ครั้ง ครั้งที่ 10 จึงสำเร็จ เป็นความจริง

และเป็นความจริงเช่นกันว่า ในตอนที่พวกมันพลาด ไม่มีคนเห็น


กวาง – กวางตัวผู้ตัวนี้ พักผ่อนอย่างสบายใจเพราะมีนกยางคอยช่วยระวังไพรใกล้ๆ

เรารู้กันดีว่า เสือจะอยู่ได้เพราะมีเหยื่อ รวมทั้งการล่าที่ประสบผลสำเร็จ การล่าทุกครั้งมันต้องใช้พลังงานและทักษะที่มีอย่างมาก เสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตให้รอดจากเหยื่อ

ไก่ป่า, นก, กระรอก จะร้องเตือนภัย ไม่ว่าเสือจะเยื้องร่างไปไหน

คงไม่น่ารื่นรมย์นักหรอก อยู่ลำพัง ไม่มีพรรคพวก

จะล่าแต่ละครั้ง นอกจากต้องพรางตัวให้พ้นสายตาเหยื่อ ยังต้องพรางตัวให้พ้นจากทุกสายตาด้วย

 

เมื่อสายฝนมาก่อนกำหนด บางชีวิตถือเป็นเรื่องน่ายินดี

สิ่งที่เฝ้ารอมาถึง หน่อไม้ในดงไผ่เริ่มโผล่พ้นดิน กระทิงฝูงมุ่งหน้ามา รอยช้างที่มีลูกเล็กๆ หลายตัวดึงไผ่ลงมากองขวางทาง เป็นไผ่ที่มีหนามแหลมราวกับตะปู นี่เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งหากจะนำรถผ่าน

ช้าง, กระทิง และเสือ ดูเหมือนว่านี่เป็นการเดินทางของสัตว์ป่าที่เห็นภาพชัดเจน

ปกติพวกมันเดินไปตามแหล่งอาหารเป็นวงรอบ นำโดยช้าง ตามด้วยกระทิง และอื่นๆ

เมื่อมีสัตว์กินพืช จึงคล้ายเป็นธรรมดาที่สัตว์ผู้ล่าจะมาร่วมวง

 

แม้จะเป็นช่วงกลางฤดูแล้ง แต่เราก็พบกับสายฝนทุกบ่าย ตกหนักสลับเบา และปรอยๆ ไปจนกระทั่งฟ้ามืด

ตอนเช้าแสงแดดแรง ลมพัดยอดไม้เอนลู่

เสียงกิ่งไม้หักตกลงพื้น ต้นไม้ล้ม นั่งอยู่ในซุ้มบังไพร เสียงไผ่หักติดต่อกัน นั่นเป็นเพราะช้าง ไม่นานพวกมันจะมาที่แหล่งอาหาร

ช่วงบ่าย ชะนีเงียบเสียง พวกมันหาที่นอนตั้งแต่ 3-4 โมงเย็น ต่างจากพวกค่างที่หลายครั้งแม้ท้องฟ้าจะมืดแล้ว แต่พวกมันยังเดินทางไปตามกิ่งไม้

ในการเดินทาง ค่างต่างกับชะนี ขณะชะนีใช้วิธีโหนไปตามกิ่ง ค่างจะใช้วิธีไต่และกระโดดเกาะกิ่งไม้

ผมเห็นพวกมันพลาดตกจากต้นไม้บ้าง ไม่ใช่เรื่องแปลก คนในป่าพบการพลาดของค่างบ่อย

พวกมันเชื่อในการกระโดดว่า ไม่พลาด แต่มันอาจไม่รู้ว่า กิ่งไม้ที่จะไปเกาะนั้น เปราะเพียงใด

และนี่เป็นบทเรียนที่ยาก

 

ป่าไม่เคยอยู่ในความเงียบ มีเสียงต่างๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา บางเสียงรู้ว่าเป็นเสียงอะไร บางเสียงทำให้รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น และบางเสียงก็เป็นปริศนา

คล้ายเป็นเรื่องธรรมดา ที่ต้องฟังจึงได้ยิน

 

ชีวิตปกติในแคมป์ที่ถูกรายล้อมด้วยความมืด เปลวไฟปะทุ แมลงกรีดเสียง นกเค้าแมวส่งเสียงเป็นจังหวะ

ผมนึกถึงเสียงร้องก่อนหมดลมหายใจของเลียงผา

เสียงคำรามของเสือที่ได้ยินตอนสายๆ เสียงยามร้องเตือน

ในป่ามีเสียงสารพัดเสียง

“เสียง, ฟัง และได้ยิน” เป็นเรื่องเดียวกัน •